ค้นหาแหล่งที่มาหน้ากากมือสอง

     เมื่อวานนี้มีข่าวเกี่ยวกับการจับกุมคนนำหน้ากากที่ใช้งานแล้วมาซักทำความสะอาดแล้วนำตากแดดให้แห้งแล้วรีด เสร็จแล้วนำไปขาย ซึ่งเราเรียกว่าหน้ากากมือสองนั้น โดยเมื่อวานนี้ทางด้านนายอำเภอของวิหารแดง จังหวัดสระบุรี ได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง แล้วก็ไปพบว่ามีเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันซักทำความสะอาดหน้ากากอนามัยที่เคยใช้งานแล้ว

นำกลับไปขายใหม่ โดยตอนที่ไปไม่มีผู้ใหญ่อยู่ที่บ้านพบแต่เด็กวัยรุ่นเท่านั้นโดยมีวัยรุ่นชายที่เป็นเจ้าของบ้านบอกว่าแม่ไม่อยู่ไปต่างจังหวัด จนนำมาสู่การจับกุมและเมื่อมีการสอบสวน ทางเจ้าของบ้านที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วได้บอกว่า เธอไปรับมาจากโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง 

ซึ่งตัวเธอเองได้รับสารภาพว่าเมื่อไปรับมาจากโรงงานแล้วก็จะเอามาทำความสะอาดแล้วก็รีดให้เรียบร้อยแล้วจากนั้นก็จะแพ็คใส่ถุงและใส่กล่องเพื่อเอานำไปจำหน่ายอีกครั้งโดยคิดค่าสินค้าตกชิ้นละ ประมาณ 3 บาทเท่านั้น 

ซึ้งขั้นตอนการซื้อหน้ากากอนามัยมือสองเพื่อนำมาผลิตขายใหม่นั้น ทางเจ้าของบ้านคือนางจินตนาบอกว่า เธอจะไปที่ร้านขายของเก่าเพื่อซื้อหน้ากากอนามัย ซึ่งจะมีการส่งมาจากโรงงานที่เขาเอาหน้ากากอนามัยให้กับพนักงานใช้ เมื่อใช้แล้วโรงงานจะขายหน้ากากอนามัยเหล่านี้ให้กับร้านขายของเก่า และนางจินตนาก็จะไปซื้อมาจากร้านขายของเก่าอีกที

แล้วจึงนำมาทำความสะอาดแล้วนำไปจำหน่าย ซึ่งนักข่าวได้ลงไปสอบถามกับญาติของคุณจินตนา จึงทำให้ทราบว่ากิจการนำหน้ากากอนามัยมา Recycle ใช้นี้มีการทำมานานเป็น 10 ปีแล้วโดยทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ของนางจินตนา ซึ่งเมื่อมีการผลิตของ recycle เสร็จแล้วก็จะมีคนมารับของที่นี่เองเลย

โดยมีคนมารับซื้อจากที่นี่ไปขายกันเป็นจำนวนมากแต่ไม่รู้ว่าคนที่มารับซื้อนำไปขายที่ไหน แต่คาดว่าน่าจะนำไปขายผ่านตลาดออนไลน์นั่นเอง  ซึ่งเมื่อตามสืบไปถึงที่ร้านรับซื้อของเก่าเจ้าของร้านบอกว่า เขารับมาจากโรงงานอีกที เพราะต้องการนำเอาเหล็กลวดตรงหน้ากากอนามัย  ส่วนในส่วนของผ้าก็จะมีการนำไปเผาทิ้งแต่มีนางจินตนามาขอรับซื้อซึ่งตนเองก็ขายให้ปกติ แต่ว่านางจินตนาจะเอาไปทำอะไรนั้นทางร้านจะไม่ยุ่งเกี่ยว 

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้หลายคนกำลังมีความกังวลใจว่าหน้ากากอนามัยที่ตนเองกำลังใช้อยู่นั้นปลอดภัยหรือไม่ ใช่หน้ากากอนามัยที่เป็นหน้ากากมือสองหรือเปล่า ดังนั้นช่วงนี้การซื้อหน้ากากอนามัยควรจะมีการเลือกและตรวจสอบให้ละเอียดสังเกตุให้ดีถ้าของใหม่ด้านบนจะต้องมีเหล็กเอาไว้ให้เราหักงอตอนใช้

 

สนับสนุนโดย  รวมเว็บหวยออนไลน์

การโพสต์ภาพขวดเบียร์ที่มีโลโก้อย่างชัดเจนใน Facebook

ทัวร์ลงคุณหญิงต้นหลังมีการโพสต์ภาพขวดเบียร์ที่มีโลโก้อย่างชัดเจนใน Facebook

         ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของทางเจ้าหน้าที่จับกุมชายหนุ่มคนหนึ่งโดยมีการเสียค่าปรับอยู่ที่ 50,000 บาทโดยความผิดนั้นเกิดจากการที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้มีการโพสต์ภาพขวดเบียร์และขวดเหล้าอีกทั้งยังมีข้อความเชิญชวนเพื่อนให้ไปดื่มเบียร์ดื่มเหล้าด้วยกันอย่างไรก็ตามเรื่องราวดังกล่าวนั้นเมื่อมีข่าวโด่งดังขึ้นมา

