วิจารณ์สนั่น เด็กวัย 11 ขวบ ช่วยพ่อขายอาหารวันละ 17 ชั่วโมง

            สำหรับความเหลื่อมล้ำในสังคมเชื่อว่าทุกประเทศย่อมมีเหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าประเทศไหนจะมีมากจะมีน้อยดังนั้นครอบครัวไหนที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยมากนักจึงมักจะให้ลูกหลานของตนเองช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆที่จะสามารถช่วยได้ 

วิจารณ์สนั่น เด็กวัย 11 ขวบ อย่างเช่นประเทศไทยเองครอบครัวที่มีฐานะยากจนที่อยู่ต่างจังหวัดจะให้ลูกหลานของตนเองรีบกลับบ้านหลังจากเลิกเรียนแล้ว

เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองด้วยการทำงานบ้านหรือถ้าหากครอบครัวไหนที่มีกิจการค้าขายก็อาจจะให้ลูกหลานมาช่วยขายของเล็กๆน้อยๆบ้างเช่นกัน

         อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมปีพศ. 2565 เว็บไซต์ชื่อดังของประเทศจีนอย่าง  South China morning Post ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของชาวโซเชียลที่มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองจวนมณฑลซานตงโดยระบุว่า  มีครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยมากนักครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันสองคนพ่อลูกซึ่งพ่อต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงลูกชายวัย 11 ขวบ 

โดยการขายอาหารอย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ Social ต้องออกมีภาควิจารณ์และเกิดเป็นประเด็นดราม่าถกเถียงกันในโลกออนไลน์นั้นก็เพราะว่าคุณพ่อรายนี้ได้ให้ลูกชายวัย 11 ขวบของตนเองช่วยทำงานขายอาหารด้วยเช่นเดียวกัน 

       โดยหนูน้อยวัย 11 ขวบนั้นเมื่อเลิกเรียนแล้วก็จะต้องมีการออกมาช่วยพ่อค้าขายกว่าจะได้นอนนั้นก็ดึกแล้วต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยค้าขายก่อนที่จะไปโรงเรียนในขณะเดียวกัน

ถ้าหากว่าเป็นช่วงปิดเทอมหนูน้อยจะต้องตื่นตั้งแต่เช้าช่วยเปิดแผงขายและรอขายของซึ่งระยะเวลาในการทำงานของหนูน้อยรายนี้นั้นจะอยู่ที่ประมาณวันละ 17 ชั่วโมงโดยหนูน้อยวัย 11 ขวบจะเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงประมาณ 7:00 น

หรือบางวันถ้าหากตื่นสายหน่อยก็อาจจะเข้างาน 8:00 น ถึง 9:00 น แต่กว่าจะสิ้นสุดเวลาทำงานก็เป็นเวลาเที่ยงคืน  แทงหวยออนไลน์   ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เด็กมากสำหรับเด็กน้อยวัย 11 ขวบ นอกจากนี้ หนูน้อยรายนี้ไม่เคยได้ไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่นๆเพราะต้องช่วยพ่อทำงานทุกวันนั่นเอง 

         สำหรับประเด็นดังกล่าวทำให้ชาวโซเชียลมาถกเถียงกันว่าผู้เป็นพ่อนั้นใช้แรงงานเด็กมากจนเกินไปหรือไม่เพราะเด็กชั้นต้องมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสนุกสนานเดินเล่นกับเพื่อนๆแต่ในขณะเดียวกันก็มีชาวโซเชียลบางกลุ่มได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าสาเหตุที่หนูน้อยต้องช่วยพ่อและแสดงความกตัญญูกับพ่อนั้นก็เพราะว่าครอบครัวนั้นมีกันอยู่แค่สองคนดังนั้นผู้คนควรที่จะให้กำลังใจเด็กและผู้เป็นพ่อไม่ควรจะมาดราม่า

         อย่างไรก็ตามการที่ให้ลูกหลานอายุน้อยช่วยเหลือคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้านหรือแม้แต่การช่วยขายของเราสามารถที่จะให้เด็กช่วยงานได้แต่ก็ไม่ควรที่จะให้เด็กทำงานหนักมากจนเกินไปอย่างหนูน้อยวัย 11 ขวบรายนี้ต้องทำงานถึง 17 ชั่วโมงต่อวันซึ่งถือได้ว่าชีวิตในวัยเด็กของเขานั้นขาดสีสันไปซึ่งผู้เป็นพ่อนั้นควรจะแบ่งเวลาให้เด็กช่วยทำงานบ้างและควรปล่อยให้เด็กได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในวัยเด็กบ้าง ถึงจะเป็นการกระทำที่ถูกต้อง 

