พนักงานสาวการบินไทยตัดสินใจกระโดดตึกตาย

เครียดไม่มีเงินใช้ งานก็ไม่ได้ไปทำเพราะพิษโควิด-19  พนักงานสาวการบินไทยตัดสินใจกระโดดตึกตาย

           รายงานแจ้งไปที่สถานีตำรวจ สน. ลาดกระบังมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ทำการกระโดดตึกฆ่าตัวตายโดยเธอร่วงลงมาจากชั้น 7 ของคอนโดหลังจากทราบเรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิปอเต็กตึ้งก็พากันเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ

ซึ่งที่นั่นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพนางสาวแหม่มนอนเสียชีวิตอยู่ตรงบริเวณทางเท้าด้านข้างของคอนโดจากการสอบถามผู้คนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุทราบว่าหญิงสาวพักอาศัยอยู่ที่คอนโดดังกล่าวซึ่งอยู่อาคารบี โดยเธออาศัยอยู่ที่ห้องเพียงคนเดียวในขณะที่กำลังสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์

คนอื่นอยู่นั้นก็มีพ่อของนางสาวแหม่มเดินมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยคุณพ่อของผู้เสียชีวิตแจ้งว่าตนเองอยู่คนละที่กับลูกสาวซึ่งไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้หลายวันจึงทำให้เกิดความเป็นห่วงวันนี้จึงได้เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวถึงที่คอนโด

แต่เมื่อมาถึงห้องพักกับพบว่าลูกสาวล็อคกุญแจจึงได้เคาะประตูเรียกและตะโกนเรียกแต่ลูกสาวก็ไม่มาเปิดจึงได้ทำการนำกุญแจสำรองไขเข้าไปเมื่อเปิดประตูไปถึงก็เห็นว่าลูกสาวพุ่งตัวกระโดดลงจากคอนโดเรียบร้อยแล้วซึ่งห้องของลูกสาวนั้นอยู่ชั้น 7

โดยลูกสาวอยู่ภายในห้องคนเดียวเนื่องจากว่าลูกสาวมีแฟนแต่เพิ่งเลิกกันไปได้ประมาณ 1 เดือนโดยลูกสาวทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเลยทำงานอยู่ในไปการโดยสารของการบินไทยของบริษัทวิงสแปนซึ่งตอนนี้ลูกสาวมีปัญหาเรื่องของความเครียดที่ทางบริษัทให้หยุดงาน

เนื่องจากปัญหาของไวรัสโคโรนาทำให้ไม่มีเงินเดือนมาเป็นค่าใช้จ่ายเท่าที่ควรห้องของลูกสาวดูก็พบว่ามีการกู้ยืมเงินกับใครบางคนไว้เป็นเงิน 5,000 บาท

ซึ่งทางพ่อของผู้เสียชีวิตและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองต่างก็สันนิษฐานกันว่าเธอน่าจะมีปัญหาเรื่องของเงินที่จะเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงที่ไม่ได้ทำงานและเมื่อตัดสินใจไม่ได้เธอจึงได้คิดสั้นกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

          เหตุการณ์ที่ผู้คนฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินใช้ในช่วงไวรัสระบาดนี้ไม่ใช่เคสแรกนี่เป็นเคสที่เรียกได้ว่าเป็นเคสที่ร้อยที่พันเลยก็ว่าได้ที่มีคนฆ่าตัวตายจากปัญหาไม่มีเงินใช้ไม่มีงานทำในช่วงที่ไวรัสระบาดซึ่งถึงแม้จะมีเงินเยียวยาจากตั้งรัฐบาลมาช่วยเหลือแต่ทุกคนก็ไม่ได้เท่าเทียมกันหมดบางคนได้บางคนไม่ได้และส่วนใหญ่คนที่เดือดร้อน

เรื่องของเงินจริงๆนั้นมักจะไม่ได้เงินเยียวยาแล้วตอนนี้การแจกเงินช่วยเหลือประชาชนก็ค่อนข้างเข้มงวดและใช้ระยะเวลานานซึ่งหลายคนไม่สามารถรอได้เพราะยังมีความจำเป็นต้องจ่ายค่ากินค่าเช่าห้องค่าน้ำค่าไฟกันอยู่เมื่อหาทางออกไม่ได้หลายคนจึง

