ประกาศห้ามขายเหล้าในกรุงเทพตั้งแต่ 10-20 เมษายน ปี 63 นี้ 

   เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ยังมีการแพร่หลายทุกภาคในประเทศไทยดังนั้นตอนนี้ทางรัฐบาลจึงมีนโยบายเพื่อหามาตรการลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19มากยิ่งขึ้นซึ่งหนึ่งในนโยบายที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือการเคอร์ฟิวไม่ให้ประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่ช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 และในเดือนเมษายนนี้

ประเทศไทยโดยปกติแล้วจะมีการจัดเทศกาลวันสงกรานต์ซึ่งเทศกาลนี้ประชาชนต่างก็จะพากันเดินทางออกจากกรุงเทพฯเพื่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดและจะจัดงานสังสรรค์กันในครอบครัวโดยทางรัฐบาลได้ขอความร่วมมือพร้อมกับประกาศไม่ให้ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดโดยเด็ดขาดรวมถึงห้ามทุกจังหวัดทุกอำเภอและทุกตำบลมีการจัดงานสงกรานต์

โดยถ้าหากบ้านไหนต้องการจัดงานสงกรานต์ก็ให้จัดงานกันภายในบ้านที่อยู่อาศัยด้วยกันเองเท่านั้นห้ามเชิญชวนญาติพี่น้องจากที่อื่นมาร่วมจัดงานเลี้ยงด้วยเด็ดขาดหากอยากลดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ก็ให้ทำผ่านทางวีดีโอคอลได้รวมถึงหากใครอยากจะสืบสานประเพณีไทยก็ให้นำพระพุทธรูปที่อยู่ในบ้านมาทำการรดน้ำดำหัวพระพุทธรูปแทน

ซึ่งหลังจากที่มีประกาศออกไปก็ทำให้ประชาชนเริ่ม รับทราบแล้วว่าจะไม่สามารถมีการจัดงานสงกรานต์หรือจัดงานเทศกาลได้ และในวันนี้เองวันที่ 9 เมษายนปีพศ 2563 รัฐบาลได้มีการประกาศออกมาอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการงดการขายเหล้าเบียร์ให้กับประชาชนโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ถึงวันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไปซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลานานถึง 10 วันด้วยกันที่ประชาชนจะไม่สามารถซื้อเหล้าหรือเบียร์มารับประทานได้

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายจังหวัดที่มีการประกาศออกมาห้ามจำหน่ายเหล้าเบียร์เนื่องจากว่าการที่ประชาชนซื้อเหล้าเบียร์ไปกินนั้นไม่ได้พิมพ์คนเดียวแต่มีการนั่งกินกับเพื่อนฝูงซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ดังนั้นหลายๆจังหวัดจึงได้มีการห้ามในการที่จะจำหน่ายสุราเหล้าเบียร์ต่างๆโดยทั้งนี้ที่กรุงเทพฯเองก็มีการประกาศการให้ไม่มีการจำหน่ายเป็นระยะเวลา 10 วัน

โดยอาศัยช่วงในวันสงกรานต์นี้ห้ามประชาชนดื่มเหล้าดื่มเบียร์แต่เมื่อมีการประกาศออกมาในวันที่ 9 เมษายนนี้เอง ทำให้ประชาชนต่างก็พากันเดินทางไปช้อปปิ้งที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตรวมถึงร้านค้าต่างๆเพื่อมีการกักตุนเหล้าเบียร์ไว้ทานในช่วง 10 วันที่ทางกรุงเทพฯ

จะไม่ให้ขายเหล้าหรือเบียร์ทำให้วันนี้เรียกได้ว่าข้างในกรุงเทพฯส่วนใหญ่เหล้าเบียร์ตรงชั้นวางขายของหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือเลยทีเดียว ซึ่งต้องมาดูกันว่าหลังจากที่มีการประกาศห้ามขายเหล้าและเบียร์นั้นจะมีคนฝากฝืนมากน้อยแค่ไหน 

 

