ห้ามโพสต์รูปเบียร์ลงใน Facebook ถูกจับจริงปรับ 50,000 บาท

   มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่เขานั้นได้มีการไปโพสต์บอกเล่าเรื่องราวที่เขานั้นได้มีการไปโพสต์รูปเบียร์ซึ่งเขาระบุด้วยว่ามีพรบคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องของเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์จึงเท่าไรมีการโพสต์รูปเบียร์หรือแม้แต่เขียนถึงเบียร์ก็ตามหรือบอกเล่าเรื่องราวของเบียร์ว่าเป็นยี่ห้ออะไร

คือถ้าโพสต์ข้อความอะไรที่เกี่ยวกับเบียร์แล้วบอกถึงยี่ห้อของเบียร์ชนิดนั้นๆก็จะทำให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมทันทีและแน่นอนว่าการที่เราโพสต์แบบนี้ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมายซึ่งจะต้องถูกปรับอย่างตามนั้น 50,000 บาท

และยังทำให้เสียประวัติว่าเคยถูกจับกุมอีกด้วยโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการแชร์ประสบการณ์ของตนเองจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีการโพสต์ใน Facebook ส่วนตัวเมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 โดยเขาเล่าว่าเขาได้มีการโพสต์ภาพรูปเบียร์แล้วติดโลโก้ของเบียร์ยี่ห้อหนึ่งลงไป

ใน Facebook หลังจากนั้นเขาก็ได้รับจดหมายส่งตรงมาถึงเขาที่บ้านทันทีพร้อมทั้งให้เขาเดินทางไปพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเมื่อเขาเดินทางไปตามนัดก็พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเขานั้นทำผิดพ. รบการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะเขานั้น

ได้มีการโพสต์ภาพและพจน์ยี่ห้อหรือโพสต์ชวนเพื่อนให้ไปดื่มแอลกอฮอล์ดื่มเบียร์ทำให้เขาถูกจับกุมและถูกปรับเงินทันทีเป็นเงิน 50,000 บาทอย่างไรก็ตามเขาได้พยายามต่อสู้คดีนี้โดยให้เหตุผลในเรื่องของการโพสต์ว่าเป็นการโพสต์ข้อมูลทั่วๆไปและไม่ได้มีเจตนาจะสื่อเชิญชวนให้ใครกินเบียร์ยี่ห้ออะไรแต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงศาลก็ตัดสินให้เขามีความผิดรวมถึงจะต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติมาเยี่ยมเยียนของเขาที่บ้านและที่สำคัญ

เขาจะต้องมีการไปเป็นอาสาทำความดีเพราะเขาถูกรอลงอาญาประมาณ 1 ปีซึ่งเขาบอกว่าเพียงแค่โพสต์เล่นสนุกๆแค่นั้นก็ทำให้เขาต้องเสียประวัติว่าเขาเคยมีประวัติติดคุกรวมถึงเขาต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาที่ไปทำเรื่องถึงโรงถึงศาลอีกด้วย

อย่างไรก็ตามเขาได้มีการใช้ข้อมูลบอกเพื่อนในโลกโซเชียลว่าให้ทุกคนนั้นระวังเรื่องของการโพสต์ข้อมูลในโลก Facebook ให้ดีเพราะหลายคนคงอาจจะไม่รู้ว่ามีกฎหมายคุ้มครองเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งตัวเขาเองก็คือหนึ่งในนั้นที่ไม่รู้ข้อความและในที่สุดนั้นเขาก็ถูกจับกุมและต้องเสียเงินถึง 5 หมื่นกว่าบาทเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม

สิ่งที่มีการคุ้มครองนั้นเราจะต้องไม่พ้นเชิญชวนให้ใครมาดื่มเบียร์รวมถึงไม่ระบุยี่ห้อของเบียร์และห้ามโพสต์แก้วเบียร์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ทั้งหมดเพราะถ้าหากทางกระทรวงไอทีจับได้ว่าเรามีการโพสต์ข้อความเหล่านี้ลง Facebook พวกเขาก็จะส่งเอกสารและหมายศาลส่งมาถึงบ้านเราในทันทีและเราก็จะกลายเป็นผู้ที่ทำความผิดและมีคดีติดตัวทันทีเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  bk8

มิติใหม่แห่งการขายของด้วยการไลฟ์สด

มิติใหม่แห่งการขายของด้วยการไลฟ์สดเมื่อแม่ค้าแต่งหน้าผีขายเสื้อผ้ามือสอง

          กำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์เป็นอย่างมากเกี่ยวกับการขายสินค้ามือสองของแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งเธอได้สร้างปรากฏการณ์และมิติใหม่ของการขายของด้วยการแต่งหน้าผีมาขายของโดยเธอนั้นเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ซึ่งเธอจะรับเสื้อผ้ามือสองมาจากโรงเกลือแล้ว

นำมาไลฟ์สดในการขายของโดยปกติแล้วเสื้อผ้าของเธอในการไลฟ์สดขายของนั้นมักจะมีลูกค้าที่เข้ามาซื้อและมาชมการไลฟ์ขายของเธอเพียงครั้งละ 40-50 คนเท่านั้นแต่หลังจากที่เธอมีการเปลี่ยนแปลงสไตล์การแต่งตัวในการขายของเธอคนปรากฏว่ามียอดคนที่เข้ามาติดตามชมเธอไลค์ขายของกันเยอะมากและสินค้าของเธอ

