จนถึงวันนี้ก็ยังหาตัวฆาตกรที่ฆ่าน้องชมพู่ยังไม่ได้

       เป็นเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของน้องชมพู่ที่ต้องเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบไปอย่างไม่มีวันกลับดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดมุกดาหารเมื่อหนูน้อยวัย 3 ขวบหายออกไปจากบ้าน

ตั้งแต่ช่วงเช้าจนเวลาผ่านไปถึง 5 วันจึงมีคนไปพบศพซึ่งศพของน้องชมพู่นั้นบริเวณกลางป่าซึ่งอยู่ในภูเขาภูเหล็กไฟซึ่งหากเดินทางจากบ้านของน้องชมพู่ไปยังบริเวณที่พบนั้นเป็นระยะทางไปมากกว่า 5 กิโลเมตรโดยเป็นไปไม่ได้ที่น้องจะเดินไปถึงบริเวณที่จนเองเสียชีวิตเนื่องจากว่านักข่าวได้มีการลงไปสำรวจพื้นที่พบว่าหากเดินไปจากทางหลังบ้านของน้อง

จะต้องผ่านไร่มันสำปะหลังซึ่งมีความลบและเมื่อทะลุไร่มันสำปะหลังเข้าไปแล้วก็จะถึงบริเวณตีนเขาซึ่งจะเป็นลักษณะของหินที่สูงชันลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นไปไม่ได้ที่เด็กอายุแค่เพียง 3 ขวดเท่านั้นจะปีนขึ้นไปบนภูเขาที่สูงชันแบบนั้นได้ขนาดคนเป็นผู้ใหญ่เองยังถือว่าเหนื่อยมากกว่าจะขึ้นได้ในแต่ละก้าวและความสูงของหิน

แต่ละลูกนั้นก็เกินความสูงของเด็กอายุ 3 ขวบที่จะสามารถเดินขึ้นไปได้จากการวิเคราะห์ของนักข่าวในตอนนี้หลังจากที่ได้มีการเข้าไปสำรวจพื้นที่ที่พบศพมั่นใจได้ว่าน้องชมพู่นั้นถูกลักพาตัวไปแน่นอนซึ่งคนที่ลักพาตัวไปนั้นจะต้องเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างร่างกายกำยำแข็งแรงและต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับการเข้าป่าเป็นอย่างดี

เพราะรู้ว่าบริเวณไหนที่สามารถเดินไปได้และบริเวณไหนที่จะสามารถหาที่พักพิงได้หรือหลบซ่อนได้นั่นเองเพราะถ้าหากว่าได้เดินทางมาจากหลังบ้านของน้องชมพู่แล้วถ้าต้องไปอีกเส้นหนึ่งก็ต้องขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปเท่านั้นรถใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางไกลมากดังนั้นเป็นไปได้ช่องทางก็คือคนที่มารับตัวน้องชมพู่ไป

จะต้องพาไปทางด้านหลังบ้านหรือไม่ก็ต้องนำขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ออกไปแต่เป็นที่น่าสังเกตว่าพ่อแม่ของน้องบอกว่าในช่วงเวลาที่น้องขายตัวในนั้นมีสุนัขอยู่ที่หน้าบ้านประมาณ 4 ตัวแต่สุนัขทุกตัวไม่มีตัวไหนที่จะเผาเลยแสดงว่าคนที่พาตัวน้องชมพู่ไปนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับสุนัขเหล่านั้นแน่นอนดังนั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คนมาทำการสอบสวนอยู่แต่ยังไม่ออกมาให้การว่าใครกันแน่

ที่เป็นคนร้ายในการนำตัวน้องชมพู่ไปฆ่าตายในครั้งนี้และเหตุจูงใจนั้นคืออะไรและเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อสงสัยและพิรุธหลายอย่างซึ่งตอนนี้ได้มีการนำร่างของน้องไปทำการผ่าพิสูจน์เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้งซึ่งพ่อแม่ของน้องก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการหาข้อมูลในการจับกุมตัวคนร้ายในครั้งนี้สำหรับพรุ่งนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองหลายๆคน

ที่มีรูปเล็กๆว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่เพียงลำพังเพราะเราไม่รู้ว่าจะมีคนร้ายบุกเข้ามาถึงที่บ้านของเราและมาขโมยบุตรหลานของเราไปในตอนไหนได้อย่างไรก็ดีเราควรมีการอบรมสั่งสอนบุตรหลานของเราให้ระวังการพูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือแม้แต่คนใกล้ชิดเองก็ไม่ควรไปไหนมาไหนด้วยหากยังไม่ได้ขอผู้ปกครองเสียก่อน

 

สนับสนุนเรื่องราวมาจาก  bk8

เคอร์ฟิวเป็นเหตุทำคนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตมาแล้วหลายราย

                   ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าเกิดขึ้นที่ประเทศไทยทำให้รัฐบาลต้องมีการออกมาประกาศเคอร์ฟิวเพื่อป้องกันการมั่วสุมของกลุ่มวัยรุ่นมีช่วงเวลากลางคืนโดยการกำหนดให้มีการกลับเข้าบ้านก่อนช่วงเวลา 22:00 น