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการออกพูดถึงเรื่องนี้ว่าหากประชาชนทั่วไปที่จะมีการโพสต์ภาพเหล้าเบียร์นั้นสามารถโพสต์ได้แต่ไม่สามารถโพสต์ข้อความเชิญชวนให้ไปดื่มเหล้าดื่มเบียร์ได้เพราะจะผิดกฎหมายและจะถูกจับและถูกปรับนั่นเองส่วนบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างเช่นพวกดารานักแสดงหรือกลุ่มไฮโซไม่สามารถที่จะโพสต์ขวดเหล้าขวดเบียร์ที่มีโลโก้ขึ้นมาได้

เพราะจะถูกปรับและถูกจับด้วยอย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 27 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 ได้มีการโพสต์ Facebook จากทางด้านคุณหญิงต้นหรือที่เรารู้จักกันดีในนามของหม่อมหลวงปิยาภัสร์  ภิรมย์ภักดี  โดยมีการโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งเห็นโลโก้อย่างชัดเจนโดยมีการโพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวของคุณหญิงเอง

ซึ่งเป็นการโพสต์ภาพพร้อมกับสามีที่ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังด้วยกัน และในภาพนั้นได้มีการนำขวดเบียร์มาตั้งเอาไว้เพื่อให้ทางเจ้าของร้านนั้นได้ดื่มอีกทั้งยังมีการเขียนข้อความเชิญชวนแนะนำเบียร์ยี่ห้อใหม่โดยระบุว่าอยากจะให้ลองเบียร์ยี่ห้อนี้หลังจากที่มีคนเห็นข้อความดังกล่าวก็ได้มีการใช้ข้อความนี้ออกมาพร้อมกับทวงถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากรณี

ที่หม่อมหลวงปิยาภัสร์และสามีของเธอได้มีการโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีตราโลโก้แบบนี้จะถูกจับกุมหรือไม่โดยอ้างอิงถึงชายหนุ่มก่อนหน้านี้ที่ถูกจับกุมเพราะว่ามีการโพสต์ภาพใน Facebook เป็นการเชิญชวนให้คนดื่มแอลกอฮอล์นั่นเองโดยในครั้งนั้นเขาถูกปรับเป็นจำนวนเงินถึง 50,000 บาท

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องราวนี้เป็นข่าวใหญ่โตออกสื่อหนังสือพิมพ์ต่างๆก็ทำให้คุณหญิงต้นนั้นเลยเข้ามาลบภาพเหล่านี้ใน Instagram ส่วนตัวของตนเองแต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคุณหญิงต้นจะมีการลดภาพดังกล่าวออกไปเรียบร้อยแล้วแต่ก็ช้ากว่าชาวโซเชียลเพราะพวกเขาได้มีการแคปหน้าจอเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นต่างก็พากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของคุณหญิงต้นกัน

อย่างกว้างขวางและทวงถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมด้วยว่าการกระทำเหล่านี้ถือว่าเป็นความผิดหรือไม่อย่างไรก็ตามต้องรอดูกันต่อไปว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  entaplay pantip

เจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้ จ้างคนมาทำร้ายร่างกายลูกหนี้ ด้วยการตีหัวกะโหลกยุบ 

        เมื่อวันที่ 26 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตํารวจประจำจังหวัดปทุมธานีได้รับแจ้งความจากชายคนหนึ่งอายุ 63 ปีชื่อว่านาย วีรภัทร โดยเข้าแจ้งความเข้าจับกุม คนร้ายที่ทำร้ายร่างกายเขาด้วยการนำไม้มาตีที่ศีรษะของเขาจนกะโหลกศีรษะยุบ

ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง 2 เดือนกว่าอาการจะหายดีโดย  นาย วีรภัทร ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวฟังว่าเขาถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เดือนกุมภาพันธ์ปีพศ2563 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณเกือบ 21:00 น แล้วโดยเขากับภรรยานั้นขายของอยู่ที่บริเวณหน้าห้างเซียร์รังสิตเป็นร้านขายข้าวผัด

ลังจากที่ปิดร้านแล้วเขาก็ไปรอภรรยาของเขาตรงบริเวณลานจอดรถเนื่องจากว่าภรรยาของเขานั้นต้องการไปทำธุระในห้องน้ำซึ่งระหว่างที่เขายืนอยู่คนเดียวนั้นอยู่ดีๆก็มีคนนำไม้มาตีที่ศีรษะของเขาจนเขาสลบไปมารู้ตัวอีกทีนั้นก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วและเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ศีรษะเนื่องจากว่าโดนตีจนสมองยุบกว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้