ค่าตัวตายซึ่งหากนับจำนวนผู้เสียชีวิตจากปัญหาความเครียดที่เกิดจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้น่าจะเป็นหลักพันได้เลยทีเดียว

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  ทางเข้าdewabet

ลูกคลั่งยา ฆ่าแม่

 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น เป็นเหตุการณ์ที่ลูกชายหลอนยาเสพติดแล้วฆ่าแม่ โดยผู้ก่อเหตุชื่อว่านายไพบูรณ์ อายุ 49 ปี

ตกงานแล้วกลับมาอยู่บ้านกลับแม่ แล้วอยู่ๆเขาก็คลุ้มคลั่งใช้เสียมทุบหัวแม่ และใช้มีดแทงแม่ไปหลายแผล ซึ่งคุณ แม่คือยายป้อ อายุ 78 ปีซึ่งตอนที่ยายถูกลูกทำร้าย ยายไม่รู้ตัวเพราะนั่งหันหลังให้ ทำให้ยายเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่นายไพบูรณ์ฆ่าแม่แล้วตำรวจก็สามารถตามจับตัวมาได้ทันทีโดยเบื้องต้นที่มีเหตุการณ์สลดใจเกิดขึ้นนี้ทางนักข่าวได้ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ

ซึ่งนักข่าวได้ไปเจอกับลูกสาวคนโตของยายชื่อว่าคุณ ดวงฤดี  โดยทางคุณดวงฤดี เล่าให้นักข่าวฟังว่า น้องชายติดยามายี่สิบปี โดยนายไพบูรณ์ติดยามาตั้งแต่สมัยยังหนุ่มๆ ซึ่งเมื่อก่อนนายไพบูรณ์มีอาชีพขับรถบรรทุก และหากตอนไหนที่เสพยาก็มักจะขู่ทำร้ายแม่ของตัวเอง ทำให้แม่เสียใจมาก และในวันที่เกิดเหตุนายไพบูรณ์หลอนยา

แล้วก็คิดว่าแม่จะฆ่าตัวเอง พอเห็นแม่นั่งหันหลังทำกับข้าวอยู่ก็เลยไปหยิบเสียมมาตีแม่ และหลังจากนั้นก็ใช้มีดแทงแม่ไปหลายแผล ซึ่งยายป้อได้พยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยิน จนยายตาย และเมื่อยายตายแล้ว นายไพบูรณ์ก็ได้เดินไปที่หน้าบ้านและตะโกนเรียกชาวบ้านให้มาดูว่าแม่ตายแล้ว โดยนางดวงฤดีบอกว่ารู้สึกเสียใจมากที่น้องชายฆ่าแม่แล้ว

ยังเรียกคนอื่นมาดูผลงานของตัวเองที่ฆ่าแม่ได้ ตนเองมาเห็นสภาพแม่นอนจมกองเลือดทำให้ทำใจยอมรับไม่ได้ ตำรวจมาจับน้องตนเองไปก็อยากให้ตำรวจพาน้องไปบำบัดยาด้วย เพราะยังไงก็เป็นพี่น้องกัน  และหลังจากที่ตำรวจจับตัวนายไพบูรณ์ไปแล้ว และนำตัวไปสอบสวนได้มีการสอบถามว่าฆ่าแม่ทำไม เจ้าตัวให้การว่า ตัวเขาเคยไปทำงานที่ประเทศคูเวตได้

ส่งเงินมาให้แม่ ห้าแสน หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาอยู่บ้าน ซึ่งพอมาอยู่บ้านขอเงินแม่ใช้แม่ก็ไม่ยอมให้ ให้ไปขอสาวให้หน่อยแม่ก็ไม่ยอมไป โดยแม่อ้างว่าเงินที่นายไพบูรณ์ส่งมาให้นั้นเอาไปแต่เมียให้น้องหมดแล้ว เหลือเงินแค่ 300 บาททำให้นายไพบูรณ์เคืองเรื่องนี้มาตลอด วันเกิดเหตุสบโอกาสที่ตัวเองนั่งกินบะหมี่ต้มอยู่แล้วเห็นแม่นั่งอยู่ใกล้ๆจึงได้ลงมือ เพราะหากตัวเองไม่ลงมือ แม่ก็จะต้องลงมือฆ่าเขา ทำให้เขาต้องลงมือก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เตรียมดำเนินคดีกับนายไพบูรณ์ต่อไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  next88

