คนไทยในเกาหลีใต้วอนรัฐบาลไทยพากลับบ้าน

คนไทยในเกาหลีใต้วอนรัฐบาลไทยพากลับบ้านตอนนี้ใกล้อดตายแล้วเพราะต้องคอยจ่ายเงินเลื่อนตั๋วเครื่องบินเพราะไทยปิดน่ายฟ้า

           มีรายงานข่าวเข้ามาเมื่อวันที่ 20 เดือนเมษายนพ.ศ 2563 ว่ามีคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ได้มีการร้องเรียนผ่านสื่อทีวีช่อง 1 เข้ามาเกี่ยวกับการที่รัฐบาลไทยมีการประกาศปิดประเทศไม่ให้มีการเปิดน่านฟ้าไม่เปิดให้ต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้เพราะต้องการที่จะมีการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าให้หายไปก่อน

ก่อนที่จะมีการเปิดจรไปมาระหว่างประเทศกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งทางสำนักงานข่าวดังกล่าวที่ได้รับร้องเรียนจากคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนั้น

ได้นำคลิปวีดีโอของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่านางสาวเบญจวรรณเป็นคนจังหวัดตากและได้มีการเดินทางไปทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเธอได้มีการอัดคลิประบายถึงรัฐบาลของประเทศไทยว่าให้ช่วยประสานงานพาเธอและครอบครัวเธอรวมถึงคนไทยคนอื่นๆที่ยังอยู่ในเกาหลีใต้กับประเทศด้วยเนื่องจากว่าตอนนี้สถานการณ์ของทุกคนที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้นั้น

ค่อนข้างลำบากมากเนื่องจากในตอนแรกนั้นทุกคนตั้งใจว่าจะลาออกจากงานและเตรียมซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับประเทศแล้วแต่อยู่ดีๆทางรัฐบาลก็มีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกมาว่าห้ามมีการเดินทางระหว่างประเทศซึ่งประเทศไทยขอปิดประเทศงดสัญจรฐานทางด้านฟ้าทำให้พวกเขาที่พากันซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วไม่สามารถที่จะนั่งเครื่องมาลงในประเทศไทย

ได้พวกเขาทำได้เพียงแค่มีการเลื่อนวันเดินทางกลับออกไปเรื่อยๆเท่านั้นเองซึ่งตั้งแต่ลาออกจากงานมาพวกเขาก็ใช้เงินที่มีอยู่ 100 ลงไปเรื่อยๆตอนนี้ปัญหาที่พบคือเงินเริ่มจะหมดแล้วและข้าวสารรวมถึงอาหารสดต่างๆก็ร่อยหรอลงทุกทีทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ได้แล้ว

จึงได้มีการขอประสานงานให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือพวกเขาให้กลับมาที่เมืองไทยให้ได้ในครั้งนี้ด้วยซึ่งเบื้องต้นนั้นมีการตรวจสอบคนไทยที่อยู่ในเกาหลีใต้แล้วว่ามีประมาณ 98 คนที่ยังคงอยู่ที่เกาหลีใต้และต้องการที่จะเดินทางกลับประเทศไทยอย่างแน่นอน

หลายคนได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่อยู่และขาดแคลนเงินดังนั้นส่วนใหญ่จึงต้องช่วยเหลือกันเองด้วยกันมาอยู่รวมๆกันในห้องเช่าและใช้ชีวิตไปวันๆมีกินมีใช้ก็ต้องแบ่งกันซึ่งค่าครองชีพที่เกาหลีใต้นั้นค่อนข้างแพงน้ำขวดนึงก็ต้อง 25 บาท

ซึ่งตอนนี้หลายคนเงินแทบจะไม่เหลือติดตัวแล้วดังนั้นถ้าหากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือในช่วงนี้พวกเขาทั้งหมดต้องอดตายอย่างแน่นอนโดยเขายืนยันว่าหากทางรัฐบาลมีการช่วยให้เขากับประเทศไทยได้พวกเขายินดีจะทำทุกอย่างตามที่รัฐบาลต้องการเกี่ยวกับเรื่องของการกลับตัว

 

สนับสนุนโดย  bk8

ประกาศห้ามขายเหล้าในกรุงเทพตั้งแต่ 10-20 เมษายน ปี 63 นี้ 

   เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ยังมีการแพร่หลายทุกภาคในประเทศไทยดังนั้นตอนนี้ทางรัฐบาลจึงมีนโยบายเพื่อหามาตรการลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19มากยิ่งขึ้นซึ่งหนึ่งในนโยบายที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือการเคอร์ฟิวไม่ให้ประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่ช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 และในเดือนเมษายนนี้