ก็ต้องรักษาตัวนานเกือบ 2 เดือนด้วยกันแล้วเมื่อเขามาคิดอยู่แล้วว่าเขาไปมีเรื่องกับใครนั้นเขาก็จำได้ว่าก่อนหน้านั้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วก็เคยไปกู้เงินกับแม่ค้าเงินกู้คนหนึ่งซึ่งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเซียร์รังสิตต่างก็รู้จักกันดีในนามของป้าร้อยร้านเลยเขาระบุว่า พอได้ไปยืมเงินของเจ้าแม่เงินกู้คนดังกล่าวมาจำนวน แปดหมื่นบาทโดยมีการตกลงเซ็นสัญญากัน

ว่าจะมีการผ่อนให้ทุกเดือนเป็นระยะเวลา 10 เดือนหรือจะจ่ายอยู่ที่ประมาณเดือนละ 7,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่จ่ายได้ไม่กี่เดือนเขาก็ต้องจ่ายลดน้อยลงเหลือเพียงแค่เดือนละ 3000 บาทเท่านั้นเนื่องจากว่าเศรษฐกิจไม่ดีและต่อมาในช่วงหลังๆเขาก็ไม่ได้จ่ายเงินค่าเงินกู้เลยเนื่องจากว่าเขาไม่สามารถขายของได้จึงไม่มีเงินไปจ่ายหนี้

ทำให้เจ้าของเงินกู้นั้นเคยมาทวงถามที่ร้านและเคยข่มขู่เอาไว้ว่าให้เขาระวังตัวให้ดีหลังจากนั้นเจ้าของเงินกู้ก็หายตัวไปไม่เคยติดต่อมาอีกเลยจนผ่านมา 2 ปีเขาก็มาถูกทำร้ายซึ่งเขาไม่เคยมีศัตรูหรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นที่ไหนจึงทำให้มั่นใจได้ว่าการที่เขาถูกตีหัวนี้น่าจะมาจากเจ้าหนี้เงินกู้นั่นเองอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้

และจะต้องมีการไปเชิญตัวเจ้าหนี้ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับนาย วีรภัทร มาพูดคุยกันเนื่องจากว่าปัจจุบันมีการปล่อยเงินกู้นั้นถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายซึ่งรัฐบาลกำลังให้กวาดล้างอย่างถึงที่สุดดังนั้นหากตรวจพบว่าใครมีการปล่อยเงินกู้ก็จะมีการจับมาดำเนินคดีทันที

 

ขอขอบคุณ  entaplay

รถกู้ภัยระเบิดหน้าตึกผู้ป่วยโรคหัวใจทำคนไข้หนีตายอลหม่าน

         เมื่อวันที่ 24 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 ที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราชซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดสุพรรณบุรีได้เกิดเหตุรถกู้ภัยที่มารอรับผู้ป่วยเกิดระเบิดขึ้นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวันซึ่งมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุอีกทั้งสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ตรงบริเวณตึกของผู้ป่วยโรคหัวใจ

        สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีรถกู้ภัยชั้น 1 ได้มาส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นก็ได้มีการนำถังออกซิเจนไปทำการเติมออกซิเจนมาเต็มถังเพื่อรอเก็บไว้ในรถสำหรับเอาไว้ใช้ให้กับผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนในการเดินทางอย่างไรก็ตามรถกู้ภัยคันดังกล่าวนั้นเมื่อมีการนำถังออกซิเจนขึ้นรถแล้วก็รอที่จะรับผู้ป่วยกลับบ้านด้วยระหว่างที่กำลังจะนำผู้ป่วยขึ้น

รถนั้นเกิดประกายไฟขึ้นที่บริเวณหน้ารถพร้อมกับมีแรงระเบิดเกิดขึ้นส่งผลให้ผู้ป่วยที่อยู่บริเวณดังกล่าวไม่ว่าจะอยู่บนเก้าอี้รถเข็นหรือว่าเตียงนอนต่างพากันกระโดดวิ่งหนีตายกันอลหม่านทั้งนี้มีรายงานออกมาว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้

แต่อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องสาเหตุของการเกิดระเบิดของรถกู้ภัยคันดังกล่าวซึ่งเบื้องต้นทราบว่ารถกู้ภัยนั้นจะต้องไปทำการตรวจสภาพรถยนต์แต่ว่าผิดนัดการตรวจสภาพรถยนต์มานานเกิน 1 เดือนแล้วแต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ฟันธงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากสภาพรถกู้ภัยที่เก่าเกินไปหรืออาจจะเกิดมาจากถังออกซิเจนที่เพิ่งไปเติมมาซึ่งอาจจะมีการเติมแน่นจนเกินไปทำให้ถังออกซิเจนระเบิดก็เป็นไปได้ทั้งนี้ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่หาสาเหตุให้ได้เสียก่อนจึงจะสามารถสรุปอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

             สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากๆที่ยังไม่มีผู้ป่วยขึ้นไปนอนอยู่บนรถกู้ภัยชั้นที่ระเบิดเพราะถ้าหากมีคนป่วยขึ้นอยู่บนรถคันดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้เพราะว่าผู้ป่วยอาจจะได้รับแรงระเบิดส่งผลทำให้เสียชีวิตได้