ของทุกวันและจะสามารถออกนอกบ้านได้ตั้งแต่เวลา 04:00 นเป็นต้นไปซึ่งกันประกาศเคอร์ฟิวในครั้งนี้มีต่อเนื่องยาวนานมาหลายเดือนแล้วและนับตั้งแต่มีการประกาศให้มีคลอโรฟิลล์เกิดขึ้นทำให้หลายคนที่ต้องไปทำงานต่างก็ต้องรีบกลับมาบ้านให้ทันก่อนเวลา 10:00 น

ซึ่งบางครั้งทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับบุคคลเหล่านั้นบ้างก็แค่บาดเจ็บสาหัสแต่บ้างก็เสียชีวิตตรงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่ง มีบางคนที่ไม่สบายในช่วงเวลากลางคืนต้องการที่จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการแต่ก็เกรงการออกนอกบ้านแล้วจะเจอจับกุมในช่วงเวลาของเคอร์ฟิวทำให้หลายคนยอมที่จะไม่สบายและไปหาหมอในรุ่งเช้าแทนทำให้เราได้เห็นว่าตอนนี้ประเทศไทยของเรากำลังมีการดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากมากขึ้น

ซึ่งแน่นอนว่าการควบคุมไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นไปมั่วสุมกันช่วงเวลากลางคืนนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำแต่ก็ควรจะมีการอะลุ้มอะหล่วยสำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้านจริงๆเช่นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลหรือแม้แต่คนที่อาจจะต้องทำงานดึกแล้วกลับบ้านไม่ทันเพื่อจะได้ลดการเกิดอุบัติเหตุของประชาชนในช่วงนี้

เพราะถ้าหากเราติดตามข่าวสารมาก็พบว่าในทุกๆวันประชาชนมักจะมีการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากมีการขับรถเร็วและไม่สามารถควบคุมรถได้เพราะทุกคนต่างก็รีบเร่งที่จะกลับบ้านให้ทันช่วงเวลาเคอร์ฟิวเพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะต้องถูกจับกุมไปขังคุกซึ่งเสียเวลาประกันตัวออกมาอีกด้วย ซึ่งการประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้แม้แต่ดาราเองก็ยังขับรถประสบอุบัติเหตุเพราะต้องการรีบกลับบ้านให้ทันก่อนเคอร์ฟิวเช่นเดียวกันอย่างเช่นพริตตี้สาว ออฟฟี่ Maxim

ซึ่งเธอได้ออกมาโพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวของตนเองว่าได้ประสบอุบัติเหตุรถชนกับขอบสะพานเนื่องจากว่าต้องรีบขับรถกลับบ้านก่อนที่จะมี เคอร์ฟิว  รายการประสบอุบัติเหตุของเธอในครั้งนี้เกิดขึ้นในคืนของวันที่ 28 เดือนเมษายนปี 2563

ที่ผ่านมาซึ่งตัวเธอเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนลดของเธอนั้นอาการสาหัสไฟหน้าแตกและมีรอยขูดตรงขอบทางเป็นทางยาวซึ่งต้องเสียค่าซ่อมเป็นจำนวนหลายบาทเลยทีเดียวทั้งนี้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องของการประสบอุบัติเหตุเพราะต้องรีบกลับให้ทันก่อนช่วงเคอร์ฟิวนั้นหลายคนควรจะนำมาเป็นอุทาหรณ์ให้มีการเตรียมตัวออกจากที่ทำงานให้เร็วขึ้นจากเดิมเพื่อจะได้ลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงที่จะกลับไม่ทันเวลาเคอร์ฟิว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 ดีไหม

สังหารโหด ฆ่าปาดคอ ทิ้งศพประจานไว้หน้าบ้าน

       ที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีเหตุการณ์สังหารโหดหญิงสาววัยกลางคนอายุประมาณ 47 ปีที่บ้านพักของเขาโดยมีรายงานข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 13 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้ที่ไปพบศพหญิงสาว

คนดังกล่าวในช่วงเช้ามืดจึงได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบศพเมื่อทางเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงก็พบว่าบ้านดังกล่าวเป็นของนางพิลาจันทร์และศพที่อยู่หน้าบ้านของนางพิลาจันทร์นั้นก็คือนางพิลาจันทร์นั่นเอง 

ซึ่งสภาพศพของนางพิลาจันทร์  พบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายทั้งที่ศีรษะและบริเวณลำคอโดยที่หัวนั้นมีการถูกของแข็งทุบตีและที่ลำคอของนางพิลาจันทร์มีร่องรอยการถูกปาดคอโดยคนที่มาพบศพคนแรกได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองเดินผ่านมาบริเวณนี้พอดีเห็นว่ามีคนนอนอยู่ที่หน้าบ้านของนางพิลาจันทร์ จึงได้เดินเข้ามาดูแล้วก็พบว่านางพิลาจันทร์ กลายเป็นศพไปเสียแล้วทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งสันนิษฐานเอาไว้ว่าสาเหตุที่มีคนฆ่านางพิลาจันทร์นั้น

น่าจะมาจากเรื่องของการชิงทรัพย์เนื่องจากบ้านของนางพิลาจันทร์  นั้นอยู่ในป่าลึกค่อนข้างเปลี่ยวห่างไกลผู้คนหรืออาจจะเป็นเรื่องของปมชู้สาว  และอาจจะเป็นเรื่องของยาเสพติดก็ได้ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประเด็นหลักๆ