ประเทศไทยโดยปกติแล้วจะมีการจัดเทศกาลวันสงกรานต์ซึ่งเทศกาลนี้ประชาชนต่างก็จะพากันเดินทางออกจากกรุงเทพฯเพื่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดและจะจัดงานสังสรรค์กันในครอบครัวโดยทางรัฐบาลได้ขอความร่วมมือพร้อมกับประกาศไม่ให้ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดโดยเด็ดขาดรวมถึงห้ามทุกจังหวัดทุกอำเภอและทุกตำบลมีการจัดงานสงกรานต์

โดยถ้าหากบ้านไหนต้องการจัดงานสงกรานต์ก็ให้จัดงานกันภายในบ้านที่อยู่อาศัยด้วยกันเองเท่านั้นห้ามเชิญชวนญาติพี่น้องจากที่อื่นมาร่วมจัดงานเลี้ยงด้วยเด็ดขาดหากอยากลดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ก็ให้ทำผ่านทางวีดีโอคอลได้รวมถึงหากใครอยากจะสืบสานประเพณีไทยก็ให้นำพระพุทธรูปที่อยู่ในบ้านมาทำการรดน้ำดำหัวพระพุทธรูปแทน

ซึ่งหลังจากที่มีประกาศออกไปก็ทำให้ประชาชนเริ่ม รับทราบแล้วว่าจะไม่สามารถมีการจัดงานสงกรานต์หรือจัดงานเทศกาลได้ และในวันนี้เองวันที่ 9 เมษายนปีพศ 2563 รัฐบาลได้มีการประกาศออกมาอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการงดการขายเหล้าเบียร์ให้กับประชาชนโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ถึงวันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไปซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลานานถึง 10 วันด้วยกันที่ประชาชนจะไม่สามารถซื้อเหล้าหรือเบียร์มารับประทานได้

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายจังหวัดที่มีการประกาศออกมาห้ามจำหน่ายเหล้าเบียร์เนื่องจากว่าการที่ประชาชนซื้อเหล้าเบียร์ไปกินนั้นไม่ได้พิมพ์คนเดียวแต่มีการนั่งกินกับเพื่อนฝูงซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ดังนั้นหลายๆจังหวัดจึงได้มีการห้ามในการที่จะจำหน่ายสุราเหล้าเบียร์ต่างๆโดยทั้งนี้ที่กรุงเทพฯเองก็มีการประกาศการให้ไม่มีการจำหน่ายเป็นระยะเวลา 10 วัน

โดยอาศัยช่วงในวันสงกรานต์นี้ห้ามประชาชนดื่มเหล้าดื่มเบียร์แต่เมื่อมีการประกาศออกมาในวันที่ 9 เมษายนนี้เอง ทำให้ประชาชนต่างก็พากันเดินทางไปช้อปปิ้งที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตรวมถึงร้านค้าต่างๆเพื่อมีการกักตุนเหล้าเบียร์ไว้ทานในช่วง 10 วันที่ทางกรุงเทพฯ

จะไม่ให้ขายเหล้าหรือเบียร์ทำให้วันนี้เรียกได้ว่าข้างในกรุงเทพฯส่วนใหญ่เหล้าเบียร์ตรงชั้นวางขายของหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือเลยทีเดียว ซึ่งต้องมาดูกันว่าหลังจากที่มีการประกาศห้ามขายเหล้าและเบียร์นั้นจะมีคนฝากฝืนมากน้อยแค่ไหน 

 

คนร้ายบุกยิง จนลูกจ้างดับคาที่

 มีคดีอุกอาจเกิดขึ้นที่จังหวัดตรัง มีคนร้ายใช้ปืน M16 ยิงลูกจ้างร้านค้าขายพลาสติก หน้าห้องเช่าในพื้นที่จังหวัดตรังเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ในคำนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยเรียบร้อยแล้ว  เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในซอยแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง

ซึ่งไม่มีชื่อว่าเป็นชื่อซอยอะไรแต่ภายในซอยจะมีการปลูกห้องเช่าให้ลูกจ้างได้พักอาศัยโดยภายในซอยจะมีห้องพักอยู่หลายอย่างด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นก็มีชาวบ้านมามุงดูเป็นจำนวนมากโดยเจ้าหน้าที่พบศพชายเสียชีวิต 1 รายชื่อว่า นายสุธน    แซ่ฮ่องอายุประมาณ 44 ปี

ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างร้านค้าขายพลาสติก ซึ่งสภาพศพนั้นมีเลือดไหลออกมาจากร่างกายเป็นจำนวนมาก และมีไส้ทะลักโดยมีอาวุธปืนยิงเข้าไปในร่างกายรวมทั้งหมดประมาณ 6 นัดด้วยกัน ซึ่งลักษณะการยิงของคนร้ายเหมือนกับว่ามีการโกรธแค้นกับผู้ตายเป็นอย่างมากเริ่มต้น ทราบมาว่าก่อนเกิดเหตุนายสุทนได้นั่งกินสุราพร้อมกับเปิดเพลงฟังอยู่หน้าบ้านคนเดียวหลังจากนั้นชาวบ้านก็เห็นว่ามีใครก็ไม่รู้เขาไม่เห็นหน้าตา

แล้วไม่รู้ว่ามีกี่คนแต่ที่รู้คือคนร้ายเดินผ่านมาจากทางสวนยางพาราและพอมาถึงนายสุธนก็กระหน่ำยิงโดยไม่พูดอะไรเลย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบหาสาเหตุของการกระทำในครั้งนี้แต่อาจจะเกิดเป็นไปได้ว่าคนร้ายไม่พอใจที่นายสุธนเปิดเพลงเสียงดัง 

     มีเพื่อนบ้านของนายสุธนให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโดยปกติแล้วบ้านหลังที่นายสุธนอยู่ในอยู่กับภรรยา 2 คน ซึ่งทั้งคู่มักจะมีการเปิดเพลงเสียงดังตลอดทั้งวันหากมีการอยู่บ้านแต่ว่าช่วงสองสามวันมานี้ไม่เห็นหน้าภรรยาของนายสุธนเลย และในวันเกิดเหตุนี้นายนายสุธนก็อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ออกไปทำงานเลยออกมานั่งกินเหล้าอยู่หน้าบ้าน  

ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำอยู่โดยผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปนี้จะมีบ้านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่พักของนายสุธนซึ่งถ้าดูจากสถานที่ห่างกันของบ้านทั้งสองหลังนั้นบ้านหลังใหญ่ดังกล่าวจะต้องมีการเดินตัดมาทำสวนยางพาราถึงจะเดินทางมาที่บ้านของนายสุธนได้ซึ่งมันตรงกับคำให้การของเพื่อนบ้านที่เห็นว่ามีใครก็ไม่รู้เดินเข้ามาจากสวนยางพารา  

ชาวบ้านได้บอกว่าบ้านหลังใหญ่ดังกล่าวไม่มีใครรู้จักเจ้าของบ้านเป็นการส่วนตัวแต่เท่าที่รู้ว่าหลังนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้มาพักอาศัยนานๆถึงจะเห็นอยู่บ้านที ซึ่งหลายคนสันนิษฐานกันว่านายทหารคนดังกล่าวอาจจะรำคาญเสียงเพลงที่นายสุธนเปิดฟัง

จึงได้มาก่อเหตุยิงนายสุธนเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้เคียงกันมากที่สุดเวลาที่นายสุธนเปิดเพลงเห็นเพลงน่าจะไปสร้างความรำคาญให้กับนายทหารคนดังกล่าวก็เป็นได้ทั้งนี้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนต่อไป 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

ข่าวพนักงานร้านเซเว่นแอบกักตุนหน้ากากอนามัย

ข่าวพนักงานร้านเซเว่นแอบกักตุนหน้ากากอนามัย เอาออกมาขายเองในราคาแพง 

                อย่างที่ทราบดีกันอยู่ว่า ขณะนี้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ยากมากกว่าการหาซื้อทองเสียอีก ซึ่งหลายคนในประเทศไทยตอนนี้ไม่มีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว ขนาดโรงพยาบาลยังขาดแคลนหน้ากากอนามัยจนต้องมีการออกมาประกาศของรับบริจาคหน้ากากอนามัยรวมถึงมีการเย็บหน้ากากอนามัยใช้กันเองแล้ว

แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่หากินกับความหวาดกลัวของคนที่กลัวว่าจะติดเชื้อไวรัส นำหน้ากากอนามัยมากักตุนเอาไว้แล้วนำออกมาขายในราคาที่แพงเกินจริงไปมาก อย่างข่าวที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ตอนนี้ก็คือ การที่พนักงานร้านเซเว่นคนหนึ่งได้มีการกักตุนหน้ากากอนามัยที่ทางร้านเซเว่นมีอยู่นำออกมาประกาศขายผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัว

โดยจากเดิมที่ร้านเซเว่นขายราคา  39 บาทพนักงานคนดังกล่าวนำมาอัพราคาขายเป็น 99 บาท และจากราคขาย 129 บาทพนักงานคนดังกล่าวก็จะขายหน้ากากอนามัยอยู่ที่ราคา 329 บาททำให้คนในโลกโซเชียลต่างก็ไม่พอใจ เนื่องจากหลายคนพยายามหาซื้อหน้ากากอนามัยตามเซเว่นแต่ก็ไม่เคยมีขายจนมาพบว่ามีการกักตุนสินค้าจากพนักงานทำให้ในร้านเซเว่นหาซื้อหน้ากากอนามัยขายไม่ได้เลย

           ทั้งนี้ตอนนี้หน้ากากอนามัย ถือว่าเป็นสินค้าต้องห้ามที่ไม่ให้ขายโก่งราคา โดยมีการประกาศออกมาแล้วว่า หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเองก็ออกมาประกาศว่าจะมีการส่งหน้ากากอนามัยไปขายตามร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และร้านที่มีธงฟ้าโดยจะควบคุมไม่ให้ขายเกินชิ้นละ 2.5 บาท

แต่เมื่อประชาชนเดินทางไปหาซื้อหน้ากากอนามัยจริงจริงกลับไม่พบว่าร้านค้าดังกล่าวมีสินค้าขาย หรือบางที่มีขายก็มีนิดหน่อยเท่านั้นไม่พอกับความต้องการของประชาชน และเมื่อมีการเช็คจากเฟสบุ๊กมักจะเห็นว่า มีคนที่สามารถหาหน้ากากอนามัยมาขายได้ โดยขายตกชิ้นละไม่ต่ำกว่า 13 บาท จนทำให้หลายคนเดือนร้อนเพราะหน้ากากอนามัยที่แพงจนเกินไป โดยส่วนใหญ่ไม่มีเงินที่จะซื้อ

เพราะด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังแย่อยู่ในขณะนี้ คนมีแต่จะตกงานมากขึ้น ดังนั้นหลายคนจึงไม่มีเงินมากพอที่จะสามารถมาซื้อหน้ากากอนามัยที่มีราคาสูงมากแบบนี้  ซึ่งการกักตุนหน้ากากอนามัยเป็นการสร้างความเดือนร้อนให้กับผู้คนในสังคมกันเป็นจำนวนมาก โดยตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัยแล้วนำออกมาจำหน่ายในราคาที่แพงค่อนข้างมีเยอะ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามหาแหล่งต้นตอและกำลังขยายผลการจับกุม ส่วนกรณีของพนักงานเซเว่นคนนี้ ต้องรอดูกันว่าจะมีบทลงโทษจากบริษัท CPALL ออกมาเป็นอย่าไรบ้าง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

สมาคมร้านขายยาประกาศทวงหน้ากากอนามัย

สมาคมร้านขายยาประกาศทวงหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายในออกสื่อ

     อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าปัจจุบันนี้หน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการทั้งของหน่วยทุกราชการและของประชาชนเป็นอย่างมากเพราะว่าขนาดนี้หน้ากากอนามัยถือว่าเป็นสินค้าที่ขาดแคลนหาซื้อได้ยากแล้วจะหาใครหาซื้อได้ก็จะมีราคาที่สูงมาก

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกรมการค้าภายในเคยได้ประกาศออกสื่อทางทีวี,วิทยุและตามสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายว่าจะมีการนำหน้ากากอนามัยออกมาให้ร้านขายยาทั่วไปทั่วประเทศได้ออกมาขายให้กับประชาชนโดยจะให้สมาคมร้านขายยาเป็นผู้แจกจ่ายให้กับร้านขายยาทั่วประเทศวันละประมาณ 25,000 ชิ้น

    ซึ่งนับจากวันที่กรมการค้าภายในได้ประกาศมาจนถึงปัจจุบันประชาชนยังไม่เคยสามารถซื้อหน้ากากอนามัยได้ในราคาที่ถูกเหมือนอย่างที่มีการแจ้งเอาไว้และยังไม่เห็นว่าร้านค้าร้านไหนจะมีหน้ากากอนามัยออกนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนเลยซักร้านจึงได้มีการเรียกร้องไปยังสมาคมร้านขายยาเพื่อทวงถามการจัดจำหน่าย หน้ากากอนามัยดังนั้นในวันนี้ทางสมาคมร้านขายยาจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ออกทางสื่อทุกสื่อฝากไปถึงกรมการค้าภายในว่าที่เคยแจ้งไว้ว่าจะแบ่งหน้ากากอนามัยมาให้กับสมาคมร้านขายยาวันละ 25,000 ชิ้น