เนื่องจากว่าถ้าเกิดว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดมาจากถังออกซิเจนจริงๆแล้วเราก็จะต้องอยู่ใกล้ตัวผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่พยาบาลซึ่งจะต้องขึ้นอยู่บนรถทำให้คนที่อยู่บริเวณใกล้ถังออกซิเจนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตได้ดังนั้นอุบัติเหตุในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะสร้างความตกใจให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลเป็นอย่างมากแต่ก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเป็นอันตรายนั้นเอง 

เหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้คงสร้างความตกใจให้กับคนป่วยเป็นอย่างมาก หากผลการตรวจสอบออกมาเกิดจากรถที่เก่าและไม่ยอมไปตรวจสภาพรถทางโรงพยาบาลควรจะต้องหามาตรการคุมเข้มเรื่องของรถที่จะนำมาเป็นรถกู้ภัยให้มากกว่านี้

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน หวย

สามีที่เป็นร้อยตำรวจเอกสารภาพแล้วเป็นคนยิงภรรยาตัวเองตาย 

          หากยังจำข่าวกันได้ดีเมื่อวันที่ 21 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจสนวังทองหลางได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้อาวุธปืนยิงตนเองตายนั้นจากข่าวดังกล่าวคนที่ตายนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเธอเป็นภรรยาของนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอก

ซึ่งทางสามีที่เป็นตำรวจนั้นก็ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่สน. วังทองหลางว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นบังเอิญเขานอนหลับอยู่ชั้น 2 และตื่นลงมาพอได้ยินเสียงปืนเมื่อลงมาถึงก็เห็นว่าภรรยาสาวนั้นยิงตัวตายเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างไรก็ตามด้านล่างของหญิงสาวที่เสียชีวิตนั้น

ไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายเนื่องจากรอยกระสุนปืนนั้นไปตรงกับความถนัดของหญิงสาวและไม่มีเหตุจูงใจมากพอที่จะทำให้หญิงสาวนั้นฆ่าตัวตาย อีกครั้งรอยกระสุนปืนที่ทางกู้ภัยบอกนั้นพบว่ายิงจากทางด้านซ้ายซึ่งจริงๆแล้วหญิงสาวนั้นเป็นคนถนัดขวาและเมื่อไปดูประวัติการใช้งาน Facebook เธอก็เป็นคนร่าเริงขยันทำงานยังพูดคุยว่าจะมีการพาลูกสาวไปเที่ยว

ดังนั้นจึงไม่มีสาเหตุอะไรเลยที่อยากจะเชื่อได้ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นต้องการที่จะฆ่าตัวตายโดยทุกคนพุ่งเป้าสงสัยไปที่สามีของเธอที่เป็นตำรวจว่าจะต้องมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนซึ่งในครั้งนั้นเพื่อนบ้านยังให้สัมภาษณ์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้ยินเสียงคนทะเลาะกันและมีเสียงเคาะเหมือนเอาหัวโขกกำแพงหลังจากนั้นก็เงียบไป

หลังจากนั้นก็มาทราบข่าวอีกทีนึงว่าฝ่ายหญิงนั้นยิงตนเองเสียชีวิตอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบรามค่ะหมอดินปืนรวมถึงการนำศพของหญิงสาวไปทำการตรวจสอบที่โรงพยาบาลในที่สุดแล้วสามีที่เป็นร้อยตำรวจเอกก็ให้การรับสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าคนที่ลงมือก่อเหตุยิงสาวเสียชีวิตนั้นเป็นตัวเขาเองซึ่งหญิงสาวนั้นไม่ได้ฆ่าตัวตาย

ส่วนสาเหตุที่ยิงกันนั้นเนื่องจากว่าหลังจากที่เขาเลิกงานกลับมาบ้านแล้วกินข้าวได้เดินตรงเข้ามาด่าทอเขาด้วยคำหยาบคายและรุนแรงจึงทำให้มีการปรับเสียงกันหลังจากนั้นเขาได้นำอาวุธปืนออกมาขู่ภรรยาของเขาและภรรยานั้นได้มีการแย่งอาวุธปืนจึงทำให้เกิดปืนลั่นและไปโดน ภรรยาทำให้เสียชีวิต 

         อย่างไรก็ตามหากว่าไม่มีความเขม่าปืนแล้วละก็ คดีนี้นายตำรวจคนนี้อาจจะรอดก็ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะทางการทะเลาะวิวาทกันใส่อารมณ์ใส่กันและนำปืนออกมาใช้ขู่กันทำให้เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตขึ้น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ถูกกฎหมาย

พาเพื่อนมารุมทำร้าย ถึงในบริษัท

กลุ่มขี้เมาถูกเตือนจากเจ้าของบริษัทไม่ให้ฉี่ใส่กำแพง ทำให้ไม่พอใจพาเพื่อนมารุมทำร้าย ถึงในบริษัท