เอาไว้เพื่อนำไปทำการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสำรวจบริเวณรอบบ้านมีการสันนิษฐานเอาไว้ว่าคนที่ฆ่านางพิลาจันทร์  นั้นน่าจะเป็นคนใกล้ชิดของนางพิลาจันทร์ เองเลยคิดว่าคนที่ลงมือฆ่านางพิลาจันทร์  อาจจะมีการเดินทางมาหานางพิลาจันทร์  แล้วน่าจะมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงมีปากเสียงกันขึ้น

ซึ่งน่าจะมีความโกรธแค้นกันเป็นอย่างมากเพราะวิธีการฆ่านั้นทารุณเป็นอย่างมากอีกทั้งคนร้ายยังมีการทิ้งศพของนางพิลาจันทร์ ไว้หน้าบ้านโดยที่ไม่มีการอำพรางศพแต่อย่างใดซึ่งถือว่าเป็นการประจานศพเป็นอย่างมากโดยวิธีการที่คนร้ายใช้ก่อเหตุฆ่านางพิลาจันทร์  นั้นเป็นเหมือนกันที่ใช้ไม้หรืออาจจะเป็นด้ามจอบหรือแม้แต่ด้ามเสียมวาดไปที่หัวของผู้เสียชีวิต

และยังมีการใช้กรรไกรแทงไปที่หลังหูของผู้เสียชีวิตอีกด้วยซึ่งยังมีร่องรอยการใช้มีดอีโต้ปาดคอทำให้แผลบริเวณคอมีเลือดออกเป็นจำนวนมากตัดหลอดลมเสียขาดจนทำให้ผู้เสียชีวิตตายในทันทีและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พบหลักฐานอาวุธที่มีการทำร้ายนางพิลาจันทร์   เรียบร้อยแล้วด้วยอาวุธนั้นมีเป็นด้ามจอบและกรรไกรและมีดซึ่งเอาทั้ง 3 ชนิดนั้น

มีเลือดติดอยู่ทั้งหมดโดยสามารถยืนยันได้ว่าอาวุธทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นอาวุธที่คนร้ายใช้สังหารนางพิลาจันทร์ แน่นอน เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตนั้นเคยมีสามี 2 คนแต่ก็ได้เลิกรากันไปแล้วดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องมีการเรียกตัวสามีทั้งสองคนมาสอบปากคำ

 

สนับสนุนโดย  rb88 thailand

อาถรรพ์ร้านคาร์แคร์

อาถรรพ์ร้านคาร์แคร์เสียเจ้าของร้านคิดสั้นยิงตัวตายตามรอยเจ้าของเดิม

          เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 10 เดือนพฤษภาคมปีพศ2563 ที่ผ่านมามีชาวบ้านได้โทรแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หาดใหญ่ว่ามีคนยิงตัวตายที่ร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งซึ่งร้านดังกล่าวอยู่บริเวณถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 4

โดยอยู่ในเขตเทศบาลนครเมืองหาดใหญ่ได้รับแจ้งเหตุเรียบร้อยแล้วทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลจึงได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเมื่อเดินทางไปถึงก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นเพศชายนอนเสียชีวิตอยู่ด้านหลังของคาร์แคร์ซึ่งลักษณะศพนั้นนอนอยู่บนแคร่มีร่องรอยการถูกกระสุนปืนที่ศีรษะและบริเวณโดยรอบนั้น

มีการกินเหล้าเพราะมีขวดโซดาและแก้ววางอยู่ซึ่งต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิตว่านายอนุวัฒน์ซึ่งเขาเป็นเจ้าของคาร์แคร์ที่เป็นที่เกิดเหตุแห่งนี้โดยบริเวณที่เกิดเหตุนั้นยังมีภรรยาของผู้ตายซึ่งยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเศร้าหมองโดยเธอให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสามีของเธอก่อเหตุฆ่าตัวตายเนื่องจากสามีเป็นคนคิดมากเกรงว่าจะไม่สามารถดูแลทุกคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดีเลย

ตอนนี้ทางสามีเองได้มีการขายคาร์แคร์แห่งนี้ให้กับลูกค้าคนอื่นไปแล้วซึ่งมีการรับเงินมาแล้ว 2 ล้านบาทเป็นค่ามัดจำและวันที่ 14 นี้จะมีการรับเงินเพิ่มอีก 8 ล้านบาทแต่ระหว่างที่รอที่จะรับเงินค่าขายกิจการคาร์แคร์นี้นายอนุวัฒน์ก็มีลักษณะที่แปลกไปซึ่งเคยคุยกับทางภรรยาว่ากลัวว่าขายกิจการไปแล้วเงินจะหมดแล้วจะไม่สามารถหาเงินมาดูแลภรรยาและคนในครอบครัวได้เจอภรรยาของนายอนุวัฒน์ยังกล่าวอีกว่าจริงๆแล้วที่ขายคาร์แคร์แห่งนี้ไปก็มีแผนการกันกับนายอนุวัฒน์ว่าจะไปเปิดร้านขายของอยู่ที่หน้าบ้าน

