จนถึงวันนี้ก็ยังหาตัวฆาตกรที่ฆ่าน้องชมพู่ยังไม่ได้

       เป็นเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของน้องชมพู่ที่ต้องเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบไปอย่างไม่มีวันกลับดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดมุกดาหารเมื่อหนูน้อยวัย 3 ขวบหายออกไปจากบ้าน

ตั้งแต่ช่วงเช้าจนเวลาผ่านไปถึง 5 วันจึงมีคนไปพบศพซึ่งศพของน้องชมพู่นั้นบริเวณกลางป่าซึ่งอยู่ในภูเขาภูเหล็กไฟซึ่งหากเดินทางจากบ้านของน้องชมพู่ไปยังบริเวณที่พบนั้นเป็นระยะทางไปมากกว่า 5 กิโลเมตรโดยเป็นไปไม่ได้ที่น้องจะเดินไปถึงบริเวณที่จนเองเสียชีวิตเนื่องจากว่านักข่าวได้มีการลงไปสำรวจพื้นที่พบว่าหากเดินไปจากทางหลังบ้านของน้อง

จะต้องผ่านไร่มันสำปะหลังซึ่งมีความลบและเมื่อทะลุไร่มันสำปะหลังเข้าไปแล้วก็จะถึงบริเวณตีนเขาซึ่งจะเป็นลักษณะของหินที่สูงชันลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นไปไม่ได้ที่เด็กอายุแค่เพียง 3 ขวดเท่านั้นจะปีนขึ้นไปบนภูเขาที่สูงชันแบบนั้นได้ขนาดคนเป็นผู้ใหญ่เองยังถือว่าเหนื่อยมากกว่าจะขึ้นได้ในแต่ละก้าวและความสูงของหิน

แต่ละลูกนั้นก็เกินความสูงของเด็กอายุ 3 ขวบที่จะสามารถเดินขึ้นไปได้จากการวิเคราะห์ของนักข่าวในตอนนี้หลังจากที่ได้มีการเข้าไปสำรวจพื้นที่ที่พบศพมั่นใจได้ว่าน้องชมพู่นั้นถูกลักพาตัวไปแน่นอนซึ่งคนที่ลักพาตัวไปนั้นจะต้องเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างร่างกายกำยำแข็งแรงและต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับการเข้าป่าเป็นอย่างดี

เพราะรู้ว่าบริเวณไหนที่สามารถเดินไปได้และบริเวณไหนที่จะสามารถหาที่พักพิงได้หรือหลบซ่อนได้นั่นเองเพราะถ้าหากว่าได้เดินทางมาจากหลังบ้านของน้องชมพู่แล้วถ้าต้องไปอีกเส้นหนึ่งก็ต้องขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปเท่านั้นรถใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางไกลมากดังนั้นเป็นไปได้ช่องทางก็คือคนที่มารับตัวน้องชมพู่ไป

จะต้องพาไปทางด้านหลังบ้านหรือไม่ก็ต้องนำขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ออกไปแต่เป็นที่น่าสังเกตว่าพ่อแม่ของน้องบอกว่าในช่วงเวลาที่น้องขายตัวในนั้นมีสุนัขอยู่ที่หน้าบ้านประมาณ 4 ตัวแต่สุนัขทุกตัวไม่มีตัวไหนที่จะเผาเลยแสดงว่าคนที่พาตัวน้องชมพู่ไปนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับสุนัขเหล่านั้นแน่นอนดังนั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คนมาทำการสอบสวนอยู่แต่ยังไม่ออกมาให้การว่าใครกันแน่

ที่เป็นคนร้ายในการนำตัวน้องชมพู่ไปฆ่าตายในครั้งนี้และเหตุจูงใจนั้นคืออะไรและเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อสงสัยและพิรุธหลายอย่างซึ่งตอนนี้ได้มีการนำร่างของน้องไปทำการผ่าพิสูจน์เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้งซึ่งพ่อแม่ของน้องก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการหาข้อมูลในการจับกุมตัวคนร้ายในครั้งนี้สำหรับพรุ่งนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองหลายๆคน

ที่มีรูปเล็กๆว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่เพียงลำพังเพราะเราไม่รู้ว่าจะมีคนร้ายบุกเข้ามาถึงที่บ้านของเราและมาขโมยบุตรหลานของเราไปในตอนไหนได้อย่างไรก็ดีเราควรมีการอบรมสั่งสอนบุตรหลานของเราให้ระวังการพูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือแม้แต่คนใกล้ชิดเองก็ไม่ควรไปไหนมาไหนด้วยหากยังไม่ได้ขอผู้ปกครองเสียก่อน

 

สนับสนุนเรื่องราวมาจาก  bk8