นั้นนับตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงณปัจจุบันทางสมาคมร้านขายยายังไม่เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากทางกรมการค้าภายในเลยแม้แต่ชิ้นเดียวซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานรวมถึงประชาชนได้มาแสดงความกดดันกับสมาคมร้านขายยาดังนั้นเพื่อเป็นการให้ทุกฝ่ายได้รับรู้โดยทั่วกันว่าสมาคมร้านขายยาไม่ได้มีการกระตุ้นหน้ากากอนามัยไว้เพียง

แต่ว่าทางสมาคมยังไม่ได้รับหน้ากากอนามัยมาจึงยังไม่ได้มีการนำออกมาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนดังนั้นทางสมาคมร้านขายยาจึงต้องการให้ทางกรมการค้าภายในและทุกหน่วยงานที่ที่เกี่ยวข้องได้ส่งหน้ากากอนามัยมาให้กับสมาคมร้านขายยาได้เอาไปแจกจ่ายให้กับร้านขายยาทั่วประเทศเพื่อขายต่อให้กับประชาชนตามที่ทางกรมการค้าภายในได้มีการประกาศออกสื่อไว้เอา

           สำหรับปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยยังคงมีปัญหาอยู่เรื่อยเรื่อยถึงแม้หลายฝ่ายจะออกมาเรียกร้องให้รีบจัดการกับปัญหาดังกล่าวนี้แล้วก็ตามแต่ก็ยังของพบว่าถึงแม้โรงงานจะผลิตหน้ากากอนามัยมากแค่ไหนแต่ประชาชนก็ไม่เคยจะได้ใช้หน้ากากอนามัยเลยจึงทำให้อยากรู้ว่าหน้ากากอนามัยที่ถูกผลิตแล้วถูกนำไปจำหน่ายไว้ที่ไหนทำไมคนไทยถึงไม่ได้ใช้ มีใครแอบการ์ตูนเอาไว้หรือไม่และของที่ถูกกับตนนั้นถูกส่งไปจำหน่ายที่ไหน

คำถามนี้ยังคงมีอยู่และรัฐบาลควรจะหาคำตอบนี้มาให้กับประชาชนให้ได้และหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากที่สมาคมร้านขายยาได้ประกาศออกพาสื่อไปแล้วนั้นทางกรมการค้าภายในจะนำหน้ากากอนามัยออกมาขายให้กับประชาชนในราคาถูกเสียที      

 

สนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์2020

โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทอง

โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทอง พูดเพราะทุกคำได้ทองไป 14 บาท 

มีรายงานข่าวว่าที่จังหวัดระยอง  มีร้านทองในอำเภอปลวกแดง ถูกโจรบุกปล้นทอง ซึ่งคนร้ายได้สร้อยคอทองคำไปทั้งหมด 7 เส้น ตามรายงานข่าวลูกชายเจ้าของร้านเป็นคนนั่งรอขายทองอยู่โดยมีน้องชายนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ข้างข้าง สักพักก็มีชายคนหนึ่งสะพายกระเป๋าเป้

และใส่หน้ากากอนามัยเดินเข้ามาในร้านตอนแรกก็ถามราคาทองแล้วก็ขอดูสร้อยคอทองคำเส้นละ 2 บาทโดยตนเองหยิบลายมาให้เลือกทั้งหมด 7 ลาย หลังจากนั้นคนร้ายก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วบอกให้ตนเองหยิบทองใส่กระเป๋าโดยระหว่างที่ปล้น คนร้ายไม่ได้ตะโกนเสียงดังโวยวาย พูดปกติเหมือนกำลังซื้อของและที่สำคัญคนร้ายพูดจาไพเราะ

มีลงท้ายด้ายครับทุกคำ ทำให้คนอื่นอื่นที่อยู่ภายในร้านไม่ได้เอะใจว่าร้านโดนปล้น เมื่อคนร้ายได้ทองไปก็บอกให้เปิดประตู ลูกชายเจ้าของร้านกลัวคนร้ายจะยิงเลยเปิดประตูให้แล้วคนร้ายก็เดินออกจากร้านทองไปเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น โดยคนร้ายนำทองไปทั้งหมด 7 เส้น เส้นละ 2บาทคิดเป็นเงิน14 บาท หลังจากคนร้ายไปแล้วทางลูกชายเจ้าของร้านจึงได้โทรแจ้งความที่สถานีตำรวจและตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รูปพรรณคนร้านจากกล้องวงจรปิดเรียบร้อยแล้วกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

              เหตุการณ์ปล้นกันในครั้งนี้ โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะคนร้ายต้องการแค่ทองเท่านั้น เดี่ยวนี้คนไม่มีเงินใช้กันแล้วเพราะพิษเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้หลายคนตกงาน เจ้าของกิจการคนไหนทีไม่มีเงินมรดกเก่า ไม่มีเงินหนาก็จะต้องปิดกิจการไป