ซึ่งเพื่อนบ้านที่รู้จักนายอนุวัฒน์ดีได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าปกติแล้วนายอนุวัฒน์เป็นคนดีเป็นคนยิ้มแย้มง่ายแล้วที่สำคัญเป็นคนที่มีเงินทำให้ตนเองไม่คิดว่านายอนุมัติจะคิดสั้นแต่เพื่อนบ้านบอกว่าเกรงว่าที่นายอนุวัฒน์ไปได้ทั้งนี้เพราะอาจจะเป็นลักษณะของการเป็นตัวตายตัวแทนกันก็เป็นได้เพราะเธอเล่าว่าก่อนหน้านี้ที่ดินผืนนี้

เป็นของนายอนุวัฒน์ก็จริงแต่เขาได้เปิดคาร์แคร์แห่งนี้แล้วปล่อยให้คนเช่าซึ่งในตอนนั้นมีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาเช่าคาร์แคร์แห่งนี้แล้วเกิดการทะเลาะกันหลังจากนั้นก็เกิดการฆ่ากันตายเกิดขึ้นเมื่อผู้เช่าคน นายอนุวัฒน์และภรรยาจึงย้ายมาคุมกิจการคาร์แคร์แห่งนี้

ซึ่งนายอนุมัติเองก็มาก่อเหตุฆ่าตัวเองตายเหมือนกันทั้งที่โดยหลักเท่าที่เห็นแล้วก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้อนุมัติต้องฆ่าตัวตายได้เพราะนายอนุมัติไม่ได้เดือดร้อนอะไรและครอบครัวก็รักกันดีอย่างนั้นเพื่อนบ้านจึงบอกว่าน่าจะเป็นอาถรรพ์ของคาร์แคร์มากกว่า

 

สนับสนุนโดย  bk8 ฟรี เครดิต

แม่ค้าขายขนมจีบความจริงแล้วว่ารับขนมจีบมาจากที่อื่น 

จากข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดนั่นก็คือเรื่องของที่มีแม่ค้าผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอได้ทำการขายขนมจีบโดยการนั่งรถมอเตอร์ไซค์แนะนำขนมจีบมาขายข้างทางได้มีคุณยายคนหนึ่งมีอายุประมาณ 60 ปีซึ่งคุณยายคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ได้ทำการซื้อขนมจีบ

จากผู้หญิงคนที่ขายข้างทาง ซึ่งหลังจากนั้นผ่านไปไม่นานผู้หญิงคนนั้นหรือก็คือคนแก่คนนั้นได้เริ่มท้องเสียมากขึ้นจนสุดท้ายก็ได้เสียชีวิตลงไปตำรวจได้พยายามค้นหาว่าใครที่ซื้อบ้านแล้ว

หาข้อมูลได้ก็ไปหาคนที่ซื้อขนมจีบคนที่ซื้อขนมจีบจากแม่ค้าคนเดียวกันนั้นก็บอกว่าตนก็ท้องเสียเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้ถึงตายซึ่งทางตำรวจได้ไปสัมภาษณ์และได้ไปสอบถามพ่อของผู้หญิงที่ขายขนมจีบซึ่งพ่อของผู้หญิงที่ขายขนมจีบนั้นบอกว่าลูกสาวของเขานั้นเป็นคนที่ขายขนมจีบมานานมากแล้วมากกว่า 1 ปีด้วยซ้ำ

ซึ่งจริงๆแล้วลูกสาวของเขาไม่ได้เป็นคนทำขนมจีบขึ้นมาเองแต่เธอได้ไปซื้อขนมจีบและน้ำจิ้มขนมจีบมาจากร้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปีด้วยซ้ำซึ่งจริงๆแล้วลูกสาวของเขาไม่ได้เป็นคนทำขนมจีบขึ้นมาเองแต่เธอได้ไปซื้อขนมจีบและน้ำจิ้มขนมจีบมาจากร้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดฉะเชิงเทราไม่มีวันไหนเลยที่เธอ ทำขนมด้วยตัวเองมักจะไปซื้อของจากร้านที่จังหวัดฉะเชิงเทราทุกๆครั้งปกติจะขายหมด

ตั้งแต่ช่วงนี้ยังไม่ถึง 13:30 เขายืนยันว่าเธอไม่ได้ใส่สารผิดอย่างแน่นอน หลังจากที่ตำรวจได้รับฟังก็ยังไม่ค่อยเชื่อใจสักเท่าไหร่ดังนั้นจึงได้ทำการตรวจดูขนมจีบอย่างเคร่งครัดและละเอียดอ่อนจนสุดท้ายก็สามารถเห็นว่าไม่มีสารอันตรายอยู่ในน้ำจิ้มของขนมจีบแม่ค้าคนที่ขายนั้นก็ได้บอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนใส่เอง

ซึ่งเธอนั้นรับมาจริงๆและไม่ได้ดัดแปลงอะไรเลยเพื่อนฉันจะเข้าถึงอันใหม่แล้วค่อยนำไปขายซึ่งนอกจากนั้นเธอยังบอกอีกว่าจริงๆแล้วเธอก็ได้รับประทานน้ำจิ้มและขนมจีบเข้าไปแล้วเช่นกันซึ่งเธอก็ได้อาการท้องเสียแล้วเหมือนกัน

แต่ว่าเธอก็นำยางไปขายต่อเพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองท้องไส้ไม่ดีมาตั้งนานแล้วจึงคิดว่าอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้ำจิ้มและขนมจีบของตัวเองที่จะนำไปขายดังนั้นจึงนำไปขายต่อและตัวเองได้บอกอีกว่าไม่ได้รู้จริงๆว่ามีสารอันตรายอยู่ในขนมจีบของตัวเอง