วันนี้มีคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลก

ดับสลดยกครัว 5 ศพพร้อมหมาอีก 6 ตัวด้วยวิธีกินยาพิษและรมควันตัวเอง

วันนี้มีคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเพราะว่ามีเหตุการณ์ครอบครัวหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกก่อเหตุซดยาพิษและรมควันตัวเอง เสียชีวิตกันทั้งครอบครัวรวมกันแล้ว 5 ศพและยังมีสุนัขอีก 6 ตัวซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตในห้องเดียวกันทั้งหมด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ. เมืองพิษณุโลกได้รับแจ้งเหตุว่าเจ้าของเต็นท์รถกัณตภณออโต้รมควันพร้อมกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวเสียชีวิตรวม5 ศพและยังมีสุนัขอีก 6 ตัวในบ้านพักเลขที่ 114 หมู่ 1 ซึ่งทั้ง 5 ศพมี ร.ต.ต. กัณตภณ แป้นวงศ์  หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเฮียตี๋ซึ่งเจ้าเป็นของเต้นท์รถกัณตภณออโต้

และยังมีนางยอดขวัญ แป้นวงศ์เป็นภรรยาของ ร.ต.ต. กัณตภณ และยังมีนางสุนิตา แป้นวงศ์แม่ของ ร.ต.ต. กัณตภณ และนาวสาว สุธิพร แป้นวงศ์ พี่สาวของร.ต.ต. กัณตภณ และคนสุดท้าย เด็กชาย รชฎ แป้นวงศ์ลูกชายของ ร.ต.ต. กัณตภณ ซึ่งมีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้นเอง ซึ่งร.ต.ต. กัณตภณ เคยรับราชการตำรวจมาก่อนก่อนที่จะมาเปิดร้ายขายรถยนต์ดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็มีสุนัขอีก 6 ตัว

ซึ่งห้องที่เกิดเหตุนั้นเป็นห้องนอนของแม่ของเฮียตี๋ ซึ่งเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ จากการสอบสวนเบื้องต้นสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหนี้สินของครอบครัวเฮียตี๋ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าเหตุการเศร้าสลดในครั้งนี้คนในครอบครัวน่าจะยินยอมพร้อมใจกันฆ่าตัวตายไปพร้อมกันยกเว้นลูกชายวัย 13 ขวบคนเดียวเท่านั้นที่อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วย

ซึ่งมีการคาดเดากันเอาไว้ว่าในตอนแรกพี่สาวของเฮียตี๋น่าจะไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วยเพราะมีการค้นพบโน๊ตที่ทางเฮียตี๋มีการบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ ว่าเฮียตี๋ได้คิดที่จะฆ่าตัวตายทั้งครอบครัวแล้วแต่คิดถึงพี่สาวกลัวว่าพี่สาวจะต้องมาลำบากไปด้วยเฮียตี๋จึงคิดที่จะหาเงินมาสักก้อนเพื่อให้พี่เอาไว้ใช้จ่าย ซึ่งบันทึกนี้มีการบันทึกเอาไว้วันที่ 12  กุมภาพันธ์ 2563

และมีบันทึกอีกครั้งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 โดยเฮียตี๋ได้ตัดพ้อกับโชคชะตาว่าเขาคงไม่อยากให้เราอยู่จริงจริง และตอนนี้หมดหนทางแล้ว ชีวิตตันหมดแล้ว จึงมาเป็นเหตุการณ์เศร้าสลดแบบนี้โดยทางญาติเล่าให้นักข่าวฟังว่าพวกเขาติดต่อกับครอบครัวเฮียตี๋ได้ครั้งสุดท้ายวันที่ 19 กุมภาพันธ์ตอนเวลาประมาณ 5 ทุ่มแล้วก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

จึงได้พากันเดินทางมาดูที่บ้านซึ่งตะโกนเรียกแล้วก็ไม่มีใครตอบจึงได้ให้หลานปืนประตูเข้าไปเปิดประตูรั้วแล้วเมื่อเข้าไปในบ้านสภาพภายในบ้านก็ปกติดีแต่มีห้องของแม่ที่มีการล็อกประตูจึงได้ตัดสินใจถีบประตูเข้าไป จึงได้เห็นว่าทั้งหมดฆ่าตัวตายร่วมกันไปแล้ว