เพราะตอนนี้ขายอะไรไปก็ไม่มีคนซื้อของ มีแต่คนตกงานแล้วออกมาขายของ เวลาที่เดินอยู่ที่ตลาดก็มักจะได้ยินแม่ค้าบ่นเป็นประจำว่าขายของไม่ได้ สังเกตได้จากตอนนี้รถไม่ค่อยติดแล้ว เพราะผู้คนตกงานไม่ได้ออกไปทำงาน และบางคนก็ไม่มีเงินที่จะเติมน้ำมันรถแล้ว ทำให้หลายคนสิ้นคิด ตัดสินใจดับอนาคตของตัวเอง มาเป็นโจรปล้นร้านทอง

หรือเป็นขโมยลักเล็กขโมยน้อยเพราะต้องเอาเงินมาประทังชีวิตซื้อกิน  ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้คนจนกำลังจะล้นประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีโจรที่เข้ามาปล้นธนาคารในครั้งนี้ ไม่ได้ปิดบังใบหน้าเลยว่าเป็นใคร ใส่เพียงแค่หน้ากากอนามัยเท่านั้นใครที่เคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้ก็ย่อมดูออกว่าคือใคร ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้น การจับตัวคนร้ายคงจับได้เร็วเร็วนี้ คงต้องรอดูฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  nowbet

แจ๋วแหวว สาวน้อยขายพวงมาลัย

แจ๋วแหวว สาวน้อยขายพวงมาลัยฝันเป็นนางแบบ อุ๊บ วิริยะช่วยสานฝัน

          จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebookรายหนึ่งได้ถ่ายภาพสาวน้อยอายุประมาณ 12 ปีกำลังนั่งมัดผมอยู่ตรงแยกถนนพระราม 9  โดยในภาพจะเห็นว่าท่ามัดผมของสาวน้อยคนดังกล่าวมีการโพสต์ท่าเหมือนกับนางแบบมา จึงได้มีการถ่ายรูปแล้วนำมาลงFacebook และหลังจากนั้น ภาพดังกล่าวก็ดังเพียงชั่วข้ามคืน

เพราะว่าหลายคนที่ได้เห็นภาพต่างก็ออกมาพูดเหมือนกันว่าท่าโพสต์ของเด็กคนดังกล่าวมีแววเหมือนนางแบบมากมาก ซึ่งต่อมานักข่าวได้ไปตามหาเด็กในภาพพบว่า เธอชื่อว่าน้องแจ๋วแหวว  ซึ่งเธอจะออกมาช่วยแม่ขายพวงมาลัยทุกวัน เพื่อหาเงินเป็นค่าเทอมไปเรียนหนังสือ ซึ่งน้องแจ๋วแหวว

เป็นคนรักสวยรักงามละต้องแต่งตัวก่อนถึงจะออกไปขายพวงมาลัย ส่วนภาพที่มีการนำไปส่งต่อต่อกันนั้นเป็นท่าปกติของน้องแจ๋วแหวว เพราะน้องอยากเป็นนางแบบจึงหัดโพสต์ท่าทางมาตลอด และเมื่อมีการทำข่าวนี้ทางคุณ อุ๊บ วิริยะ คนที่ดูแลนางแบบก็เดินทางมาพบกับนักข่าวเพื่อพาไปหาน้องแจ๋วแหวว โดยทางคุณ อุ๊บ วิริยะบอกว่าตนเองอยากเจอน้อง

อยากช่วยให้น้องสมหวังอย่างที่ฝัน โดยคุณ อุ๊บ บอกว่าตนเองมีโรงเรียนสอนเรียนเดินแบบ และโรงเรียนสอนร้องเพลงอยู่แล้ว จึงได้มาติดต่อให้น้องไปเรียนฟรี ตนอยากช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ทำได้ ซึ่งตนไม่สามารถช่วยเหลือเป็นการเงินได้ แต่สามารถช่วยเหลือด้วยการให้น้องไปเรียนได้แทน ซึ่งคอร์สการเรียนเดินแบบ หรือเรียนร้องเพลงนั้น

มีราคาเป็นหลักหมื่นออยู่แล้ว หากน้องอยากเรียน จะมาเลือกเรียนอันไหนก็ได้แล้วแต่น้องแจ๋วแหวว จะเลือกเรียนเลย ซึ่งทางน้องแจ๋วแหวว เองเมื่อได้เจอกับคุณ อุ๊บ วิริยะก็ได้ลองเดินแบบให้กับคุณอุ๊บ ดูซึ่งคุณ อุ๊บก็บอกว่าน้องแจ๋วแหววมีพร สวรรค์ หากในอนาคตนั้นจะได้เป็นนางแบบหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวของน้องเอง