ก็ขายได้มากเช่นเดียวกันด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้แม่ค้าขายของที่กำลังเป็นกระแสพูดถึงอยู่ในขณะนี้ได้ออกมาถึงแนวความคิดในเรื่องของการแต่งหน้าผีไลฟ์สดในการขายเสื้อผ้ามือสองว่าอันที่จริงแล้วเธอขายของตามปกติของเธอซึ่งวันนึงก็จะขายได้ไม่มากนักเท่าไหร่เธอเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้ามือสองซึ่งเธอจะไปรับมาจากตลาดโรงเกลือหรือแม้บางครั้งก็จะมีเพื่อนๆ

ที่รู้จักกันนำเสื้อผ้าคนที่เสียชีวิตแล้วมาให้เธอขายดังนั้นด้วยความกลัวที่ว่าเสื้อผ้ามือสองเรานั้นอาจจะเป็นเสื้อของคนตายเธอจึงนำเสื้อผ้ามือสองทุกตัวไปที่วัดเพื่อให้พระทำการบังสกุลให้อย่างไรก็ตามในวันแรกที่เธอแต่งหน้าผีขายเสื้อผ้ามือสองนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะแต่งหน้าผีเพียงแต่ว่าวันนั้นน้ำประปาที่บ้านไม่ไหลเธอ

ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยแต่งหน้าผีซะเลยหลังจากที่เธอแต่งหน้าผีนั้นจากคนที่ดูอยู่ที่ประมาณ 50 คนพบว่าในวันดังกล่าวนั้นยอดคนที่เข้ามาดูเธอนั้นมากถึง 4000 คนเลยทีเดียวและที่สำคัญในวันนั้นเธอสามารถขายเสื้อผ้ามือสองของเธอได้เยอะมาก

โดยในข้อความที่เธอไลฟ์สดขายของนั้นมักจะบอกกับลูกค้าว่าเสื้อผ้าทุกตัวนั้นเป็นของคนตายและไม่จำเป็นที่ลูกค้าก็ต้องกลัวเนื่องจากสภาพครอบครัวของเธอนั้นสะพานการบังสกุลใบเรียบร้อยแล้วดังนั้นคนตายจะไม่มาส่งเสื้อผ้าอย่างแน่นอน

ซึ่งนี่คือมิติใหม่ของการขายเสื้อผ้ามือสองเพราะหลังจากที่เธอออกแนวการแต่งตัวแบบนี้รวมถึงการพูดจาแบบนี้ผลปรากฏว่าเสื้อผ้ามือสองของเธอนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียวและหลังจากนั้นเป็นต้นมาเธอก็เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวในการถ่ายของเธอมาเป็นการแต่งหน้าผีซึ่งเธอจะมีการปรับเปลี่ยนการแต่งหน้าของเธออยู่เรื่อยๆเพื่อไม่ให้ลูกค้านั้นขนาดซ้ำซากจำเจและหลังจากนั้นก็ทำให้โลกออนไลน์นั้นได้มีการพูดถึงการไรท์ขายเสื้อผ้ามือสองของเธอ

เดินเพ่นพ่านมันไปทั่วนั่นเองอย่างไรก็ตามเธอได้มีการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการขายเสื้อผ้ามือสองของเธอด้วยว่าในช่วงแรกๆนั้นเธอเคยพบเกี่ยวกับเรื่องของควันซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณของเจ้าของเสื้อหรืออาจจะเป็นวิญญาณของพวกผีที่อยู่ในบ้านของเธอ

ซึ่งทำให้เธอนั้นกลัวมากเหมือนกันแต่ก็ต้องทำมาหากินดังนั้นทุกครั้งก่อนที่เธอจะมีการไร้เสื้อผ้าขายเธอจึงต้องจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเพื่อขอขมาลาโทษก่อนที่จะมีการขายของทุกครั้งส่วนยอดเงินที่เธอขายได้นั้นส่วนหนึ่งก็คือนำมาเป็นค่าใช้จ่ายของตนเองและอีกส่วนหนึ่งเธอก็จะนำไปทำบุญให้กับเจ้าของเสื้อผ้า

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8

สามีภรรยาถูกหวย 12 ล้านหลังจากขึ้นเงินเสร็จ พบสามีหอบเงินหนีหาย

           เมื่อวันที่ 30 เดือนพฤษภาคมพศ2563 ช่วงเวลาประมาณใกล้เที่ยง  แม่หญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 45 ปีได้เดินทางมาที่สำนักงานทนายความของทนายรณณรงค์แก้วเพ็ชร์

  เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมต้องการให้ทนาย รณรงค์เข้าทำการช่วยเหลือโดยเธอได้มีการให้ข้อมูลกับทนายความว่าเธอนั้นอยู่กินกับแฟนหนุ่มมาประมาณ 2 ปีแล้วซึ่งเธอและแฟนหนุ่มนั้นอยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยาทั่วไปเพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนกันไม่อยู่มาวันหนึ่งเธอและแฟนหนุ่มของเธอนั้นขับรถไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดหลังจากนั้นก็มีการซื้อลอตเตอรี่มาจำนวน 5 ใบผลปรากฏว่าลอตเตอรี่ดังกล่าวนั้น

ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบซึ่งได้รับเงินรางวัลเป็นเงิน 12 ล้านบาทเธอให้ข้อมูลว่ารถเตอรี่ดังกล่าวนั้นเธอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการซื้อเองทั้งหมดเพียงแต่ว่าฝากให้สามีเป็นคนพิเศษครอบครองเอาไว้