ทหารไทยวางอาวุธหันมาจับถังน้ำยาฆ่าเชื้อฉีดฆ่าเชื้อไวรัสทั่วกรุงเทพฯ

      โดยปกติแล้วเราจะรู้ว่าทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติคอยจับปืนต่อสู้กับเหล่าข้าศึกศัตรูที่จ้องจะมารุกรานประเทศชาติของเราด้วยในสมัยก่อนทหารจะจับดาบไว้ฟาดฟันกับศัตรูที่หวังจะมายึดครองประเทศต่อมาก็เปลี่ยนจากดาบมาเป็นปืน

ซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่ในปัจจุบันที่ประเทศชาติไม่ได้มีปัญหาต้องรบราฆ่าฟันกับข้าศึกศัตรูที่ไหนแต่กำลังพบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาทำให้เหล่าทหารไทยผู้หาญกล้าจำเป็นต้องวางดาบวางปืนแล้วหันมาจับกระบอกฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อเพื่อที่จะได้ฆ่าเชื้อโรคและฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่าให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยโดยตอนนี้มีการเลิกดำเนินการที่แรกก็คือในเขตกรุงเทพฯโดยจะเน้นการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปตามจุดต่างๆ

ที่ประชาชนนิยมไปใช้บริการเช่นตามป้ายรถเมล์แถวบริเวณสถานีรถไฟลอยฟ้าและแถวบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งการดำเนินการนี้เป็นการสั่งการโดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาโดยเริ่มมีการดำเนินการกันมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 มีนาคมปีพศ 2563 โดยมีกำหนดการที่จะมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในเขตกรุงเทพฯแบบนี้ทุกวัน

ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทหารจะต้องออกปฏิบัติการตั้งแต่ช่วงเวลา 1:00 นลากยาวจนถึง 05:00 นซึ่งคาดว่าการกระทำในการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อนี้จะทำต่อเนื่องกันไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคมหรืออาจจะจนกว่าจะสิ้นสุดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

      สำหรับวิธีการการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตามสถานที่ที่มีคนหนาแน่นนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่จริงๆแล้วมันสามารถช่วยได้แค่เพียงระดับหนึ่งเท่านั้นเองเพราะเนื่องจากว่าเมื่อเรามีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปแล้วและมีคนที่ติดเชื้ออาจจะบักขี้มูกแล้วมาป้ายตรงจุดที่ทหารเคยมาฉีดยาฆ่าเชื้อตัวเชื้อโรคก็จะกลับมาอีกครั้งหนึ่งซึ่งถ้าใครมาโดนขี้มูกตรงจุดนั้นก็จะได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าไปทันทีดังนั้นการฆ่าเชื้อโดยการฉีดพ่นน้ำยาช่วงเวลา 01:00 นถึง 5:00 น

จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเพราะจริงๆแล้วการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุคือการค้นหาคนที่ติดเชื้อไวรัสทั้งหมดแล้วนำมารักษาเพื่อให้หายจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่นอีกซึ่งวิธีการที่ถูกต้องควรจะเปิดสถานที่ สามารถให้ประชาชนเข้ามาตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้วเมื่อคัดกรองแล้วว่าใครติดเชื้อก็นำตัวไปรักษาวิธีการนี้น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าภายในประเทศไทยเพราะต่อให้เราฉีดพ่นไปมากแค่ไหนแต่ระหว่างวันมีคนที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อเดินกันขวักไขว่ไปมายังไงเชื้อก็สามารถส่งต่อถึงกันได้อยู่ดี

สาว อบต. ลพบุรี ถูกหัวหน้างานลวนลาม

 มีน้องผู้หญิงคนนึงชื่อว่าน้องน้ำ โดยเรื่องราวของเธอถูกเผยแพร่ออกมาผ่านทาง facebook จากชมรมคนไม่กลัวผู้มีอิทธิพล โดยในเพจมีการระบุเอาไว้ว่า น้องน้ำคนดังกล่าวต้องการที่จะหลบหัวหน้างานแล้วน้องน้ำทำงานอยู่ที่ อบต.แห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี

แล้วถูกลูกพี่พยายามจะเข้ามาปล้ำ ซึ่งมีคลิปวีดีโอโพสต์ลงไปประกอบกับคำบรรยายในเพจด้วยซึ่งในคลิปจะเห็นว่าหัวหน้าของน้องน้ำพยายามที่จะเข้าไปปล้ำน้องน้ำ โดยน้องน้ำได้เล่าถึงสาเหตุที่เข้ามาในห้องที่เกิดเหตุนี้และถูกหัวหน้าปกป้องว่าในวันดังกล่าวที่เกิดเรื่องเป็นวันที่ทางอบตมีการจัดงานแจกเสื้อให้กับชาวบ้านซึ่งมีลุงคนหนึ่งเป็นคนที่คุ้นเคยกับน้องน้ำดีเดินมาบอกน้องน้ำว่าหัวหน้าของน้องน้ำให้น้องน้ำไปประกาศเสียงตามสายบอกให้ชาวบ้านเดินทางมารับเสื้อ

ดังนั้นน้องน้ำจึงได้เดินเข้ามาในห้องประกาศเสียงตามสาย หลังจากนั้นปรากฏว่าลูกพี่ของน้องน้ำได้เดินตามเข้ามา แล้วก็ตรงเข้ามาทำการปลุกปั้นน้องน้ำซึ่งน้องน้ำก็พยายามขัดขืนหลังจากที่คลิปนี้มีการเผยแพร่ออกสู่สังคม Social ทำให้นักข่าวได้ทราบข่าวและลงเข้าไปในพื้นที่เพื่อไปสอบถามกับน้องน้ำผู้หญิงในคลิปดังกล่าวซึ่งน้องๆก็ได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่าในวันดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมแจกเสื้อให้กับชาวบ้าน

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคมปีพศ 2563 นี้เอง แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นดังในคลิปที่มีการเผยแพร่ออกไปนั่นเองไปให้ข้อมูลกับนักข่าวเหตุการณ์ในวันดังกล่าวน้องน้ำยังไม่ทันได้ถูกข่มขืนก็สามารถหนีรอดออกมาได้ก่อนแต่น้องน้ำไม่ได้มีการทำร้ายหรือตบตีทางลูกพี่แต่อย่างใดเนื่องจากว่าเกรงกลัวลูกพี่จะทำร้ายร่างกายเพราะโดยปกติแล้วลูกพี่ของน้องน้ำมักจะพกปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลาดังนั้นในวันเกิดเหตุจึงได้ทำเพียงแค่วิ่งหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุเท่านั้น แล้วก็มานั่งร้องไห้อยู่ด้านนอกซึ่งเธอเชื่อว่าเพื่อนๆที่อยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุน่าจะได้ยินเหตุการณ์แต่คงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเพราะว่าลูกพี่เป็นคนที่มีอิทธิพลและเธอเชื่อว่าผู้หญิงหลายคนที่เคยทำงานอยู่ที่นี่น่าจะเคยถูกลูกพี่กระทำการข่มขู่บังคับขืนใจเช่นเดียวกันกับเธอเหมือนกันเจอเธอยังบอกด้วยว่าตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ด้วยกันมาลูกพี่

คนนี้มักจะพูดจาลามกกับลูกน้องอยู่เสมอ และหลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้เธอได้ไปทำการร้อง  อบต. และร้องศูนย์ดำรงธรรม แต่ก็ไม่มีเพื่อนร่วมงานคนไหนจะมาเป็นพยานให้กับเธอเลยเพราะทุกคนต่างก็เกรงกลัวอิทธิพลของนายก อบต. คนนี้กันมาก แต่เมื่อนักข่าวลงไปสอบถามคนงานที่ทำงานอยู่ในบ้านของนายกอบตคนดังกล่าวทุกคนต่างให้ข้อมูลเหมือนกันว่านายก อบต. เป็นคนดีและไม่มีใครเชื่อว่านาย อบต.