แต่หลังจากที่คุณ อุ๊บออกมาเพื่อจะช่วยสานฝันให้เด็กได้เรียนเดินแบบฟรีนั้นก็มีคนในสื่อโซเชียลหลายคนออกมาต่อว่าว่า คุณ อุ๊กำลังสร้างภาพ ซึ่งตัวคุณอุ๊เองก็ได้แต่กล่าวว่าคนเราคิดไม่เหมือนกันและคุณอุ๊บ เองไม่ได้สนใจ ใครอยากคิดอย่างไรก็ปล่อยไป 

    เกี่ยวกับในเรื่องนี้การที่น้องแจ๋วแหววได้มีโอกาสที่ดีที่จะได้เรียนเดินแบบตามที่ตนเองใฝ่ฝันนั้นเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นคนในโลกโซเชียลไม่ควรที่จะ มาแสดงความคิดเชิงลบต่อการที่คนอื่นจะทำความดี เพราะคนที่ทำความดีจะเสียกำลังใจ และไม่อยากทำความดีได้

 

สนับสนุนเรื่องราวเหล่านี้จาก  9luck

ตำรวจแจ้งความจับป้าเจ้าของบ้าน

ตำรวจแจ้งความจับป้าเจ้าของบ้านหลังไปค้นบ้านป้าแล้วโดนป้ากัด

     ตอนนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับที่บ้านหลังหนึ่งถูกตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปค้นในบ้านพักเพื่อหายาเสพติด ซึ่งวันที่ตำรวจเดินทางไปค้นบ้านนั้นไม่ได้มีการแสดงหมายค้นและไม่ได้ใส่ชุดตำรวจ ใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดา มากันประมาณ 7-8 คน

โดยผู้ที่โพสต์เฟสบุ๊กได้เล่าวันที่เกิดเหตุ บ้านหลังที่เกิดเหตุมีคนอยู่ภายในบ้านกัน 3 คนซึ่งกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่และในขณะนั้นก็มีรถเก๋งไม่มีป้ายทะเบียนขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน

ซึ่งในตอนนั้นมีนางอุ้ย อยู่บ้านข้างๆได้มองเห็นเหตุการณ์ว่ารถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดที่หน้าบ้านหลานของตัวเองแล้วหลังจากนั้นกลุ่มชายทั้งหมดก็พากันเดินเข้าไปในบ้านของหลานชายแล้วก็พากันล็อกตัวเด็กเด็กที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ภายในบ้านให้ออกมาอยู่นอกบ้านแล้วก็พยายามค้นข้าวของภายในบ้าน ยายอุ้ยจึงได้ตะโกนถามว่าเป็นใคร

แล้วมาทำไมพร้อมกันนั้นนางอุ้ยก็ยกมือถือเพื่อที่จะถ่ายคลิปวีดิโอแต่มีผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเดินตรงมาหายายอุ้ยพร้อมกับดึงมือถือไปโยนทิ้งพร้อมกับจับแขนยายอุ้ยบิดและล็อกคอยายอุ้ย ด้วยความกลัวตาย ยายอุ้ยจึงได้กัดเข้าที่แขนชายคนดังกล่าว

ซึ่งหลังจากนั้นชายคนดังกล่าวและเพื่อนที่มาด้วยกันก็ด่ายายอุ้ยรวมถึงพูดจากับยายด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพและยังทำร้ายด้วยการกระชากยายจนกลิ้ง และพยายามจะใส่กุญแจมือยายด้วยอีกทั้งยังบอกว่าจะจับยายขังคุก เพราะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและขัดขวางการทำงานของตำรวจ ซึ่งยายถูกพาไปที่สถานีตำรวจและได้มีลูกหลานนำเงินไปประกันตัว 

ซึ่งจากการที่นักข่าวลงไปสัมภาษณ์ยายอุ้ย ยายบอกว่าไม่เข้ามาก่อนว่าคนพวกนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่ได้ใส่ชุดตำรวจ และไม่ได้มีการแสดงเอกสารขอค้นบ้านให้เห็น เพราะพวกเขามาถึงก็เข้าค้นบ้านทันที่ถามอะไรก็ไม่ตอบ ยายก็เลยคิดว่าเป็นคนร้ายจะมาทำร้ายหลานหลาน จึงเข้าไปเพื่อจะถ่ายคลิปแต่ก็ถูกตำรวจพวกนั้นจับล็อคคอเสียก่อน