ซึ่งโดยปกติแล้วเธอและสามีก็ซื้อลอตเตอรี่แบบนี้เป็นประจำและก็จะฝากให้สามีเป็นคนเก็บเงินเป็นประจำอยู่แล้วสำหรับลอตเตอรี่งวดที่เธอถูกนั้นเป็นงวดประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีพศ. 2563 ซึ่งหลังจากที่ถูกลอตเตอรี่แล้วสามีของเธอนั้นก็ได้นำลอตเตอรี่ไปทำการขึ้นเงินที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จังหวัดนนทบุรีหลังจากนั้นก็กลับมาอยู่บ้านแล้วนำเงินบางส่วนมาให้เธอเอาไปใช้หนี้แต่เงินส่วนใหญ่นั้น

ก็ยังคงอยู่กับสามีจนเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือนสามีของเธอได้บอกว่าจะขอกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดหลังจากนั้นสามีของเธอก็ออกจากบ้านและเธอก็ไม่สามารถติดต่อสามีของเธอได้อีกเลยไม่ว่าจะติดต่อทางโทรศัพท์มือถือหรือทาง LINE ก็ถูกบล็อคหมดทำให้เธอเริ่มมั่นใจแล้วว่าสามีของเธอนั้นกำลังจะทิ้งเธอและนำเงินที่ถูกหวยไปด้วย

เธอจึงได้เข้ามาติดต่อให้ทนายความช่วยให้ทำการช่วยเหลือเพราะเธอไม่มั่นใจว่าหากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วเธอจะสามารถเอาเงินส่วนนั้นมาใช้ได้หรือไม่เบื้องต้นนั้นเธอได้มีการให้ข้อมูลว่าเธอทำงานเป็นพนักงานบริษัทขายของส่วนสามีของเธอนั้นก็ทำงานขับรถแท็กซี่ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เคยรักและอยู่ด้วยกันดีมาโดยตลอดแต่พอมาถูกรางวัลที่ 1 นั้น

สามีของเธอก็เปลี่ยนไปอีกทั้งยังออกเงินรางวัลที่ได้นั้นไปหมดและไม่ได้แบ่งให้เธอเลย อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวนี้ทนายรณรงค์ได้มีการแนะนำให้หญิงสาวคนดังกล่าวนั้นไปรวบรวมหาหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ได้เกี่ยวกับเรื่องของการซื้อลอตเตอรี่

และการถูกรางวัลซึ่งหากมีหลักฐานต่างๆเหล่านี้ทนายความยืนยันว่าเงินที่ถูกลางวันนั้นสามารถที่จะแบ่งกันได้คนละครึ่งโดยที่ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสกันก็ได้

 

สนับสนุนโดย  บาคาร่าsagame

ตัดหัวฆ่าลูกเพราะอับอาย

สาว 13 ปีถูกพ่อแท้ๆย่องไปตัดหัวหลังสร้างความอับอายให้ครอบครัวด้วยการหนีคดีอยู่กับผู้ชาย 

    ที่ประเทศอิหร่าน สำนักข่าวแห่งหนึ่งรายงานข่าวว่า มีครอบครัวหนึ่งได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจบอกว่าลูกสาวของเขานั้นอายุ 13 ปีได้หายตัวออกไปจากบ้านซึ่งเขามีความเชื่อมั่นว่าลูกสาวของเขานั้นอาจจะหนีไปอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง

ซึ่งอายุห่างกันถึงโดยผู้ชายคนดังกล่าวนั้นมีอายุสูงถึง 34 ปีด้วยกันซึ่งครอบครัวของฝ่ายหญิงนั้นได้พยายามกีดกันไม่ให้ลูกสาวไปอยู่กับผู้ชายที่มีอายุมากขนาดนั้นแต่ดูเหมือนว่าเด็กสาววัย 13 ปีจะไม่เชื่อฟังและได้หายตัวออกไปจากบ้าน

ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการติดตามตัวจนใช้ระยะเวลาในการตามหาตัว 5 วันก็พบว่าหญิงสาววัย 13 ปีเล่นหนีไปอยู่กับชายอายุ 34 ปีจริงๆทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวหญิงสาวกลับมาส่งให้พ่อแม่ที่บ้านซึ่งระหว่างทางนั้นเธอได้ขอร้องอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะได้ส่งตัวเธอกลับไปที่บ้านเลยเพราะเธอเกรงว่าพ่อของเธอนั้นถ้าเธอแน่นอนเมื่อเธอกลับไปถึงบ้าน

แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีทางเลี่ยงเพราะตามหลักกฎหมายแล้วจะต้องมีการทรงตัวเด็กไปให้กับผู้ปกครองเท่านั้นและเมื่อหญิงสาวกลับไปถึงบ้านในระหว่างที่เธอกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องนอนของเธอนั้นเองพ่อของเธอก็ได้นำเคียวเกี่ยวหญ้ามาทำการตัดที่ศีรษะของเธอจนขาดกระเด็น

จนเป็นสาเหตุทำให้เธอนั้นเสียชีวิตคาที่ทันทีหลังจากนั้นพ่อของเธอก็ได้มีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเกิดเหตุมีคนถูกตัดคอเสียชีวิตอยู่ที่บ้านพักและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงพ่อของหญิงสาวก็ได้ยินยอมมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยเขาให้เหตุผลในการฆ่าลูกสาวของตนเองในการนี้ว่าลูกสาวของเขานั้นสร้างความอับอายความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับครอบครัวเป็นอย่างมากด้วยการที่เธอหนีออกจากบ้านไปอยู่กับผู้ชายซึ่งผู้ชายคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ชายที่ทางครอบครัวไม่ยอมรับอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมผู้ก่อเหตุไปไว้ที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว

แต่สำหรับในเรื่องของการพิพากษาดำเนินคดีนั้นเชื่อว่าชายคนดังกล่าวนั้นจะไม่ถูกสั่งประหารชีวิตแน่นอนเนื่องจากว่าบทลงโทษของศาสนาอิสลามนั้นมีการยกเว้นสำหรับผู้ปกครองที่จะสามารถฆ่าบุตรของตนเองได้โดยหากบุคคลนั้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้ปกครองของตนเอง

ซึ่งเป็นการทำผิดกฎทางศาสนานั้นเองเพราะของเด็กอาจจะถูกจำคุกแต่จะไม่ถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอนสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยข้อมูลว่าสำหรับผู้ที่เสียชีวิตจากการที่ถูกฆ่าเพราะครอบครัวอับอายนั้นมีจำนวนมากโดยเชื่อกันว่าจำนวนผู้ที่ถูกฆ่าตายจากการถูกฆ่าเพื่อล้างความอายนั้นมีมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของยอดคนตายทั้งหมดภายในประเทศเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  sagame

จับได้ครบซะที แก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ ตำรวจปิดคดีอย่างสวยงาม

           หากยังเคยจำกันได้ดีเกี่ยวกับคดีหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคดีนี้มาอย่างยาวนานหลายเดือนนั่นคือคดีแก็งอุ้มบุญซึ่งคดีดังกล่าวนั้นหากนับย้อนไปแล้วเป็นคดีที่สร้างความตกใจให้กับคนไทยอย่างมากโดยคดีดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีเพื่อนบ้านหลังหนึ่งได้มีการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สงสัยว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นจะมีการค้ายากัน

หรือไม่หรือมีการค้าประเวณีกันหรือไม่เนื่องจากว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านหลังใหญ่เหมือนบ้านคนรวยทั่วไปแต่ที่แตกต่างกันก็คือชาวบ้านมักจะเห็นผู้หญิงอยู่อาศัยภายในบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นจำนวนมากและส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยในบ้านหลังเก่านั้น

ก็มักจะเป็นหญิงสาวที่มีการตั้งครรภ์อยู่และเมื่อทั้งเจ้าหน้าที่ได้ทำการขอหมายค้นเข้าไปตรวจค้นก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีหญิงสาวเป็นจำนวนมากซึ่งมีการตั้งครรภ์อยู่และยังมีชายชาวต่างชาติซึ่งเป็นชาวจีนรวมถึงมีหมอและแม่บ้านคอยดูแลและเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนก็พบว่าหญิงสาวดังกล่าวนั้น

เป็นหญิงสาวชาวไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์ซึ่งเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้วเด็กทารกจะถูกนำตัวส่งไปที่ประเทศจีนดูเหตุการณ์ครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถสืบค้นจนทราบได้ว่าเป็นการทำแบบกระบวนการซึ่งมีการนำเด็กทารกนั้นไปขายให้กับคนจีนเป็นจำนวนหลายร้อยคนแล้วและหากย้อนเป็นระยะเวลาตั้งแต่ครั้งนี้เริ่มต้นกิจการมาก็พบว่าเด็กแต่ละคนจะถูกส่งตัวไปที่ประเทศจีนและไม่เคยกลับมาที่เมืองไทยอีกเลยซึ่งเราไม่รู้ว่าปลายทางแล้ว

เด็กไปอยู่ที่เมืองจีนในลักษณะแบบไหนกันแน่โดยแม่แต่ละคนที่มาอุ้มบุญนั้นจะได้ค่าคอมบุญคนละประมาณห้าแสน บาทหลังจากที่มีการคลอดเด็กออกแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวบริเวณย่านลาดพร้าวในเขตกรุงเทพฯนี่เองอย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการจับกุมตัวผู้คนที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการขยายผลออกไปจนสามารถที่จะทำการปิดคดีนี้ได้ในที่สุดโดยก่อนหน้านั้นได้มีการเปิดคดีนี้ขึ้นเมื่อวันที่ 13 เดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ 2553

ซึ่งในครั้งนั้นจับตัวคนร้ายได้ทั้งสิ้น 10 คนแต่หลังจากที่ปิดคดีเรียบร้อยแล้วเราสามารถที่จะควบคุมตัวคนร้ายได้ทั้งหมด 30 คนด้วยกันซึ่งจะมีทั้งในหน้าชาวจีนและมีในหน้าที่เป็นคนไทยที่เป็นคนจัดหาผู้หญิงมาทำการอุ้มบุญและยังมีเรื่องของคนที่คอยให้ความสะดวกสบายกับผู้หญิงที่คอยอุบลนั่นก็คือกลุ่มแม่บ้านและคนขับรถและยังมีคนคอยที่จะดูแลเด็ก

ที่เพิ่งคลอดออกมาใหม่ๆก่อนที่จะส่งตัวไปที่ประเทศจีนรวมถึงยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่คอยมาดูแลผู้หญิงในช่วงที่มีการคลอดบุตรอีกด้วยซึ่งครั้งนี้คนทั้ง 23 คนนี้ทำการจับกุมได้หมดแล้วยังเหลือเพียงแค่อีกคนเดียวเท่านั้นซึ่งตอนนี้หนีคดีอยู่ที่ประเทศจีนแต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยก็ได้มีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