จะทำเช่นนั้นซึ่งหลายคนเชื่อว่านายกต้องถูกวางยาแน่นอนถึงมีอาการเช่นนั้นออกมาโดยทุกคนต่างก็บอกตรงกันว่าชาวบ้านและลูกน้องของนายก อบต. คนนี้ยังรักนายกกันทุกคนเพราะว่าเขาเป็นคนดี ซึ่งคงต้องรอผลการสอบสวนกันต่อไป

สมาคมร้านขายยาประกาศทวงหน้ากากอนามัย

สมาคมร้านขายยาประกาศทวงหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายในออกสื่อ

     อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าปัจจุบันนี้หน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการทั้งของหน่วยทุกราชการและของประชาชนเป็นอย่างมากเพราะว่าขนาดนี้หน้ากากอนามัยถือว่าเป็นสินค้าที่ขาดแคลนหาซื้อได้ยากแล้วจะหาใครหาซื้อได้ก็จะมีราคาที่สูงมาก

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกรมการค้าภายในเคยได้ประกาศออกสื่อทางทีวี,วิทยุและตามสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายว่าจะมีการนำหน้ากากอนามัยออกมาให้ร้านขายยาทั่วไปทั่วประเทศได้ออกมาขายให้กับประชาชนโดยจะให้สมาคมร้านขายยาเป็นผู้แจกจ่ายให้กับร้านขายยาทั่วประเทศวันละประมาณ 25,000 ชิ้น

    ซึ่งนับจากวันที่กรมการค้าภายในได้ประกาศมาจนถึงปัจจุบันประชาชนยังไม่เคยสามารถซื้อหน้ากากอนามัยได้ในราคาที่ถูกเหมือนอย่างที่มีการแจ้งเอาไว้และยังไม่เห็นว่าร้านค้าร้านไหนจะมีหน้ากากอนามัยออกนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนเลยซักร้านจึงได้มีการเรียกร้องไปยังสมาคมร้านขายยาเพื่อทวงถามการจัดจำหน่าย หน้ากากอนามัยดังนั้นในวันนี้ทางสมาคมร้านขายยาจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ออกทางสื่อทุกสื่อฝากไปถึงกรมการค้าภายในว่าที่เคยแจ้งไว้ว่าจะแบ่งหน้ากากอนามัยมาให้กับสมาคมร้านขายยาวันละ 25,000 ชิ้น

นั้นนับตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงณปัจจุบันทางสมาคมร้านขายยายังไม่เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากทางกรมการค้าภายในเลยแม้แต่ชิ้นเดียวซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานรวมถึงประชาชนได้มาแสดงความกดดันกับสมาคมร้านขายยาดังนั้นเพื่อเป็นการให้ทุกฝ่ายได้รับรู้โดยทั่วกันว่าสมาคมร้านขายยาไม่ได้มีการกระตุ้นหน้ากากอนามัยไว้เพียง

แต่ว่าทางสมาคมยังไม่ได้รับหน้ากากอนามัยมาจึงยังไม่ได้มีการนำออกมาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนดังนั้นทางสมาคมร้านขายยาจึงต้องการให้ทางกรมการค้าภายในและทุกหน่วยงานที่ที่เกี่ยวข้องได้ส่งหน้ากากอนามัยมาให้กับสมาคมร้านขายยาได้เอาไปแจกจ่ายให้กับร้านขายยาทั่วประเทศเพื่อขายต่อให้กับประชาชนตามที่ทางกรมการค้าภายในได้มีการประกาศออกสื่อไว้เอา

           สำหรับปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยยังคงมีปัญหาอยู่เรื่อยเรื่อยถึงแม้หลายฝ่ายจะออกมาเรียกร้องให้รีบจัดการกับปัญหาดังกล่าวนี้แล้วก็ตามแต่ก็ยังของพบว่าถึงแม้โรงงานจะผลิตหน้ากากอนามัยมากแค่ไหนแต่ประชาชนก็ไม่เคยจะได้ใช้หน้ากากอนามัยเลยจึงทำให้อยากรู้ว่าหน้ากากอนามัยที่ถูกผลิตแล้วถูกนำไปจำหน่ายไว้ที่ไหนทำไมคนไทยถึงไม่ได้ใช้ มีใครแอบการ์ตูนเอาไว้หรือไม่และของที่ถูกกับตนนั้นถูกส่งไปจำหน่ายที่ไหน