         ที่จังหวัดสมุทรปราการอำเภอสำโรงเหนือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากนายแบรนด์ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัททำเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการได้แจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่เข้ามาทำร้ายตนเองถึงในบริษัทโดยมีหลักฐานเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เดือนมิถุนายนปีพศ2563

โดยเกิดเหตุในช่วงเวลาเย็นซึ่งนาย แบรนด์ได้แล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งว่า ในช่วงวันเกิดเหตุนั้นตัวเขาเองอยู่ที่บริษัทซึ่งด้านหลังบริษัทนั้นจะอยู่ติดกับบ้านของผู้ก่อเหตุในช่วงที่เขาเดินไปด้านหลังนั้นเห็นว่าผู้ก่อเหตุและเพื่อนๆกำลังนั่งกินเหล้ากันอยู่

และมีผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเดินมาฉี่ที่กำแพงด้านหลังบริษัทตัวของนายแบรนด์จะได้เดินออกไปตักเตือนว่าให้ไปฉี่ในห้องน้ำไม่ให้มาฉี่รดกำแพงซึ่งแน่นอนว่าตอนที่พูดคุยกันนั้นก็มีคนคนหนึ่งตะโกนออกมาว่าเดี๋ยวจะเอาน้ำมาล้างให้

ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเดินกลับมาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมแต่หลังจากนั้นช่วงเวลาเย็นๆกลุ่มชายที่กินเหล้าอยู่ด้านหลังบริษัทก็พากันขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบริษัทและมีหนึ่งในกลุ่มนั้นได้ชักอาวุธปืนออกมาเพื่อข่มขู่ตนและมี 3 คนที่เดินเข้ามาในบริษัทและเข้ามาทำร้ายตนเอง

ถึงในบริษัทโดยมีการผลักอกและชกต่อยกันเกิดขึ้นซึ่งผ่านไปสักพักนึงก็มีเพื่อนของทั้ง 3 คนนั้นเข้ามาดึงตัวทั้ง 3 คนออกไปจากบริษัทและก็พากันขับรถออกไปส่วนตัวของนายแบรนด์นั้นจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจพร้อมกับแฟนสาว

และนำคลิปจากกล้องวงจรปิดเพื่อไปเป็นหลักฐานด้วยและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนมารับทราบข้อกล่าวหาเขาก็ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือกระทำจริงโดยบอกว่าในวันดังกล่าวนั้นเขาคิดว่านายแบรนด์จะมาหา

เรื่องพวกเขาทำให้พวกเขานั้นเกิดความไม่พอใจจึงได้ก่อเหตุมาทำร้ายนาย แบรนด์ตามคลิปที่เห็นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินในบริษัทของนายแบรนด์และตัวนายแฟนได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้และส่งตัวเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

อย่างไรก็ตามผู้กระทำความผิดยอมรับสารภาพเพียงแค่ เรื่องของการทะเลาะวิวาทและชกต่อยกันเท่านั้น ส่วนเรื่องการนำอาวุธปืนมาข่มขู่นั้น พวกเขายืนยันไม่รู้เรื่องและบอกด้วยว่า ไม่รู้ว่าใครเอาปืนมาขู่และขู่ตอนไหน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เว็บพนัน

ห้ามโพสต์รูปเบียร์ลงใน Facebook ถูกจับจริงปรับ 50,000 บาท

   มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่เขานั้นได้มีการไปโพสต์บอกเล่าเรื่องราวที่เขานั้นได้มีการไปโพสต์รูปเบียร์ซึ่งเขาระบุด้วยว่ามีพรบคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องของเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์จึงเท่าไรมีการโพสต์รูปเบียร์หรือแม้แต่เขียนถึงเบียร์ก็ตามหรือบอกเล่าเรื่องราวของเบียร์ว่าเป็นยี่ห้ออะไร

คือถ้าโพสต์ข้อความอะไรที่เกี่ยวกับเบียร์แล้วบอกถึงยี่ห้อของเบียร์ชนิดนั้นๆก็จะทำให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมทันทีและแน่นอนว่าการที่เราโพสต์แบบนี้ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมายซึ่งจะต้องถูกปรับอย่างตามนั้น 50,000 บาท

และยังทำให้เสียประวัติว่าเคยถูกจับกุมอีกด้วยโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการแชร์ประสบการณ์ของตนเองจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีการโพสต์ใน Facebook ส่วนตัวเมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 โดยเขาเล่าว่าเขาได้มีการโพสต์ภาพรูปเบียร์แล้วติดโลโก้ของเบียร์ยี่ห้อหนึ่งลงไป

ใน Facebook หลังจากนั้นเขาก็ได้รับจดหมายส่งตรงมาถึงเขาที่บ้านทันทีพร้อมทั้งให้เขาเดินทางไปพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเมื่อเขาเดินทางไปตามนัดก็พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเขานั้นทำผิดพ. รบการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะเขานั้น