ซึ่งเธอได้ยินยันว่าเธอจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้วแล้วก็จะไปขอขมาครอบครัวของคุณยายที่ได้เสียชีวิตลงซึ่งตอนนี้เธอก็กำลังรอให้ศาลพิพากษาว่าเธอจะโดนรับโทษแบบไหนค่ะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk888

ครูใจทราม 5 คนจับมือกับศิษย์เก่าของโรงเรียน 2 คนร่วมกันข่มขืนเด็กม.2 

          กำลังเป็นข่าวใหญ่โตโด่งดังมากอยู่ในขณะนี้เมื่อมีชาวบ้านคนหนึ่งนามสมมุติว่านางโอได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจสภ.ผึ่งแดด   

ซึ่งเป็นสถานีตำรวจในจังหวัดมุกดาหารโดยนางโอได้มีการเข้าร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหลานสาวของตนเองนั้นเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหารได้ถูกอาจารย์ที่สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนดังกล่าวข่มขืนกระทำชำเราจำนวนทั้งสิ้น 5 คนและที่สำคัญอาจารย์ทั้ง 5 คนยังได้มีการชักชวนลูกศิษย์เก่า

ที่เคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้มาก่อนมาร่วมข่มขืนกระทำชำเราหลานของตนเองอีกด้วยรวมทั้งสิ้นหลานสาวของเธอถูกกลุ่มครูและลูกศิษย์เก่ารวมทั้งหมด 7 คนข่มขืนกระทำชำเราโดย นางโอ ได้มีการแจ้งชื่อคุณครูที่ก่อเหตุรวมถึงวิชาที่คุณครูทั้งหมด

สอนว่าสอนวิชาอะไรบ้างและยังแจ้งรายชื่อของศิษย์เก่าอีก 2 คนที่ร่วมกันข่มขืนหลานสาวของเธอ โดยเธอเล่าว่าหลานสาวของเธอถูกทั้ง 7 คนข่มขืนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีพศ2562 ซึ่งหลานสาวของเธออายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้นโดยครั้งแรกได้ถูกอาจารย์ท่านหนึ่งลงไปข่มขืนที่ห้องพักครูหลังจากนั้นหลานสาวเธอก็โดนข่มขืนได้มาประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง

ซึ่งระหว่างนี้คุณครูที่ข่มขืนหลานสาวของเธอได้มีการชักชวนเพื่อนๆที่เป็นครูด้วยกันมาร่วมข่มขืนด้วยโดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันซึ่งบางครั้งนอกจากหลานสาวของเธอจะถูกข่มขืนแล้วเพื่อนของหลานสาวของเธอก็ยังถูกข่มขืนด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจะได้มีการประสานงานไปที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดมุกดาหารเพื่อลงมาดูแลเด็กหญิงวัย 14 ปีที่ถูกคุณครูทำเราโดยให้นำตัวเด็กไปดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจรวมถึงให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้และคอยให้คำปรึกษาเด็กและครอบครัวของเด็ก

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนกระทำชำเราเด็กมารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้วโดยทั้ง 7 คนได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการอย่างที่นางโอทำการร้องเรียนไปโดยเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 7 คนได้มีการยื่นเรื่องขอประกันตัวซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้อนุมัติการประกันตัวไปเรียบร้อยแล้วทั้งนี้

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีการหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของการข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุ 14 ปีในครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ผมต้องนำตัวเด็กไปทำการตรวจร่างกายเพื่อนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งด้วย

      ที่จริงคราวนี้ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าผู้ปกครองของเด็กทราบเรื่องราวได้อย่างไรและตัวเด็กเองปล่อยให้เรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ได้อย่างไรและยังยินยอมพร้อมใจให้ครูข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้งโดยที่ไม่แจ้งผู้ปกครองได้อย่างไร

ซึ่งหากมีการสอบสวนจริงๆอาจจะไม่ใช่เป็นการข่มขืนกระทำชำเราแต่อาจจะเป็นการยินยอมพร้อมใจของเด็กเองเพียงแต่ว่าครูทั้ง 5 คนต่างก็มีความผิดที่มีอะไรกับเด็กอายุแค่เพียง 14 ปีเท่านั้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 pantip

ง้อเมียไม่สำเร็จกราดยิงคนในบ้านอดีตภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ 

      มีเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราเมื่อวันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งเหตุการณ์กราดยิงในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาดึกแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นมีสาเหตุเนื่องมาจากมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งอายุประมาณ 44 ปีชื่อว่านายป้อม 

ก่อเหตุนำอาวุธปืนมากราดยิงที่บ้านของอดีตภรรยาเนื่องจากไม่สามารถง้อภรรยาให้กลับมาคืนดีได้โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้อันที่จริงแล้วในวันดังกล่าวนายป้อมได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วแต่ไม่พบอดีตภรรยาซึ่งนายป้อมคิดว่าอดีตภรรยานั้น

อาจจะไปกับแฟนใหม่โดยนายป้อมเข้าใจว่าที่ภรรยาไม่ยอมคืนดีด้วยเพราะว่ามีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงเนื่องจากว่ามักจะเห็นอดีตภรรยาของตนเองนั้นไปไหนมาไหนกับผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่