คำถามนี้ยังคงมีอยู่และรัฐบาลควรจะหาคำตอบนี้มาให้กับประชาชนให้ได้และหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากที่สมาคมร้านขายยาได้ประกาศออกพาสื่อไปแล้วนั้นทางกรมการค้าภายในจะนำหน้ากากอนามัยออกมาขายให้กับประชาชนในราคาถูกเสียที      

 

สนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์2020

โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทอง

โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทอง พูดเพราะทุกคำได้ทองไป 14 บาท 

มีรายงานข่าวว่าที่จังหวัดระยอง  มีร้านทองในอำเภอปลวกแดง ถูกโจรบุกปล้นทอง ซึ่งคนร้ายได้สร้อยคอทองคำไปทั้งหมด 7 เส้น ตามรายงานข่าวลูกชายเจ้าของร้านเป็นคนนั่งรอขายทองอยู่โดยมีน้องชายนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ข้างข้าง สักพักก็มีชายคนหนึ่งสะพายกระเป๋าเป้

และใส่หน้ากากอนามัยเดินเข้ามาในร้านตอนแรกก็ถามราคาทองแล้วก็ขอดูสร้อยคอทองคำเส้นละ 2 บาทโดยตนเองหยิบลายมาให้เลือกทั้งหมด 7 ลาย หลังจากนั้นคนร้ายก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วบอกให้ตนเองหยิบทองใส่กระเป๋าโดยระหว่างที่ปล้น คนร้ายไม่ได้ตะโกนเสียงดังโวยวาย พูดปกติเหมือนกำลังซื้อของและที่สำคัญคนร้ายพูดจาไพเราะ

มีลงท้ายด้ายครับทุกคำ ทำให้คนอื่นอื่นที่อยู่ภายในร้านไม่ได้เอะใจว่าร้านโดนปล้น เมื่อคนร้ายได้ทองไปก็บอกให้เปิดประตู ลูกชายเจ้าของร้านกลัวคนร้ายจะยิงเลยเปิดประตูให้แล้วคนร้ายก็เดินออกจากร้านทองไปเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น โดยคนร้ายนำทองไปทั้งหมด 7 เส้น เส้นละ 2บาทคิดเป็นเงิน14 บาท หลังจากคนร้ายไปแล้วทางลูกชายเจ้าของร้านจึงได้โทรแจ้งความที่สถานีตำรวจและตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รูปพรรณคนร้านจากกล้องวงจรปิดเรียบร้อยแล้วกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

              เหตุการณ์ปล้นกันในครั้งนี้ โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะคนร้ายต้องการแค่ทองเท่านั้น เดี่ยวนี้คนไม่มีเงินใช้กันแล้วเพราะพิษเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้หลายคนตกงาน เจ้าของกิจการคนไหนทีไม่มีเงินมรดกเก่า ไม่มีเงินหนาก็จะต้องปิดกิจการไป

เพราะตอนนี้ขายอะไรไปก็ไม่มีคนซื้อของ มีแต่คนตกงานแล้วออกมาขายของ เวลาที่เดินอยู่ที่ตลาดก็มักจะได้ยินแม่ค้าบ่นเป็นประจำว่าขายของไม่ได้ สังเกตได้จากตอนนี้รถไม่ค่อยติดแล้ว เพราะผู้คนตกงานไม่ได้ออกไปทำงาน และบางคนก็ไม่มีเงินที่จะเติมน้ำมันรถแล้ว ทำให้หลายคนสิ้นคิด ตัดสินใจดับอนาคตของตัวเอง มาเป็นโจรปล้นร้านทอง

หรือเป็นขโมยลักเล็กขโมยน้อยเพราะต้องเอาเงินมาประทังชีวิตซื้อกิน  ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้คนจนกำลังจะล้นประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีโจรที่เข้ามาปล้นธนาคารในครั้งนี้ ไม่ได้ปิดบังใบหน้าเลยว่าเป็นใคร ใส่เพียงแค่หน้ากากอนามัยเท่านั้นใครที่เคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้ก็ย่อมดูออกว่าคือใคร ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้น การจับตัวคนร้ายคงจับได้เร็วเร็วนี้ คงต้องรอดูฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  nowbet