 

สนับสนุนโดย  sagame เอเชีย

นักร้องคนดังเพชร  โพธาราม  ชีวิตตกอับ

นักร้องคนดังเพชร  โพธาราม  ชีวิตตกอับภรรยาป่วยเป็นอัมพฤกษ์ตนเองก็เป็นโรคหูตึงวอนขอความช่วยเหลือ 

       อดีตนักร้องคนดัง เพชร โพธาราม  ซึ่งเป็นนักร้องดังสมัยพุ่มพวงดวงจันทร์ซึ่งตอนนี้เขาเองอายุเกือบ 70 ปีแล้วขณะนี้กำลังประสบปัญหายากจนต้องการที่จะเจอบิณฑ์บรรลือฤทธิ์เพื่อให้ช่วยพาไปรักษาโรคอาการหูตึงซึ่งเมื่อนักข่าวลองไปที่บ้านของนักร้องคนดัง

ก็พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นนายเพชรอยู่กับภรรยาเพียงสองคนเท่านั้นโดยในขณะนี้นายเพชรนั้นมีอาการของโรคหูตึงส่วนภรรยาของนายเพชรนั้นป่วยเป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ซึ่งทั้งคู่ได้ให้ข้อมูลกับทางนักข่าวว่าตั้งแต่ที่นายเพชรประสบอุบัติเหตุนั้นงานที่ได้รับก็ลดน้อยลงไม่ค่อยมีคนจ้างไปร้องเพลงสักเท่าไหร่

และที่สำคัญนายเพชรนั้นเป็นนักร้องที่อายุสูงมากแล้วผู้คนก็ไม่ค่อยสนใจที่จะฟังเพลงรุ่นเก่าๆสักเท่าไหร่ยิ่งมาประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้รายได้ที่เคยมีบ้างเป็นบางวันกลับไม่มีเลยทำให้ตอนนี้ครอบครัวของนายเพชรไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายและไม่มีเงินไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยภรรยาของนายเพชรล่ะว่าปัจจุบันนี้อยู่กับสามีสองคนถึงแม้ว่า ทั้งสองคนนั้นจะมีลูกด้วยกัน

แต่ลูกๆของพวกเขาเองก็ลำบากไม่แพ้กันตอนนี้พวกเขามีเงินคนพิการไว้คอยใช้จ่ายในครัวเรือนซึ่งพวกเขานั้นต้องซื้อกับข้าวกินวันละ 1 ถุงเท่านั้นโดย 1 ถุงนี้แบ่งกันกิน 2 คนและต้องกินให้ได้ 3 มื้อทำให้ตอนนี้พวกเขาลำบากมากเพราะเงินเก็บที่ต้องการที่จะเอาไว้รักษาตัวก็เหลือน้อยลงทุกทีโดยภรรยาของนักร้องคนดังยังให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา

อีกว่าทุกวันนี้จะพูดคุยกับสามีก็พูดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเนื่องจากว่าสามีไม่ค่อยได้ยินที่ตัวเองพูดออกไปตอนนี้ไม่มีใครมาจ้างสามีไปร้องเพลงทำให้ไม่มีเงินไปหาหมอแล้วก็ไม่มีเงินใช้จ่ายตอนนี้ทั้งตนเองและสามีต่างก็ป่วยหนักซึ่งนอกจากสามีจะป่วยเป็นโรคหูตึงแล้วยังเป็นโรคไตระยะที่ 4 อีกด้วยส่วนตัวของภรรยาของนายเพชรนั้นก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์มานานถึง 5 ปีแล้ว

ไม่ได้ช่วยสามีหาเงินมานานแล้วทำให้ในตอนนี้นั้นทั้งคู่จึงไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนจึงได้แต่หวังว่าแฟนเพลงที่เคยรักใคร่กันดีมาและช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วยการจ้างนายเพชรกลับไปร้องเพลงอีกครั้งหนึ่งซึ่งไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เงินมากมาย

ขอเพียงแค่มีเงินเอาไว้กินไว้ใช้ก็พอแล้วโดยภรรยาของนายเพชรบอกว่าหากด้านในร้องเพลงจะให้เท่าไหร่ก็เอาเพราะตอนนี้ถ้าจะไม่มีเงินติดตัวกันเลยทั้งคู่เนื่องจากเวลาที่ไปหาหมอก็ต้องจ้างคนอื่นพาไปซึ่งเสียเงินค่าจ้างถึง 300 บาทด้วยกันตอนนี้ทั้งคู่หวังว่า

อยากจะเจอกับพระเอกคนดังบินบริษัทก็เคยดูข่าวแล้วพบว่าเขาเคยช่วยนักร้องรุ่นเก่าคนหนึ่งที่ประสบปัญหาเหมือนกันพาไปรักษาพยาบาลซึ่งตัวพวกเขาเองก็อยากจะให้ทางพระเอกบิณฑ์บรรลือฤทธิ์เข้ามาช่วยเหลือพาไปรักษาอาการโรคหูตึง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สมัครsagame

คุณป้าถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาขยะ

คุณป้าถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาขยะ ส่วนป้ายอมรับมีขยะจริงแต่ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเป็นขยะที่เอาไว้สำหรับขาย 

             ปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนบ้านทะเลาะกันนั้นมีมาอย่างยาวนานและมีเกือบทุกหมู่บ้านทุกจังหวัดซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาเพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดกันได้ออกมาโพสต์ Facebook เพื่อร้องเรียนเพื่อนบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเธอบอกว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นนำขยะออกมาทิ้งบ้านข้างๆซึ่งเป็นบ้านร้างและทำให้บ้านของเธอ

ซึ่งอยู่ติดกันได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากตนเองนั้นก็มีเด็กเล็กอยู่ภายในบ้านและก็ยังมีคนแก่ซึ่งหมู่บ้านของเธอนั้นนอกจากจะมีขยะเยอะแล้วยังมีพวกดมกาวทำให้เธอและครอบครัวหวาดกลัวมากกับหมู่บ้านที่มีคนพฤติกรรมแบบนี้ซึ่งหลังจากที่ได้มีการร้องเรียนออกไปนักข่าวก็ได้มีการลงไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวพบว่าบ้านหลังที่ระบุว่าเป็นบ้านที่เก็บขยะนั้น

มีขยะล้นจากในบ้านออกมาถึงนอกบ้านแต่ขยะส่วนใหญ่นั้นเป็นขยะที่สามารถนำไปขายได้เป็นพวกกล่องหรือแม้แต่ของเล่นเก่าๆและไม่มีกลิ่นเหม็นแต่อย่างใดจากการเข้าไปสอบถามเจ้าของขยะซึ่งเป็นคุณป้าอรุณวัย 65 ปีซื้อให้ข้อมูลว่าเธอนั้นมีอาชีพขายของเก่าโดยปกติแล้วสามีของเธอจะเป็นคนนำของเก่าไปขายแต่เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านั้น

สามีของเธอได้ประสบอุบัติเหตุและขณะนี้เป็นอัมพาตไม่สามารถลุกเดินได้จึงเป็นหน้าที่ของเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องนำของเก่าเหล่านั้นไปขายซึ่งเธอก็ต้องดูแลสามีด้วยและขายของไปด้วยทำให้เธอไม่สามารถนำของไปขายได้ทั้งหมดในทันทีแต่ของที่เธอนำมาเก็บสะสมเพื่อเอาไปถ่ายนั้นเป็นของที่ไม่มีกลิ่นแน่นอนเพราะเธอนำเพียงแค่กล่องกระดาษแล้วก็อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียแล้วมาวางไว้จึงไม่น่าจะมีปัญหากับเพื่อนบ้าน

และอีกอย่างหนึ่งก็คือบ้านข้างๆก็คือบ้านลูกสาวของเธอเองเพราะฉะนั้นกลิ่นไม่น่าจะเป็นเขากระทบถึงเพื่อนบ้านเป็นอย่างไรสำหรับผู้ที่ร้องเรียนนั้นได้ให้ข้อมูลว่าเธอนั้นได้มีการร้องเรียนไปยังประธานหมู่บ้านรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลายครั้ง

แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรและหลังจากที่เธอร้องเรียนไปพวกกลุ่มวัยรุ่นที่ดมกาวก็มาขู่ทำร้ายครอบครัวของเธอซึ่งจริงๆแล้วเธอเองนั้นไม่ได้ต้องการมีปัญหากับเพื่อนบ้านเพียงแต่เธออยากให้หมู่บ้านของเธอนั้นสะอาดถูกสุขลักษณะและการที่ป้าลุนนำขยะมากองไว้หน้าบ้านนั้นก็ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งเพราะมันดูสกปรกและบ้านของเธอนั้นก็มีทั้งเด็กและคนแก่

ซึ่งเธอกลัวว่าจะมีเชื้อโรคยิ่งตอนนี้มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าครอบครัวของเธอก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ส่วนทางด้านของประธานหมู่บ้านนั้นออกมายืนยันว่าผู้ร้องเรียนนั้นไม่เคยมาร้องเรียนกับประธานหมู่บ้านเลยว่าเกิดเหตุการณ์ไม่พอใจเรื่องของขยะส่วนของป้าอรุณนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นบ้านขายของเก่า

และตอนนี้สามีของเธอก็ป่วยทำให้เธอออกไปขายของได้น้อยและถ้าหากเพื่อนบ้านไม่พอใจกันก็ควรจะมาพูดจากันดีๆไม่ควรไปทำเรื่องร้องเรียนผ่านทาง Facebook ให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตทั้งนี้เธอได้คุยกับป้าอรุณแล้วว่าให้ทำการเคลียร์ขยะให้เรียบร้อย

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ อันดับ1

สวนสัตว์อินโดนีเซียฆ่าไก่นกยูงและอีกหลายๆอย่างเพื่อเป็นอาหารให้สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า

ทางนักข่าวได้พบว่า หลังจากมีการระบาดของเชื้อไวรัส Corona ทำให้สถานที่หลายๆที่จำเป็นที่จะต้องปิดตัวลงโดยเฉพาะสวนสัตว์ที่ประเทศอินโดนีเซียต้องมีชื่อว่าสวนสัตว์เมืองบำรุงซึ่งพวกเขานั้นตอนนี้ไม่มีเงินเนื่องจากไม่มีคนเข้าชมสวนสัตว์เลย

ซึ่งทำให้ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้ออาหารให้กับสัตว์ทุกตัวในสวนสัตว์ได้ซึ่งตอนนี้สัตว์ตัวใหญ่ก็กำลังหิวมากรวมถึงสัตว์ตัวเล็กด้วยเส้นทางสวนสัตว์ก็ไม่มีหนทางอะไรนอกจากจะทำการฆ่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กและนำสัตว์ที่มีขนาดเล็กไปให้พวกสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่ากิน ซึ่งหลังจากนั้นช่างสมศักดิ์ได้ทำการขอให้คนบริจาคอาหารให้ตั้งแต่ต้นเดือนนี้แล้ว

แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครที่บริจาคอาหารให้ทำให้หมดหนทางและสิ้นหวังมากจำเป็นที่จะต้องฆ่าสัตว์ในสวนสัตว์เอง

ซึ่งนับว่าทั่วโลกนี้แล้วก็ยังมีการขาดแคลนอาหารมากพอแล้วแต่ประเทศอินโดนีเซียนั้นหนักกว่าประเทศอื่นเป็นอย่างมากจนตอนนี้ตัวใหญ่หลายๆตัวก็เริ่มตายลงทีละน้อยทีละน้อยเนื่องจากไม่มีอาหารให้กินแต่ตอนนี้สัตว์ตัวเล็กๆในสวนสัตว์ก็หายเยอะมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากนำไปเป็นอาหารให้เราสักตัวใหญ่ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นหมีเสือและอีกหลายๆอย่าง

ซึ่งได้มีสัตว์ตัวหนึ่งซึ่งเป็นสัตว์หายากมากๆแต่มันนั้นก็กำลังจะถูกนำไปฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้กับสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่ามันซึ่งพวกเขานั้นได้ทำการขอร้องกับทางรัฐบาลของประเทศแล้วก็จนปัญญาจริงๆจึงต้องฆ่าสัตว์สงวนตัวนี้ซึ่งทางรัฐบาลนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาไปเกลี้ยกล่อมยังไงทางรัฐบาลถึงได้ตอบตกลงให้สามารถฆ่าได้

หลังจากที่มีการระบาดเช่นนี้ทำให้สัตว์อะไรอย่างที่มักจะกินพวกเนื้อวัวหรือของแพงๆตอนนี้ก็ต้องกินพวกเนื้อไก่ไปก่อนเนื่องจากว่าตอนนี้ไม่มีเงินมากพอแล้วจะบอกไว้อีกว่าจนตอนนี้ยังแทบไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าพนักงานสวนสัตว์เลยจึงไม่มีทางที่จะสามารถจ่ายเงินซื้อของแพงๆเหมือนกับที่เคยให้สัตว์ในสวนสัตว์กินเหมือนเมื่อก่อนได้

และได้มีข่าวลือว่าทางสวนสัตว์นั้นกลัวว่าแพนกวินจะเหงาเนื่องจากไม่มีคนมาดูเลยพวกเค้าจึงทำป้ายที่เหมือนคนมาตั้งไว้ให้แพนกวินคิดว่ามีคนดูมันอยู่จริงๆหากใครที่มีเงินก็อยากให้นำเงินไปบริจาคให้กับสวนสัตว์ที่ตอนนี้กำลังลำบากด้วยนะคะ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัวไหนอีกค่ะ

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้าsagame

แม่ยายอภัยให้อดีตลูกเขยที่ใช้มีดฟันลูกสาวอาการสาหัส

แม่ยายอภัยให้อดีตลูกเขยที่ใช้มีดฟันลูกสาวอาการสาหัส ส่วนตัวเองนั้นหนีไปผูกคอตาย

มีรายงานข่าวแจ้งว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งทำร้ายร่างกายการโดยสารมีชื่อว่านายนิวัฒน์ได้มีการใช้มีดทำร้ายภรรยาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและหลังจากที่เขาเห็นภรรยาบาดเจ็บแล้วจึงได้ทำการหลบหนีซึ่งต่อมาชาวบ้านได้ช่วยกันนำร่างของภรรยาของเขาส่งไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลังจากนั้น

ทางญาติของฝ่ายผู้หญิงก็คือนางวาสนาก็ได้ทำการแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายนิวัฒน์หลังจากที่นายนิวัฒน์ได้มีการหลบหนีเมื่อก่อเหตุทำร้ายร่างกายภรรยาเรียบร้อยแล้วได้มีคนไปพบศพนายนิวัฒน์อกหักตายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งกลางป่า

ลักษณะของการแขวนคอนั้นนายนิวัฒน์ได้มีการนำเชือกไนลอนไปผูกคอตัวเองถึงในกลางป่าด้วยซึ่งเป็นการจงใจการฆ่าตัวตายและน่าจะมีการฆ่าตัวตายมานานแล้วเนื่องจากว่าลักษณะของศพนั้นมีน้ำเหลืองไหลและร่างกายของศพก็เน่าเปื่อยมีเนื้อหลุดลอกจนเห็นกระโหลกได้อย่างชัดเจนเหตุการณ์ในครั้งนี้แม่ยายของนายนิวัฒน์และชาวบ้านอีกหลายคน

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นญาติๆของนางวาสนาได้พากันเดินทางมายังจุดที่พบศพนายนิวัฒน์ซึ่งได้มีการอันเชิญพระสงฆ์มาด้วยเพื่อที่จะได้ให้พระสงฆ์ประกอบพิธีทางศาสนาชวนดวงวิญญาณของนายนิวัฒน์กลับบ้านตามความเชื่อของชาวบ้านเนื่องจากว่านายนิวัฒน์นั้นได้มาผูกคอตายในป่าจึงต้องมีการนำพระมาสวดเชิญวิญญาณออกจากป่า