ได้มีการโพสต์ภาพและพจน์ยี่ห้อหรือโพสต์ชวนเพื่อนให้ไปดื่มแอลกอฮอล์ดื่มเบียร์ทำให้เขาถูกจับกุมและถูกปรับเงินทันทีเป็นเงิน 50,000 บาทอย่างไรก็ตามเขาได้พยายามต่อสู้คดีนี้โดยให้เหตุผลในเรื่องของการโพสต์ว่าเป็นการโพสต์ข้อมูลทั่วๆไปและไม่ได้มีเจตนาจะสื่อเชิญชวนให้ใครกินเบียร์ยี่ห้ออะไรแต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงศาลก็ตัดสินให้เขามีความผิดรวมถึงจะต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติมาเยี่ยมเยียนของเขาที่บ้านและที่สำคัญ

เขาจะต้องมีการไปเป็นอาสาทำความดีเพราะเขาถูกรอลงอาญาประมาณ 1 ปีซึ่งเขาบอกว่าเพียงแค่โพสต์เล่นสนุกๆแค่นั้นก็ทำให้เขาต้องเสียประวัติว่าเขาเคยมีประวัติติดคุกรวมถึงเขาต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาที่ไปทำเรื่องถึงโรงถึงศาลอีกด้วย

อย่างไรก็ตามเขาได้มีการใช้ข้อมูลบอกเพื่อนในโลกโซเชียลว่าให้ทุกคนนั้นระวังเรื่องของการโพสต์ข้อมูลในโลก Facebook ให้ดีเพราะหลายคนคงอาจจะไม่รู้ว่ามีกฎหมายคุ้มครองเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งตัวเขาเองก็คือหนึ่งในนั้นที่ไม่รู้ข้อความและในที่สุดนั้นเขาก็ถูกจับกุมและต้องเสียเงินถึง 5 หมื่นกว่าบาทเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม

สิ่งที่มีการคุ้มครองนั้นเราจะต้องไม่พ้นเชิญชวนให้ใครมาดื่มเบียร์รวมถึงไม่ระบุยี่ห้อของเบียร์และห้ามโพสต์แก้วเบียร์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ทั้งหมดเพราะถ้าหากทางกระทรวงไอทีจับได้ว่าเรามีการโพสต์ข้อความเหล่านี้ลง Facebook พวกเขาก็จะส่งเอกสารและหมายศาลส่งมาถึงบ้านเราในทันทีและเราก็จะกลายเป็นผู้ที่ทำความผิดและมีคดีติดตัวทันทีเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  bk8

จนถึงวันนี้ก็ยังหาตัวฆาตกรที่ฆ่าน้องชมพู่ยังไม่ได้

       เป็นเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของน้องชมพู่ที่ต้องเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบไปอย่างไม่มีวันกลับดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดมุกดาหารเมื่อหนูน้อยวัย 3 ขวบหายออกไปจากบ้าน

ตั้งแต่ช่วงเช้าจนเวลาผ่านไปถึง 5 วันจึงมีคนไปพบศพซึ่งศพของน้องชมพู่นั้นบริเวณกลางป่าซึ่งอยู่ในภูเขาภูเหล็กไฟซึ่งหากเดินทางจากบ้านของน้องชมพู่ไปยังบริเวณที่พบนั้นเป็นระยะทางไปมากกว่า 5 กิโลเมตรโดยเป็นไปไม่ได้ที่น้องจะเดินไปถึงบริเวณที่จนเองเสียชีวิตเนื่องจากว่านักข่าวได้มีการลงไปสำรวจพื้นที่พบว่าหากเดินไปจากทางหลังบ้านของน้อง

จะต้องผ่านไร่มันสำปะหลังซึ่งมีความลบและเมื่อทะลุไร่มันสำปะหลังเข้าไปแล้วก็จะถึงบริเวณตีนเขาซึ่งจะเป็นลักษณะของหินที่สูงชันลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นไปไม่ได้ที่เด็กอายุแค่เพียง 3 ขวดเท่านั้นจะปีนขึ้นไปบนภูเขาที่สูงชันแบบนั้นได้ขนาดคนเป็นผู้ใหญ่เองยังถือว่าเหนื่อยมากกว่าจะขึ้นได้ในแต่ละก้าวและความสูงของหิน

แต่ละลูกนั้นก็เกินความสูงของเด็กอายุ 3 ขวบที่จะสามารถเดินขึ้นไปได้จากการวิเคราะห์ของนักข่าวในตอนนี้หลังจากที่ได้มีการเข้าไปสำรวจพื้นที่ที่พบศพมั่นใจได้ว่าน้องชมพู่นั้นถูกลักพาตัวไปแน่นอนซึ่งคนที่ลักพาตัวไปนั้นจะต้องเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างร่างกายกำยำแข็งแรงและต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับการเข้าป่าเป็นอย่างดี

เพราะรู้ว่าบริเวณไหนที่สามารถเดินไปได้และบริเวณไหนที่จะสามารถหาที่พักพิงได้หรือหลบซ่อนได้นั่นเองเพราะถ้าหากว่าได้เดินทางมาจากหลังบ้านของน้องชมพู่แล้วถ้าต้องไปอีกเส้นหนึ่งก็ต้องขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปเท่านั้นรถใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางไกลมากดังนั้นเป็นไปได้ช่องทางก็คือคนที่มารับตัวน้องชมพู่ไป