จึงทำให้ ในตอนเย็นที่มาหาอดีตภรรยาแล้วไม่เจอนายป้อมได้มาเอะอะโวยวายจนเป็นเหตุให้พี่สาวของอดีตภรรยาได้มีการโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นนายป้อมได้ถอยออกจากบ้านไปโดยทุกคนไม่คิดว่าหลังจากที่ผ่านไปแค่เพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาระงับเหตุกลับไปแล้วนั้นนายป้อมจะย้อนกลับมาทำร้ายคนในบ้านอีกครั้งซึ่งการกลับมาครั้งที่ 2 นี้ในป้อมได้นำอาวุธปืนมาด้วย

และได้มีการกราดยิงเข้ามาในบ้านจนทำให้กระสุนปืนไปถูกพี่สาวของอดีตภรรยาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับลูกชายของนายป้อมเป็นอย่างมากเพราะนายป้อมมีความตั้งใจที่จะใช้อาวุธปืนมายิงภรรยาให้ถึงแก่ความตายเนื่องจากลูกชายของนายป้อมได้เห็น Facebook ของนายป้อมว่าได้มีการไปยิงภรรยาที่บ้าน

แต่ยังไม่สะใจดีซึ่งหลังจากที่นายป้อมได้มีการ กราดยิงคนในบ้านของอดีตภรรยาเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการขับรถกระบะหลบหนีไปซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการระดมกำลังไล่ล่าโดยเตรียมนายตำรวจจำนวนถึง 20 นายด้วยกันพยายามขับรถตามจนในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถตามนายป้อมให้มาดำเนินคดีได้

เนื่องจากว่าในระหว่างที่มีการขับรถหลบหนีนั้นนายป้อมได้ขับรถตกข้างทางประสบอุบัติเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ในครั้งนี้อดีตภรรยาของนายป้อมยืนยันว่าจะไม่กลับไปคืนดีกับนายป้อมแน่นอนเนื่องจากว่าตลอดเวลาที่คบหากันมา 25 ปีนายป้อมมักจะมีการทำร้ายร่างกายตนเองอยู่เป็นประจำและที่สำคัญ

และอดีตสามีได้มีการเลิกรากันไปนานถึง 10 ปีแล้วซึ่งหลังจากเลิกรากันไปตัวนายป้อมเองก็ไปมีผู้หญิงคนใหม่แต่ทุกครั้งที่มีการเลิกรากับผู้หญิงคนใหม่นายป้อมก็มักจะกลับมาหาอดีตภรรยาเพื่อนมาขอคืนดีแต่เมื่อไม่ยอมคืนดีด้วยก็มักจะโวยวายและขู่ทำร้ายคนในครอบครัวซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายป้อมทำดังนั้นทุกคนในครอบครัวยืนยันจะเอาเรื่องนายป้อมให้ถึงที่สุด

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  rb88

ข่าวสารจากเกาหลีเหนือ

ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังได้มีข่าวลือออกมาอยู่เรือยๆและก็ยังไม่มีใครที่ได้พบเห็น คิม จองอึน ที่เป็นภาพวีดีโอนอกจากมีการออกจดหมายไปหาผู้คนต่างๆ

ก็เลยทำให้ยังมีการคาดการณ์อยู่ว่าตลาบใดที่ยังไม่ได้เห็นตัวจริงๆของ คิม จอง อึน สถานการณ์ของ คิมจองอึน จะเป็นอย่างไรและก็สถานการณ์ผู้ถึงทาญาติทางการเมืองว่าได้วางใครเอาไว้ วันนี้เรามีมาให้ได้ดูกัน 

จริงๆแล้วยังไม่มีการวางทาญาติทางการเมืองของ คิม จอง อึน เอาไว้เพราะว่า นายคิม จอง อึน นั้นได้มีอายุแค่เพียง36ปีเศษ แล้วทีนี้ก็ยังได้มีการคาดการณ์เอาว่า ถ้าเกิดว่า นาย คิม จอง อึน นั้นไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ใครจะเป้นคนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน

แน่นอนเลยว่าจะต้องเป็นน้องสาวคิมยอจองได้ติดตามพี่ชายไปยังสถานที่ต่างๆในช่วงสองปีที่ผ่านมาอยู่ตลอด ซึ่งด้านคิมยอจองยังได้เคยเป็นผู้อำนวยการในกองโฆษณาชวนเชื่อและในการเคลื่อนไหวของพรรคแรงงานเกาหลีและในตอนนี้ก็ยังได้เป็นกรมอธิบดีประชาสัมพันธ์อีกด้วย

โดยจะมีหน้าที่สร้างภาพรักให้ดูดีในสายตาของชาวโลก นอกจากนี้ก็ยังได้เป็นหนึ่งในขณะกรรมการกรงการเมืองถือได้ว่าเป็นสตรีทรงมีอิทธิพลของเกาหลีเหนือกันเลยทีเดียวอีกทั้งยังได้เป็นหัวหน้าขณะเจ้าหน้าที่ให้แก่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนืออย่างไม่เป็นทางการอีกด้วย