แจ๋วแหวว สาวน้อยขายพวงมาลัย

แจ๋วแหวว สาวน้อยขายพวงมาลัยฝันเป็นนางแบบ อุ๊บ วิริยะช่วยสานฝัน

          จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebookรายหนึ่งได้ถ่ายภาพสาวน้อยอายุประมาณ 12 ปีกำลังนั่งมัดผมอยู่ตรงแยกถนนพระราม 9  โดยในภาพจะเห็นว่าท่ามัดผมของสาวน้อยคนดังกล่าวมีการโพสต์ท่าเหมือนกับนางแบบมา จึงได้มีการถ่ายรูปแล้วนำมาลงFacebook และหลังจากนั้น ภาพดังกล่าวก็ดังเพียงชั่วข้ามคืน

เพราะว่าหลายคนที่ได้เห็นภาพต่างก็ออกมาพูดเหมือนกันว่าท่าโพสต์ของเด็กคนดังกล่าวมีแววเหมือนนางแบบมากมาก ซึ่งต่อมานักข่าวได้ไปตามหาเด็กในภาพพบว่า เธอชื่อว่าน้องแจ๋วแหวว  ซึ่งเธอจะออกมาช่วยแม่ขายพวงมาลัยทุกวัน เพื่อหาเงินเป็นค่าเทอมไปเรียนหนังสือ ซึ่งน้องแจ๋วแหวว

เป็นคนรักสวยรักงามละต้องแต่งตัวก่อนถึงจะออกไปขายพวงมาลัย ส่วนภาพที่มีการนำไปส่งต่อต่อกันนั้นเป็นท่าปกติของน้องแจ๋วแหวว เพราะน้องอยากเป็นนางแบบจึงหัดโพสต์ท่าทางมาตลอด และเมื่อมีการทำข่าวนี้ทางคุณ อุ๊บ วิริยะ คนที่ดูแลนางแบบก็เดินทางมาพบกับนักข่าวเพื่อพาไปหาน้องแจ๋วแหวว โดยทางคุณ อุ๊บ วิริยะบอกว่าตนเองอยากเจอน้อง

อยากช่วยให้น้องสมหวังอย่างที่ฝัน โดยคุณ อุ๊บ บอกว่าตนเองมีโรงเรียนสอนเรียนเดินแบบ และโรงเรียนสอนร้องเพลงอยู่แล้ว จึงได้มาติดต่อให้น้องไปเรียนฟรี ตนอยากช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ทำได้ ซึ่งตนไม่สามารถช่วยเหลือเป็นการเงินได้ แต่สามารถช่วยเหลือด้วยการให้น้องไปเรียนได้แทน ซึ่งคอร์สการเรียนเดินแบบ หรือเรียนร้องเพลงนั้น

มีราคาเป็นหลักหมื่นออยู่แล้ว หากน้องอยากเรียน จะมาเลือกเรียนอันไหนก็ได้แล้วแต่น้องแจ๋วแหวว จะเลือกเรียนเลย ซึ่งทางน้องแจ๋วแหวว เองเมื่อได้เจอกับคุณ อุ๊บ วิริยะก็ได้ลองเดินแบบให้กับคุณอุ๊บ ดูซึ่งคุณ อุ๊บก็บอกว่าน้องแจ๋วแหววมีพร สวรรค์ หากในอนาคตนั้นจะได้เป็นนางแบบหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวของน้องเอง

แต่หลังจากที่คุณ อุ๊บออกมาเพื่อจะช่วยสานฝันให้เด็กได้เรียนเดินแบบฟรีนั้นก็มีคนในสื่อโซเชียลหลายคนออกมาต่อว่าว่า คุณ อุ๊กำลังสร้างภาพ ซึ่งตัวคุณอุ๊เองก็ได้แต่กล่าวว่าคนเราคิดไม่เหมือนกันและคุณอุ๊บ เองไม่ได้สนใจ ใครอยากคิดอย่างไรก็ปล่อยไป 

    เกี่ยวกับในเรื่องนี้การที่น้องแจ๋วแหววได้มีโอกาสที่ดีที่จะได้เรียนเดินแบบตามที่ตนเองใฝ่ฝันนั้นเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นคนในโลกโซเชียลไม่ควรที่จะ มาแสดงความคิดเชิงลบต่อการที่คนอื่นจะทำความดี เพราะคนที่ทำความดีจะเสียกำลังใจ และไม่อยากทำความดีได้