จะต้องพาไปทางด้านหลังบ้านหรือไม่ก็ต้องนำขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ออกไปแต่เป็นที่น่าสังเกตว่าพ่อแม่ของน้องบอกว่าในช่วงเวลาที่น้องขายตัวในนั้นมีสุนัขอยู่ที่หน้าบ้านประมาณ 4 ตัวแต่สุนัขทุกตัวไม่มีตัวไหนที่จะเผาเลยแสดงว่าคนที่พาตัวน้องชมพู่ไปนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับสุนัขเหล่านั้นแน่นอนดังนั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คนมาทำการสอบสวนอยู่แต่ยังไม่ออกมาให้การว่าใครกันแน่

ที่เป็นคนร้ายในการนำตัวน้องชมพู่ไปฆ่าตายในครั้งนี้และเหตุจูงใจนั้นคืออะไรและเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อสงสัยและพิรุธหลายอย่างซึ่งตอนนี้ได้มีการนำร่างของน้องไปทำการผ่าพิสูจน์เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้งซึ่งพ่อแม่ของน้องก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการหาข้อมูลในการจับกุมตัวคนร้ายในครั้งนี้สำหรับพรุ่งนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองหลายๆคน

ที่มีรูปเล็กๆว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่เพียงลำพังเพราะเราไม่รู้ว่าจะมีคนร้ายบุกเข้ามาถึงที่บ้านของเราและมาขโมยบุตรหลานของเราไปในตอนไหนได้อย่างไรก็ดีเราควรมีการอบรมสั่งสอนบุตรหลานของเราให้ระวังการพูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือแม้แต่คนใกล้ชิดเองก็ไม่ควรไปไหนมาไหนด้วยหากยังไม่ได้ขอผู้ปกครองเสียก่อน

 

สนับสนุนเรื่องราวมาจาก  bk8

เคอร์ฟิวเป็นเหตุทำคนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตมาแล้วหลายราย

                   ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าเกิดขึ้นที่ประเทศไทยทำให้รัฐบาลต้องมีการออกมาประกาศเคอร์ฟิวเพื่อป้องกันการมั่วสุมของกลุ่มวัยรุ่นมีช่วงเวลากลางคืนโดยการกำหนดให้มีการกลับเข้าบ้านก่อนช่วงเวลา 22:00 น

ของทุกวันและจะสามารถออกนอกบ้านได้ตั้งแต่เวลา 04:00 นเป็นต้นไปซึ่งกันประกาศเคอร์ฟิวในครั้งนี้มีต่อเนื่องยาวนานมาหลายเดือนแล้วและนับตั้งแต่มีการประกาศให้มีคลอโรฟิลล์เกิดขึ้นทำให้หลายคนที่ต้องไปทำงานต่างก็ต้องรีบกลับมาบ้านให้ทันก่อนเวลา 10:00 น

ซึ่งบางครั้งทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับบุคคลเหล่านั้นบ้างก็แค่บาดเจ็บสาหัสแต่บ้างก็เสียชีวิตตรงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่ง มีบางคนที่ไม่สบายในช่วงเวลากลางคืนต้องการที่จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการแต่ก็เกรงการออกนอกบ้านแล้วจะเจอจับกุมในช่วงเวลาของเคอร์ฟิวทำให้หลายคนยอมที่จะไม่สบายและไปหาหมอในรุ่งเช้าแทนทำให้เราได้เห็นว่าตอนนี้ประเทศไทยของเรากำลังมีการดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากมากขึ้น

ซึ่งแน่นอนว่าการควบคุมไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นไปมั่วสุมกันช่วงเวลากลางคืนนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำแต่ก็ควรจะมีการอะลุ้มอะหล่วยสำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้านจริงๆเช่นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลหรือแม้แต่คนที่อาจจะต้องทำงานดึกแล้วกลับบ้านไม่ทันเพื่อจะได้ลดการเกิดอุบัติเหตุของประชาชนในช่วงนี้

เพราะถ้าหากเราติดตามข่าวสารมาก็พบว่าในทุกๆวันประชาชนมักจะมีการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากมีการขับรถเร็วและไม่สามารถควบคุมรถได้เพราะทุกคนต่างก็รีบเร่งที่จะกลับบ้านให้ทันช่วงเวลาเคอร์ฟิวเพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะต้องถูกจับกุมไปขังคุกซึ่งเสียเวลาประกันตัวออกมาอีกด้วย ซึ่งการประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้แม้แต่ดาราเองก็ยังขับรถประสบอุบัติเหตุเพราะต้องการรีบกลับบ้านให้ทันก่อนเคอร์ฟิวเช่นเดียวกันอย่างเช่นพริตตี้สาว ออฟฟี่ Maxim