เด็กประถม 2 ทะเลาะกับเพื่อนยายกับแม่เลยมาด่าเพื่อนที่โรงเรียน

          จากกรณีที่มีการแชร์คลิปมีผู้ปกครองเป็นยายและแม่ของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ไม่ได้ระบุชื่อโรงเรียนว่าเรียนที่ไหน จังหวัดอะไรได้เข้ามาด่าเด็กอีกคนถึงภายในห้องเรียน โดยทั้งแม่และยายไม่พอใจที่มีเด็กอีกคนมาทะเลาะกับหลานสาวและลูกสาวตนเอง จึงได้พากันมาชี้หน้าด่าเด็กที่ทะเลาะกับหลานตัวเองถึงในห้องเรียน คุณครุประจำชั้นพยายามอธิบายเรื่องให้ฟังก็ไม่พอใจและหันไปต่อว่าคุณครูเพิ่มด้วย

       เมื่อคลิปมีการเผยแพร่ออกมาผู้คนที่ได้เห็นคลิปต่างก็พากันวิจารณ์ผู้ใหญ่ทั้งสองคนว่าเป็นกิริยาที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งเพราะเรื่องแค่เด็กทะเลาะกัน  เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว ควรให้ครูประจำชั้นจัดการเพราะเหตุเกิดภายในโรงเรียน และที่สำคัญทั้งยายและแม่ไม่ควรไปด่าเด็กคู่กรณีต่อหน้านักเรียนคนอื่นด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบนั้นเพราะเด็กๆอยู่เพียงชั้น ป. 2 อายุแค่เพียง 8 ปีเท่านั้น ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยกลับต้องมาเจอคนยืนด่า

        สำหรับข่าวนี้เข้าใจว่าลูกหลานของใคร คนนั้นก็รัก แต่บางครั้งผู้ปกครองควรรักลูกหลานตัวเองแบบมีสติ การที่เด็กๆทะเลาะกัน ต่อให้เราไม่พอใจอย่างไร เราที่เป็นผู้ใหญ่ต้องเข้าไปคุยกับเด็กดีๆ ถามถึงสาเหตุที่ทะเลาะกัน

อย่าเพิ่งเชื่อแต่ลูกหลานของตนเองฝ่ายเดียว ควรมีการนำเด็กทั้งสองมาคุยกันต่อหน้าเชิญผู้ปกครองของเด็กทั้งสองฝ่ายมาฟังและให้คุณครูที่โรงเรียนเป็นพยาน ควรคุยกับเด็กด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล ไม่หยาบคาย ให้เด็กทั้งสองคนเล่ามาแล้วเราจะได้รู้ว่าเหตุการณ์จริงๆแล้วเป็นอย่างไรแล้วหาทางช่วยกันแก้ไขให้เด็กทั้งสองคนกลับมาคืนดีกัน

เพราะยังไงเด็กทั้งสองคนก็ยังต้องเรียนอยู่ในห้องเดียวกันอีกหลายปีกว่าจะจบ หากแต่ผู้ปกครองมายืนชี้หน้าด่าเด็กอีกคนหนึ่งแล้ว ในอนาคตเด็กทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกันได้อย่างไร แล้วยังจะมีเรื่องของพ่อแม่ของเด็กที่โดนด่าอีก เมื่อเขาเห็นคลิปย่อมไม่พอใจแล้วเรื่องก็จะบานปลายแทนที่จะทะเลาะกันเฉพาะเด็กๆ

กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็จะไม่ถูก ทางที่ดีหากเด็กทะเลาะกันปล่อยให้เขาปรับความเข้าใจกันเอง เราเป็นพ่อแม่ควรรับฟังและให้คำแนะนำว่าเขาควรแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่ไม่ควรไปก้าวก่ายเรื่องของเด็กๆ หากพ่อแม่ไม่พอใจมากก็ควรให้คุณครูเป็นคนสอบสวนและจัดการ เพราะเป็นเรื่องภายในโรงเรียน ดังนั้น เราที่เป็นผู้ปกครองไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเด็กๆ สังคมถึงจะน่าอยู่มากกว่านี้

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์