ทั้งนี้ก็ยังได้มีการคาดการอีกด้วยว่าเธอนั้นได้เกิดในปี1988-1989ก็จะมีอายุราวประมาณ31ปีเศษ จากนั้นก็ได้มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่เป็นหลักฐานอัตชีวประวัติของนาย คิม จอง อิล ซึ่งภายในก็ได้บรรยายเอาไว้แบบนี้ว่า คิมยอจอง นั้นได้เป็นสาวน้อยแกมยุ้ยดูดีมีเสน่ห์จากนั้นก็ยังได้มีชื่อเล่นอีกด้วยว่าเจ้าหญิงยอจองได้เป็นชื่อที่พ่อของเขาได้ใช้เรียกก็คือ คิมจองอิล เรียกต่อมาก็ตามพี่ชายนาย คิม จอง อึน ไปเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์

จนถึงเมื่อในปีประมาณ2000ก็ได้กลับเข้ามาเรียนต่อที่เกาหลีเหนือและหลังจากนั้นเธอก็ได้เข้ามาที่มีบทบาทมากขึนอยู่เรื่อยๆเดินตามพี่ชายของเขาตลอดเลยในการเข้าประชุมสุดยอดระหว่าง พี่ชายกับผู้นำสหรัฐ ผู้นำเกาหลีใต้ และก็ยังได้เป็นตัวแทนของเกาหีเหนือไปร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในช่วงฤดูหนาว

เนื่องจากในตอนนั้นได้นำคณะนักกีฬาไปแล้วก็ทำให้ คิมยอจอง ได้กลายเป็นสมาชิกคนแรกของในสกูลคิมในสามรถุ่นเลยที่ได้เดินทางเกาเหลือใต้ในตอนที่ได้ไปเกาหลีใต้ในครั้งแรกนั้นได้นำสารจากพี่ชายไปให้ประธานาธิบดีมุนแจอินซึ่งในตระกูลคิมก็ได้ครอบครองมาแล้ว

ด้วยกันถึงสามรุ่นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเมื่อสหรัฐ และ สหภาพโซเวียตได้แบ่งคาบสมุทรเกาหลีออกเป็นสองส่วนและนี่ก็คือเรื่องราวของน้องสาวนายคิมจองอึน

 

สนับสนุนโดย  next88 pantip

คนไทยในเกาหลีใต้วอนรัฐบาลไทยพากลับบ้าน

คนไทยในเกาหลีใต้วอนรัฐบาลไทยพากลับบ้านตอนนี้ใกล้อดตายแล้วเพราะต้องคอยจ่ายเงินเลื่อนตั๋วเครื่องบินเพราะไทยปิดน่ายฟ้า

           มีรายงานข่าวเข้ามาเมื่อวันที่ 20 เดือนเมษายนพ.ศ 2563 ว่ามีคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ได้มีการร้องเรียนผ่านสื่อทีวีช่อง 1 เข้ามาเกี่ยวกับการที่รัฐบาลไทยมีการประกาศปิดประเทศไม่ให้มีการเปิดน่านฟ้าไม่เปิดให้ต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้เพราะต้องการที่จะมีการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าให้หายไปก่อน

ก่อนที่จะมีการเปิดจรไปมาระหว่างประเทศกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งทางสำนักงานข่าวดังกล่าวที่ได้รับร้องเรียนจากคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนั้น

ได้นำคลิปวีดีโอของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่านางสาวเบญจวรรณเป็นคนจังหวัดตากและได้มีการเดินทางไปทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเธอได้มีการอัดคลิประบายถึงรัฐบาลของประเทศไทยว่าให้ช่วยประสานงานพาเธอและครอบครัวเธอรวมถึงคนไทยคนอื่นๆที่ยังอยู่ในเกาหลีใต้กับประเทศด้วยเนื่องจากว่าตอนนี้สถานการณ์ของทุกคนที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้นั้น

ค่อนข้างลำบากมากเนื่องจากในตอนแรกนั้นทุกคนตั้งใจว่าจะลาออกจากงานและเตรียมซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับประเทศแล้วแต่อยู่ดีๆทางรัฐบาลก็มีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกมาว่าห้ามมีการเดินทางระหว่างประเทศซึ่งประเทศไทยขอปิดประเทศงดสัญจรฐานทางด้านฟ้าทำให้พวกเขาที่พากันซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วไม่สามารถที่จะนั่งเครื่องมาลงในประเทศไทย

ได้พวกเขาทำได้เพียงแค่มีการเลื่อนวันเดินทางกลับออกไปเรื่อยๆเท่านั้นเองซึ่งตั้งแต่ลาออกจากงานมาพวกเขาก็ใช้เงินที่มีอยู่ 100 ลงไปเรื่อยๆตอนนี้ปัญหาที่พบคือเงินเริ่มจะหมดแล้วและข้าวสารรวมถึงอาหารสดต่างๆก็ร่อยหรอลงทุกทีทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ได้แล้ว

จึงได้มีการขอประสานงานให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือพวกเขาให้กลับมาที่เมืองไทยให้ได้ในครั้งนี้ด้วยซึ่งเบื้องต้นนั้นมีการตรวจสอบคนไทยที่อยู่ในเกาหลีใต้แล้วว่ามีประมาณ 98 คนที่ยังคงอยู่ที่เกาหลีใต้และต้องการที่จะเดินทางกลับประเทศไทยอย่างแน่นอน