 

สนับสนุนเรื่องราวเหล่านี้จาก  9luck

ตำรวจแจ้งความจับป้าเจ้าของบ้าน

ตำรวจแจ้งความจับป้าเจ้าของบ้านหลังไปค้นบ้านป้าแล้วโดนป้ากัด

     ตอนนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับที่บ้านหลังหนึ่งถูกตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปค้นในบ้านพักเพื่อหายาเสพติด ซึ่งวันที่ตำรวจเดินทางไปค้นบ้านนั้นไม่ได้มีการแสดงหมายค้นและไม่ได้ใส่ชุดตำรวจ ใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดา มากันประมาณ 7-8 คน

โดยผู้ที่โพสต์เฟสบุ๊กได้เล่าวันที่เกิดเหตุ บ้านหลังที่เกิดเหตุมีคนอยู่ภายในบ้านกัน 3 คนซึ่งกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่และในขณะนั้นก็มีรถเก๋งไม่มีป้ายทะเบียนขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน

ซึ่งในตอนนั้นมีนางอุ้ย อยู่บ้านข้างๆได้มองเห็นเหตุการณ์ว่ารถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดที่หน้าบ้านหลานของตัวเองแล้วหลังจากนั้นกลุ่มชายทั้งหมดก็พากันเดินเข้าไปในบ้านของหลานชายแล้วก็พากันล็อกตัวเด็กเด็กที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ภายในบ้านให้ออกมาอยู่นอกบ้านแล้วก็พยายามค้นข้าวของภายในบ้าน ยายอุ้ยจึงได้ตะโกนถามว่าเป็นใคร

แล้วมาทำไมพร้อมกันนั้นนางอุ้ยก็ยกมือถือเพื่อที่จะถ่ายคลิปวีดิโอแต่มีผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเดินตรงมาหายายอุ้ยพร้อมกับดึงมือถือไปโยนทิ้งพร้อมกับจับแขนยายอุ้ยบิดและล็อกคอยายอุ้ย ด้วยความกลัวตาย ยายอุ้ยจึงได้กัดเข้าที่แขนชายคนดังกล่าว

ซึ่งหลังจากนั้นชายคนดังกล่าวและเพื่อนที่มาด้วยกันก็ด่ายายอุ้ยรวมถึงพูดจากับยายด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพและยังทำร้ายด้วยการกระชากยายจนกลิ้ง และพยายามจะใส่กุญแจมือยายด้วยอีกทั้งยังบอกว่าจะจับยายขังคุก เพราะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและขัดขวางการทำงานของตำรวจ ซึ่งยายถูกพาไปที่สถานีตำรวจและได้มีลูกหลานนำเงินไปประกันตัว 

ซึ่งจากการที่นักข่าวลงไปสัมภาษณ์ยายอุ้ย ยายบอกว่าไม่เข้ามาก่อนว่าคนพวกนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่ได้ใส่ชุดตำรวจ และไม่ได้มีการแสดงเอกสารขอค้นบ้านให้เห็น เพราะพวกเขามาถึงก็เข้าค้นบ้านทันที่ถามอะไรก็ไม่ตอบ ยายก็เลยคิดว่าเป็นคนร้ายจะมาทำร้ายหลานหลาน จึงเข้าไปเพื่อจะถ่ายคลิปแต่ก็ถูกตำรวจพวกนั้นจับล็อคคอเสียก่อน

ซึ่งยายกล่าวว่า หากเป็นเจ้าหน้าที่ทำไมไม่แสดงตัว ยายไม่รู้ว่าใครก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน และยังบอกอีกว่าเป็นตำรวจทำไมต้องรังแกประชาชนด้วย ซึ่งหลานชายของยายอุ้ยอายุ 21ปีเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยได้เล่าว่าตนเองได้ถามแล้วว่ามาทำไม