ซึ่งยายกล่าวว่า หากเป็นเจ้าหน้าที่ทำไมไม่แสดงตัว ยายไม่รู้ว่าใครก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน และยังบอกอีกว่าเป็นตำรวจทำไมต้องรังแกประชาชนด้วย ซึ่งหลานชายของยายอุ้ยอายุ 21ปีเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยได้เล่าว่าตนเองได้ถามแล้วว่ามาทำไม

ซึ่งคนกลุ่มนั้นบอกว่ามาค้นหายาเสพติด ซึ่งตนได้ชี้ไปที่บ้านอีกหลังแล้วบอกว่าให้ไปค้นที่บ้านโน่นเพราะที่นี่เป็นบ้านคนละหลังกันแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ฟังและยังค้นต่อไปจนยายต้องเข้ามาช่วยหลานๆซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้พวกตนกำลังปรึกษาทนายเพื่อฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แชร์สนั่น

 มีข่าวที่กำลังแชร์สนั่นโซเชียลอยู่ในขณะนี้

เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ออกมาโพสต์ข้อความระบายความในใจลงเฟสบุ๊กของตัวเองเกี่ยวกับหญิงคนรักที่เขาคบหาดูใจกันมานาน เขากลับมาพบว่าเธอนอกใจโดยภาพในคลิปที่มีการลงเอาไว้เป็นภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังร้องไห้เสียใจและในมือของเขาก็ถือถุงยางอนามัยสีชมพู

และข้างในยังมีน้ำอสุจิอยู่ ซึ่งเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นาน  ซึ่งในคลิปเขากำลังต่อว่าแฟนสาวของเขาที่นอกใจเขาโดยฝ่ายหญิงกำลังปลอบใจและขอโทษ ข้อความที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวมีการโพสต์ลงเฟสบุ๊ก

เป็นการเล่าระบายว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มาก ทุ่มเทให้ทุกอย่างและยังพาไปเจอกับครอบครัวของตัวเองมาแล้ว ผู้หญิงอยากได้อะไรเขาก็หาให้ทั้งหมดเท่าที่เขาจะทำได้ แต่ฝ่ายหญิงกลับมาทำร้ายเขาด้วยการแอบนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น เขาไม่เข้าใจว่าฝ่ายหญิงทำกับเขาแบบนี้ได้อย่างไร  ซึ่งเขาบอกว่าเขาสังเกตมาสักพักแล้วว่าแปรงสีฟันของเขาที่เขาเอาเก็บไว้ที่ห้องของแฟนสาวที่ปกติทีต้องวางไว้คู่กัน

เขากลับพบว่าแฟนสาวเอาไปซ่อนไว้ ไม่เก็บไว้ในห้องน้ำเหมือนเดิม ซึ่งเขาพบว่าแฟนสาวทำแบบนี้มาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เขามารับแฟนสาวไปกินข้าวแล้วเขามาที่ห้องแล้วเขาไม่เห็นแปรงสีฟันของเขา เขาสงสัยจึงเดินหาและไปค้นในถังขยะ เขาจึงได้เห็นถุงยางอนามัย และเมื่อค้นตรงที่นอนก็เห็นว่าแฟนสาวเก็บรูปของชายชู้ไว้บนหัวนอนอีกด้วย

โดยฝ่ายชายยังมีการเฟสอีกว่า แฟนสาวติดใจเด็กอายุ 19 ปี  ชายหนุ่มในคลิปยังระบุอีกด้วยว่าเขากับแฟนสาวคบกันมาได้นานแล้วแต่แฟนสาวไม่เคยให้เขาโพสต์รูปของตัวเองกับแฟนสาวลงเฟสบุ๊กเลย

โดยอ้างเหตุผลว่าอยากให้ครบกันไปสักพักก่อนแล้วค่อยเปิดตัว สถานะในเฟสบุ๊กของแฟนสาวจะระบุว่าโสดตลอด โดยเขายังระบายอีกว่าเขาเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บจนจุกจนพูดอะไรไม่ออก โดยเขาบอกว่า ยุคนี้คนเราไม่มีความซื้อสัตย์กันแล้วเหรอ ซึ่งเขายังบอกอีกว่าตอนนี้เขาเครียดมาและนอนไม่หลับ โดยในเฟสมีการะบุเวลาเป็น 6.46 นาฬิกา

ซึ่งหลายคนที่เข้ามาอ่านเฟสบุ๊กของชายที่โพสต์คลิปนี้ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจชายคนดังกล่าวกันเป็นจำนวนมากและได้มีการเข้ามาแสดงความคิดเห็นและมีการแชร์คลิปนี้มากกว่า 49 ครั้ง ซึ่งหลายคนก็หวังว่าชายในคลิปจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้