แฟนหญิงหึงทำร้ายกันจนตาย

         เรื่องเวลาประมาณ 8:30 นของวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ที่จังหวัดสุรินทร์ชาวบ้านได้พบร่างของชายคนหนึ่งนอนอยู่ข้างถนนโดยใช้คนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสมีร่องรอยการถูกทำร้ายจนใบหน้าปกช้ำและลำตัวก็ทำเต็มไปหมด

รวมถึงบริเวณคอก็มีอาการบวมและคาดว่ากระดูกหน้าจะหักอีกด้วยซึ่งชาวบ้านจึงได้มีการโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เดินทางมาตรวจสอบและประสานงานกู้ภัยนำตัวคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลหลังจากที่ผู้บาดเจ็บไปถึงโรงพยาบาลได้ไม่นานก็เสียชีวิตเนื่องจากอาการอกช้ำภายในและมีเส้นเลือดในสมองแตกจากการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่าผู้เสียชีวิตขับรถมาส่งเพื่อนที่เป็นผู้หญิงจำนวน 2 คนแล้ว

ผ่านมาบริเวณที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มเยาวชนประมาณ 7 คนมาดักโบกรถหลังจากนั้นก็ดึงตัวผู้เสียชีวิตลงจากรถแล้วลากลงไปกลางท้องนาหลังจากนั้นก็พากันรุมทำร้ายจนผู้เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากนั้นก็นำรากมาทิ้งไว้บริเวณข้างถนนแล้วก็พากันหนีไป

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 คนเอาไว้แล้วซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมดแต่ว่าผู้ก่อเหตุได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีการลงทำร้ายแต่อย่างใดโดยมีคนรับสารภาพว่ามีการทำร้ายผู้เสียชีวิตแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือนายพงศกรซึ่งเขาบอกว่าเขาเป็นแฟนของผู้หญิงที่ผู้เสียชีวิตขับรถมาส่งและเขาทำไปเพราะเขาเกิดอารมณ์หึงหวงคิดว่าผู้เสียชีวิตนั้นมาจีบแฟนสาวของตนเองสวนทางเพื่อนสาวของผู้เสียชีวิตและเป็นแฟนของนายพงศกรนั้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองนั้น

ไปกินหมูกระทะกับผู้เสียชีวิตเนื่องจากว่าเป็นเพื่อนกันและผู้เสียชีวิตเลี้ยงหมูกระทะในวันเกิดของตนเองย้อนหลังแต่ไม่ได้ไปกันแค่เพียงสองคนเท่านั้นมีเพื่อนผู้หญิงไปกันหลายคนหลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน

และผู้เสียชีวิตรถจักรยานยนต์มาส่งกันเองกับเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งซ้อนท้ายกันมา 3 คนโดยก่อนออกจากร้านนั้นหญิงสาวได้โทรแจ้งแฟนว่ากำลังจะกลับบ้านโดยให้ผู้เสียชีวิตขับรถมาส่งหลังจากนั้นพอมาถึงจุดเกิดเหตุก็มีคนจำนวนประมาณ 7 คน

ลงมาดักแล้วดึงตัวผู้เสียชีวิตลงไปแล้วก็ทำร้ายส่วนตัวนั้นเธอไม่เห็นว่าใครได้ทำร้ายผู้เสียชีวิตบ้างเนื่องจากบริเวณดังกล่าวค่อนข้างมืดแต่ได้คุยกับแฟนแล้วนายพงศกรยืนยันว่าตนเองทำร้ายผู้เสียชีวิตแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น

ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อที่จะจับกุมเยาวชนทั้ง 7 คนให้ครบส่วนพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นยังอยู่อาการเศร้าโศกเสียใจเพราะลูกชายของตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่เคยรู้จักเยาวชนทั้ง 7 คน

จึงไม่เห็นสมควรว่าจะต้องมาฆ่าลูกชายของเขาโดยพี่ชายของผู้เสียชีวิตบอกว่าหากยังไม่สามารถจับกุมตัวคนที่ทำร้ายน้องชายได้และทั้ง 7 คนยังไม่มาขอขมาศพ เขาจะไม่ยอมเผาศพน้องชายของเขาเป็นอันขาด

 

สนับสนุนโดย  aecasino