หลายคนได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่อยู่และขาดแคลนเงินดังนั้นส่วนใหญ่จึงต้องช่วยเหลือกันเองด้วยกันมาอยู่รวมๆกันในห้องเช่าและใช้ชีวิตไปวันๆมีกินมีใช้ก็ต้องแบ่งกันซึ่งค่าครองชีพที่เกาหลีใต้นั้นค่อนข้างแพงน้ำขวดนึงก็ต้อง 25 บาท

ซึ่งตอนนี้หลายคนเงินแทบจะไม่เหลือติดตัวแล้วดังนั้นถ้าหากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือในช่วงนี้พวกเขาทั้งหมดต้องอดตายอย่างแน่นอนโดยเขายืนยันว่าหากทางรัฐบาลมีการช่วยให้เขากับประเทศไทยได้พวกเขายินดีจะทำทุกอย่างตามที่รัฐบาลต้องการเกี่ยวกับเรื่องของการกลับตัว

 

สนับสนุนโดย  bk8

พนักงานสาวการบินไทยตัดสินใจกระโดดตึกตาย

เครียดไม่มีเงินใช้ งานก็ไม่ได้ไปทำเพราะพิษโควิด-19  พนักงานสาวการบินไทยตัดสินใจกระโดดตึกตาย

           รายงานแจ้งไปที่สถานีตำรวจ สน. ลาดกระบังมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ทำการกระโดดตึกฆ่าตัวตายโดยเธอร่วงลงมาจากชั้น 7 ของคอนโดหลังจากทราบเรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิปอเต็กตึ้งก็พากันเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ

ซึ่งที่นั่นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพนางสาวแหม่มนอนเสียชีวิตอยู่ตรงบริเวณทางเท้าด้านข้างของคอนโดจากการสอบถามผู้คนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุทราบว่าหญิงสาวพักอาศัยอยู่ที่คอนโดดังกล่าวซึ่งอยู่อาคารบี โดยเธออาศัยอยู่ที่ห้องเพียงคนเดียวในขณะที่กำลังสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์

คนอื่นอยู่นั้นก็มีพ่อของนางสาวแหม่มเดินมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยคุณพ่อของผู้เสียชีวิตแจ้งว่าตนเองอยู่คนละที่กับลูกสาวซึ่งไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้หลายวันจึงทำให้เกิดความเป็นห่วงวันนี้จึงได้เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวถึงที่คอนโด

แต่เมื่อมาถึงห้องพักกับพบว่าลูกสาวล็อคกุญแจจึงได้เคาะประตูเรียกและตะโกนเรียกแต่ลูกสาวก็ไม่มาเปิดจึงได้ทำการนำกุญแจสำรองไขเข้าไปเมื่อเปิดประตูไปถึงก็เห็นว่าลูกสาวพุ่งตัวกระโดดลงจากคอนโดเรียบร้อยแล้วซึ่งห้องของลูกสาวนั้นอยู่ชั้น 7

โดยลูกสาวอยู่ภายในห้องคนเดียวเนื่องจากว่าลูกสาวมีแฟนแต่เพิ่งเลิกกันไปได้ประมาณ 1 เดือนโดยลูกสาวทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเลยทำงานอยู่ในไปการโดยสารของการบินไทยของบริษัทวิงสแปนซึ่งตอนนี้ลูกสาวมีปัญหาเรื่องของความเครียดที่ทางบริษัทให้หยุดงาน

เนื่องจากปัญหาของไวรัสโคโรนาทำให้ไม่มีเงินเดือนมาเป็นค่าใช้จ่ายเท่าที่ควรห้องของลูกสาวดูก็พบว่ามีการกู้ยืมเงินกับใครบางคนไว้เป็นเงิน 5,000 บาท

ซึ่งทางพ่อของผู้เสียชีวิตและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองต่างก็สันนิษฐานกันว่าเธอน่าจะมีปัญหาเรื่องของเงินที่จะเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงที่ไม่ได้ทำงานและเมื่อตัดสินใจไม่ได้เธอจึงได้คิดสั้นกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

          เหตุการณ์ที่ผู้คนฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินใช้ในช่วงไวรัสระบาดนี้ไม่ใช่เคสแรกนี่เป็นเคสที่เรียกได้ว่าเป็นเคสที่ร้อยที่พันเลยก็ว่าได้ที่มีคนฆ่าตัวตายจากปัญหาไม่มีเงินใช้ไม่มีงานทำในช่วงที่ไวรัสระบาดซึ่งถึงแม้จะมีเงินเยียวยาจากตั้งรัฐบาลมาช่วยเหลือแต่ทุกคนก็ไม่ได้เท่าเทียมกันหมดบางคนได้บางคนไม่ได้และส่วนใหญ่คนที่เดือดร้อน

เรื่องของเงินจริงๆนั้นมักจะไม่ได้เงินเยียวยาแล้วตอนนี้การแจกเงินช่วยเหลือประชาชนก็ค่อนข้างเข้มงวดและใช้ระยะเวลานานซึ่งหลายคนไม่สามารถรอได้เพราะยังมีความจำเป็นต้องจ่ายค่ากินค่าเช่าห้องค่าน้ำค่าไฟกันอยู่เมื่อหาทางออกไม่ได้หลายคนจึง

ค่าตัวตายซึ่งหากนับจำนวนผู้เสียชีวิตจากปัญหาความเครียดที่เกิดจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้น่าจะเป็นหลักพันได้เลยทีเดียว

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  ทางเข้าdewabet