ซึ่งคนกลุ่มนั้นบอกว่ามาค้นหายาเสพติด ซึ่งตนได้ชี้ไปที่บ้านอีกหลังแล้วบอกว่าให้ไปค้นที่บ้านโน่นเพราะที่นี่เป็นบ้านคนละหลังกันแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ฟังและยังค้นต่อไปจนยายต้องเข้ามาช่วยหลานๆซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้พวกตนกำลังปรึกษาทนายเพื่อฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แชร์สนั่น

 มีข่าวที่กำลังแชร์สนั่นโซเชียลอยู่ในขณะนี้

เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ออกมาโพสต์ข้อความระบายความในใจลงเฟสบุ๊กของตัวเองเกี่ยวกับหญิงคนรักที่เขาคบหาดูใจกันมานาน เขากลับมาพบว่าเธอนอกใจโดยภาพในคลิปที่มีการลงเอาไว้เป็นภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังร้องไห้เสียใจและในมือของเขาก็ถือถุงยางอนามัยสีชมพู

และข้างในยังมีน้ำอสุจิอยู่ ซึ่งเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นาน  ซึ่งในคลิปเขากำลังต่อว่าแฟนสาวของเขาที่นอกใจเขาโดยฝ่ายหญิงกำลังปลอบใจและขอโทษ ข้อความที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวมีการโพสต์ลงเฟสบุ๊ก

เป็นการเล่าระบายว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มาก ทุ่มเทให้ทุกอย่างและยังพาไปเจอกับครอบครัวของตัวเองมาแล้ว ผู้หญิงอยากได้อะไรเขาก็หาให้ทั้งหมดเท่าที่เขาจะทำได้ แต่ฝ่ายหญิงกลับมาทำร้ายเขาด้วยการแอบนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น เขาไม่เข้าใจว่าฝ่ายหญิงทำกับเขาแบบนี้ได้อย่างไร  ซึ่งเขาบอกว่าเขาสังเกตมาสักพักแล้วว่าแปรงสีฟันของเขาที่เขาเอาเก็บไว้ที่ห้องของแฟนสาวที่ปกติทีต้องวางไว้คู่กัน

เขากลับพบว่าแฟนสาวเอาไปซ่อนไว้ ไม่เก็บไว้ในห้องน้ำเหมือนเดิม ซึ่งเขาพบว่าแฟนสาวทำแบบนี้มาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เขามารับแฟนสาวไปกินข้าวแล้วเขามาที่ห้องแล้วเขาไม่เห็นแปรงสีฟันของเขา เขาสงสัยจึงเดินหาและไปค้นในถังขยะ เขาจึงได้เห็นถุงยางอนามัย และเมื่อค้นตรงที่นอนก็เห็นว่าแฟนสาวเก็บรูปของชายชู้ไว้บนหัวนอนอีกด้วย

โดยฝ่ายชายยังมีการเฟสอีกว่า แฟนสาวติดใจเด็กอายุ 19 ปี  ชายหนุ่มในคลิปยังระบุอีกด้วยว่าเขากับแฟนสาวคบกันมาได้นานแล้วแต่แฟนสาวไม่เคยให้เขาโพสต์รูปของตัวเองกับแฟนสาวลงเฟสบุ๊กเลย

โดยอ้างเหตุผลว่าอยากให้ครบกันไปสักพักก่อนแล้วค่อยเปิดตัว สถานะในเฟสบุ๊กของแฟนสาวจะระบุว่าโสดตลอด โดยเขายังระบายอีกว่าเขาเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บจนจุกจนพูดอะไรไม่ออก โดยเขาบอกว่า ยุคนี้คนเราไม่มีความซื้อสัตย์กันแล้วเหรอ ซึ่งเขายังบอกอีกว่าตอนนี้เขาเครียดมาและนอนไม่หลับ โดยในเฟสมีการะบุเวลาเป็น 6.46 นาฬิกา

ซึ่งหลายคนที่เข้ามาอ่านเฟสบุ๊กของชายที่โพสต์คลิปนี้ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจชายคนดังกล่าวกันเป็นจำนวนมากและได้มีการเข้ามาแสดงความคิดเห็นและมีการแชร์คลิปนี้มากกว่า 49 ครั้ง ซึ่งหลายคนก็หวังว่าชายในคลิปจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้