ซึ่งเธอได้ออกมาโพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวของตนเองว่าได้ประสบอุบัติเหตุรถชนกับขอบสะพานเนื่องจากว่าต้องรีบขับรถกลับบ้านก่อนที่จะมี เคอร์ฟิว  รายการประสบอุบัติเหตุของเธอในครั้งนี้เกิดขึ้นในคืนของวันที่ 28 เดือนเมษายนปี 2563

ที่ผ่านมาซึ่งตัวเธอเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนลดของเธอนั้นอาการสาหัสไฟหน้าแตกและมีรอยขูดตรงขอบทางเป็นทางยาวซึ่งต้องเสียค่าซ่อมเป็นจำนวนหลายบาทเลยทีเดียวทั้งนี้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องของการประสบอุบัติเหตุเพราะต้องรีบกลับให้ทันก่อนช่วงเคอร์ฟิวนั้นหลายคนควรจะนำมาเป็นอุทาหรณ์ให้มีการเตรียมตัวออกจากที่ทำงานให้เร็วขึ้นจากเดิมเพื่อจะได้ลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงที่จะกลับไม่ทันเวลาเคอร์ฟิว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 ดีไหม

ง้อเมียไม่สำเร็จกราดยิงคนในบ้านอดีตภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ 

      มีเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราเมื่อวันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งเหตุการณ์กราดยิงในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาดึกแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นมีสาเหตุเนื่องมาจากมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งอายุประมาณ 44 ปีชื่อว่านายป้อม 

ก่อเหตุนำอาวุธปืนมากราดยิงที่บ้านของอดีตภรรยาเนื่องจากไม่สามารถง้อภรรยาให้กลับมาคืนดีได้โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้อันที่จริงแล้วในวันดังกล่าวนายป้อมได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วแต่ไม่พบอดีตภรรยาซึ่งนายป้อมคิดว่าอดีตภรรยานั้น

อาจจะไปกับแฟนใหม่โดยนายป้อมเข้าใจว่าที่ภรรยาไม่ยอมคืนดีด้วยเพราะว่ามีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงเนื่องจากว่ามักจะเห็นอดีตภรรยาของตนเองนั้นไปไหนมาไหนกับผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่

จึงทำให้ ในตอนเย็นที่มาหาอดีตภรรยาแล้วไม่เจอนายป้อมได้มาเอะอะโวยวายจนเป็นเหตุให้พี่สาวของอดีตภรรยาได้มีการโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นนายป้อมได้ถอยออกจากบ้านไปโดยทุกคนไม่คิดว่าหลังจากที่ผ่านไปแค่เพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาระงับเหตุกลับไปแล้วนั้นนายป้อมจะย้อนกลับมาทำร้ายคนในบ้านอีกครั้งซึ่งการกลับมาครั้งที่ 2 นี้ในป้อมได้นำอาวุธปืนมาด้วย

และได้มีการกราดยิงเข้ามาในบ้านจนทำให้กระสุนปืนไปถูกพี่สาวของอดีตภรรยาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับลูกชายของนายป้อมเป็นอย่างมากเพราะนายป้อมมีความตั้งใจที่จะใช้อาวุธปืนมายิงภรรยาให้ถึงแก่ความตายเนื่องจากลูกชายของนายป้อมได้เห็น Facebook ของนายป้อมว่าได้มีการไปยิงภรรยาที่บ้าน

แต่ยังไม่สะใจดีซึ่งหลังจากที่นายป้อมได้มีการ กราดยิงคนในบ้านของอดีตภรรยาเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการขับรถกระบะหลบหนีไปซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการระดมกำลังไล่ล่าโดยเตรียมนายตำรวจจำนวนถึง 20 นายด้วยกันพยายามขับรถตามจนในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถตามนายป้อมให้มาดำเนินคดีได้

เนื่องจากว่าในระหว่างที่มีการขับรถหลบหนีนั้นนายป้อมได้ขับรถตกข้างทางประสบอุบัติเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ในครั้งนี้อดีตภรรยาของนายป้อมยืนยันว่าจะไม่กลับไปคืนดีกับนายป้อมแน่นอนเนื่องจากว่าตลอดเวลาที่คบหากันมา 25 ปีนายป้อมมักจะมีการทำร้ายร่างกายตนเองอยู่เป็นประจำและที่สำคัญ

และอดีตสามีได้มีการเลิกรากันไปนานถึง 10 ปีแล้วซึ่งหลังจากเลิกรากันไปตัวนายป้อมเองก็ไปมีผู้หญิงคนใหม่แต่ทุกครั้งที่มีการเลิกรากับผู้หญิงคนใหม่นายป้อมก็มักจะกลับมาหาอดีตภรรยาเพื่อนมาขอคืนดีแต่เมื่อไม่ยอมคืนดีด้วยก็มักจะโวยวายและขู่ทำร้ายคนในครอบครัวซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายป้อมทำดังนั้นทุกคนในครอบครัวยืนยันจะเอาเรื่องนายป้อมให้ถึงที่สุด

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  rb88