อย่างไรก็ดีตอนนี้ญาติของนายนิวัฒน์ได้มีการนำร่างของนายนิวัฒน์ไปประกอบพิธีทางศาสนาและขอเป็นที่เรียบร้อยแล้วเนื่องจากว่าสภาพศพของนายนิวัฒน์นั้นค่อนข้างที่จะเสียชีวิตมานานแล้วศพเริ่มเน่ามากแล้วทางญาติๆจึงต้องการรีบที่จะเผาศพให้เสร็จไปส่วนแม่ยายของนายนิวัฒน์ที่มาดูศพพร้อมกับทางอัญเชิญพระสงฆ์มาด้วยนั้น

ก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าในยอมแร่ที่ทราบเรื่องว่าในวันนั้นทำร้ายร่างกายลูกเธอรู้สึกโกรธมากและต้องการให้ตำรวจจับตัวนายนิวัฒน์ให้ได้แต่เมื่อรู้ว่านายนิวัฒน์นั้นหลังจากทำร้ายลูกชายของเธอแล้วก็มาก่อเหตุฆ่าตัวตายจึงไม่มีอะไรจะพูดและให้อภัยนายนิวัฒน์แล้ว สำหรับเหตุการณ์ตอนที่นายนิวัฒน์ทำร้ายร่างกายลูกสาวของเธอนั้น

จะบอกว่าในช่วงนั้นไม่มีคนอยู่บ้านทำให้ไม่มีใครที่จะช่วยลูกสาวของเธอได้แล้วทุกคนกลับมาถึงบ้านก็พบว่านายนิวัฒน์นั้นทำร้ายร่างกายลูกสาวของเธอไปเรียบร้อยแล้วโดยมีชาวบ้านมาช่วยกันบอกแล้วยังมีอาการสาหัสอีกด้วย

 

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุน  sagame88

สถานีตำรวจพระประแดงมีศพชายนิรนามลอยมาติดที่หน้าโรงพัก

    ในช่วงเวลา 04:30 นของวันที่ 20 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2523 ที่หน้าสถานีตำรวจโรงพักพระประแดงได้มีคนพบศพชายไม่ทราบชื่อลอยน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาติดอยู่ที่ตรงบริเวณหน้าโรงพักสมุทรปราการสภาพศพนั้นนอนคว่ำหน้า

และเป็นคนหัวล้านคาดว่าอายุน่าจะอยู่ที่ประมาณ 55-60 ปีเมื่อนำศพขึ้นมาไว้บนฝั่งตรวจสอบหลักฐานไม่พบว่าเป็นใครคนที่เห็นเหตุการณ์คนแรกเป็นคนที่พบศพคนแรกนั้นคือพนักงานที่ทำงานอยู่บริเวณแพข้ามฟากซึ่งเขาจะต้องมาทำงานเป็นเวลา 4:00 น.

ทุกวันสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อนายสายัณห์ซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทแพขนานยนต์ข้ามฟากได้เข้ามาแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพี่เบนถ้าแพรนั้นมีศพลอยมาติดซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณหน้าสถานีตำรวจพระประแดงโดยศพที่ลอยมานั้นเป็นผู้ชายลักษณะคือการลอยคว่ำหน้าอยู่ในน้ำโดยยังมีสวมเสื้อผ้าอยู่ซึ่งผู้ตายนั้นใส่กางเกงขาสั้น

ลายทหารส่วนเสื้อนั้นแต่เป็นเสื้อแขนสั้นสีส้มเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงได้เดินทางไปดูศพชั้นตรีลักษณะของศพของคนตายนั้นเป็นคนผิวดำแดงอายุน่าจะอยู่ราวประมาณ 55-60 ปีและน่าจะสูงอยู่ที่ประมาณ 160 cm ตามร่างกายมีแผลเป็นจุดจุด

ซึ่งจากการสันนิษฐานเบื้องต้นของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นพบว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วหลายวันโดยค้นอารมณ์ตัวไม่มีเอกสารที่แสดงว่าเป็นใครแล้วไม่มีทรัพย์สินใดอยู่ในตัวซึ่งในตอนแรกนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ตายน่าจะตกน้ำตายเอง

ซึ่งอาจจะเกิดจากการเมาสุราแต่อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะพยายามติดตามหาญาติของผู้เสียชีวิตให้มารับศพต่อไปซึ่งถ้าหากใครสงสัยว่าอาจจะเป็นญาติของตนเองหรือมีญาติของใครหายไปก็สามารถติดต่อได้ที่สถานีตำรวจพระประแดง            

        สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นศพที่ลอยมาติดอาจจะต้องถูกส่งไปไว้ที่โรงพยาบาลเป็นศพไร้ญาติไปก่อนซึ่งจะหาใครพอที่จะรู้จักรูปประพันสันฐานของคนที่มีลักษณะคล้ายกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งไว้เบื้องต้นก็สามารถไปทำการดูศพได้

โดยทำการติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคือพันตำรวจโทสายัณห์ภูพันนาซึ่งจะเป็นคนที่พาประสานงานไปดูศพผู้เสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง  สำหรับการนำร่างของผู้เสียขีวิตขึ้นมาไว้บนฝั่งนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประสานงานกู้ภัยให้มานำร่างขึ้นจากฝั่งซึ่งขณะที่รอกู้ภัยมาช่วยนั้นก็มีการนำเชือกไปมัดร่างคนตายเอาไว้ก่อนป้องกันการถูกน้ำพัดไป

 

สนับสนุนโดย  bk8 ฝาก ขั้น ต่ํา