สองพี่น้องถูกจับถูกซ้อมตาย1 อีก1 บาดเจ็บสาหัส

สองพี่น้องถูกจับข้อหายาเสพติดแต่ถูกซ้อมตาย1 อีก1 บาดเจ็บสาหัส

            เมื่อวันที่ 18 เมษายนปีพศ 2563   สำนักข่าวแห่งหนึ่งได้รับการบอกเล่าเรื่องราวจากชายคนหนึ่งที่ชื่อว่านายนิวัฒน์ซึ่งเขาเป็นชาวบ้านแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครพนมช่วยเขาได้เล่าว่าครอบครัวของเขามีฐานะยากจนโดยมีการปลูกบ้านเป็นเพลิงอยู่ตรงท้ายหมู่บ้านซึ่งเขามีลูกชาย 2 คนก็คือยุทธนาและณัฐพงษ์เพิ่งอยู่มาวันนึงอยู่ดีๆก็มีผู้ชายที่แต่งตัวคล้ายกับทหารขับรถกระบะเข้ามาภายในพื้นที่พักอาศัยของตนเองหลังจากนั้นก็พาตัวลูกชายของเขาขึ้นรถกระบะออกไปด้วย

ก็ไม่รู้ว่าลูกชายของเขาถูกนำตัวไปไว้ที่ไหนหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ข่าวว่าลูกชายของเขาคือนายยุทธนาตายแล้วซึ่งลักษณะของการตายนั้นมีร่องรอยของการถูกทำร้ายเนื่องจากว่ามีบาดแผลทั้งที่หน้าอกหางคิ้วแล้วสภาพบริเวณใบหน้าก็ยังมีร่องรอยการเขียวช้ำตาเหลือกค้างส่วนลูกชายอีกคนนึงก็คือณัฐพงษ์วันนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ซึ่งมีอาการเดินทางที่ปอดและซี่โครงหัก 2 ซี่โดยลูกชายทั้งสองคนของเขาถูกใส่ที่แต่งตัวคล้ายทหารพาไปซ้อมจะตายและอีกคนนึงก็ยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย  เรื่องราวในครั้งนี้นายนิวัฒน์ได้บอกว่าเหตุการณ์ที่มีชายแต่งกายเหมือนกับทหารมาที่บ้านนั้นเกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำประมาณซัก 19:00 นของวันที่ 17 เดือนเมษายนปีพศ 2563

ซึ่งตอนนั้นตนเองไม่ได้อยู่บ้านแต่มีคนโทรเข้ามาบอกว่าลูกชายของเขาทั้งสองคนถูกใครก็ไม่รู้นำตัวขึ้นรถกระบะไปแล้วโดยตอนช่วงเวลานั้นตัวนายนิวัฒน์เองไปกินข้าวกับน้องชายของนายนิวัฒน์ที่แถวบริเวณท้ายท้องนาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุหลังจากรู้เรื่องก็รีบเดินมาที่บ้านทันทีพบว่าบ้านมีร่องรอยการถูกรื้อค้นแล้วพอโทรศัพท์ไปหาลูกก็ไม่มีคนรับสายโทรเข้าไปอีกก็ปรากฏว่ามีใครก็ไม่รู้รับสายแทนลูกชาย

โดยคนรับสายปลายทางบอกว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบเรื่องของยาเสพติดจึงได้นำตัวลูกชายไปเพื่อสอบสวนแต่ถ้าไม่มียาเสพติดไว้ในครอบครองก็จะมีการปล่อยตัวต่อมาประมาณสักช่วงเวลา 1:00 นก็มีเบอร์ของลูกชายโทรเข้ามาบอกให้ไปดูลูกชายอีกคนนึงตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลนายนิวัฒน์และภรรยาจึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล

หลังจากนั้นก็มีคนที่แต่งตัวคล้ายกับทหารเดินเข้ามายกมือไหว้ขอโทษซึ่งตนก็ถามว่าลูกของเขาเป็นอะไร ลูกของเขาตายหรือยังซึ่งชายคนดังกล่าวก็บอกว่าตอนนี้หมอกำลังดูอาการให้อยู่แต่หลังจากที่เขาได้ไปดูสภาพลูกชายทั้งสองคนก็พบว่าลูกชายคนโตนั้นคุณหมอกำลังช่วยรักษาด้วยการพยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้

โดยลูกชายคนโตเขาเสียชีวิตส่วนคนเล็กยังไม่ตายแต่หลายคนที่แต่งตัวเหมือนอาหารไม่ยอมบอกว่าเอาลูกชายคนเล็กของเขาไปไว้ที่ไหน  นายนิวัฒน์บอกว่าลูกทั้งสองคนเคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดแต่ก็เลิกมานานแล้วซึ่งเมื่อนักข่าวสอบถามกับทางเพื่อนบ้านต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่าเคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดจริงแต่ทั้งคู่ได้เลิกยุ่งเกี่ยวแล้ว

และตอนนี้ทั้งคู่ก็เป็นเด็กดีช่วยเหลือพ่อแม่ทำนาซึ่งถ้าหากชายคนดังกล่าวเป็นทหารจริงก็ควรจะจับกุมไปสอบสวนดีๆไม่ควรจะซ้อมจนถึงขนาดต้องทำให้ถึงแก่ความตายขนาดนี้

คนขับรถเมล์สาย 140 ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจนเสียชีวิต

         มีข่าว ออกมาว่าคนขับรถเมล์สาย 140 เพิ่งเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าวิ่งรถเมล์สาย 140 นั้นจะเป็นการวิ่งจากแสมดำไปจนถึง แถวบริเวณย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งเหตุการณ์ที่คนขับรถเมล์เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น

  ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทาง Social ว่ามีคนขับรถเมล์คนนึงเป็นผู้หญิงขับรถเมล์สาย 140 เพิ่งเสียชีวิตไปและจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

ดังนั้นจึงได้มีการประกาศออกมาให้บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ขับรถเมล์คนดังกล่าวทำการกักตนเองเป็นระยะเวลา 14 วันรวมถึงไปทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าที่โรงพยาบาล  โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นเนื่องจากว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นคนขับรถเมล์ซึ่งจะมีผู้โดยสารที่ขึ้นรถเมล์จากแสมดำไปอนุสาวรีย์เป็นจำนวนมาก

โดยระหว่างที่มีการติดเชื้อนั้นน่าจะมีคนที่ได้รับความเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันเพราะว่าหลายคนสงสัยว่าเหตุใดเมื่อทราบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโคโรนาจึงไม่มีการออกมาประกาศให้คนอื่นได้ทราบเพื่อที่จะได้ป้องกันแต่กลับปิดบังเอาไว้ทำให้ตอนนี้ไม่ทราบว่าใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยง

นื่องจากรถเมล์คันที่หญิงสาวคนดังกล่าวขับนั้นเป็นรถเมล์ปรับอากาศดังนั้นใครก็ตามที่ขึ้นรถเมล์ในช่วงที่หญิงสาวมีเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ก็น่าจะมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะติดเชื้อไวรัส ซึ่งเมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทางผู้อำนวยการของ ขสมก. ก็ได้ออกมายอมรับว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง โดยเบื้องต้นเมื่อย้อนข้อมูลกลับไปแล้ว

พบว่าคนขับรถเมล์ดังกล่าวเริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เดือนมีนาคมหลังจากนั้นวันที่ 3 เมษายนก็มีอาการไข้ขึ้นสูงโดยวัดไข้ได้ถึง 38 องศาเซลเซียสหลังจากนั้นจึงได้มีการไปตรวจวัดไข้หาเชื้อไวรัสโคโรน่าที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 เมษายน

และพบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสจึงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตในวันที่ 12 เมษายน ซึ่งหลังจากที่คนขับรถเมล์สาวเสียชีวิตลงทางขสมก.เองก็ได้มีการกับตัวพนักงานรวมทั้งสิ้น 18 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับคนขับรถเมล์คนดังกล่าวเบื้องต้นพบว่ามีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ในกลุ่มของพนักงานเก็บเงินบนรถเมล์ประมาณ 4 คนแล้ว

หลังจากนี้ยังต้องเฝ้าดูอาการคนอื่นๆอีกว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเพิ่มหรือไม่และยังต้องตามหาคนที่ขึ้นรถเมล์ 140 ในช่วงที่ผู้ป่วยยังไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโคโรนานั่นก็คือตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมมาจนถึงวันที่ 4 เมษายน

ข่าวการจ้างวานฆ่ากำนันยูร

จากการสอบปากคำนายพสิษฐ์และนายธนาวุฒิผู้ต้องหาที่โดยจับกุมได้ให้การยอมรับว่าพวกตนได้ถูกว่าจ้างวานให้ฆ่ากำนันยูรจริงโดยในระหว่างปี2545และในปี2546ทั้งคู่นั้นก้ได้มีการที่จะหาจังหวะที่จะรอบสังหารกำนันยูรถึง4ครั้ง

แต่ก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งครั้งที่5คือวันที่9มีนาคม ปี2546ขณะที่กำลังวางแผนรอบยิงกำนันยูร กำนันเป๊าะกับส่งคนมาบอกว่าไม่ต้องลงมือแล้วแผนการของทั้งคู่จึงหยุดลงแต่สุดท้ายกำนันยูรก็โดยฆ่าโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครแม้สองผู้ต้องหาจะไม่ใช่ผู้ที่ลงมือในวันนั้นและยังไม่รู้ว่ามือปืนตัวจริงเป็นใครแต่จากคำสารภาพจากปากคำของทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นกุจแจดอกสำคัญที่โยงไปถึงตัวผู้บงการด้วยการซัดทอดว่า กำนันเป๊าะ เป็นผู้ที่จ้างวานฆ่ากำนันยูร

เมื่อได้หลักฐานและพยานในการนำไปสู่การออกหมายจับและหมายค้นบุกเข้าไปจับกุมตัวของ กำนันเป๊าะที่บ้านพักในข้อหาที่ร้ายแรงคือใช้การจ้างวานฆ่ากำนันยูรแต่ตำรวจต้องคว้าน้ำเหลวเนื่องจากไม่พบหลักฐานต้องลูกคดีซ้ำร้ายยังไม่พบร่องรอยของกำนันเป๊าะที่ได้มีการร่องหนหายไปก่อนน่านี้หลังจากที่ได้หลบหนีไปตั้งหลักเมื่อวันที่17เมษายน 2546กำนันเป๊าะ

ก็ติดต่อของมอบตัวและยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันสูงถึง10ล้านบาทเพื่อแลกกับอิสระภาพชั่วคราวและยิ่งในตอนนั้น กำนันเป๊าะ มีสถานะเป็นถึงพ่อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาทุกสายตาจึงต่างจับจงว่าครั้งนี้เขาจะรอดพ้นกระบวกการการยุติธรรมหรือไม่ในอิสระภาพชั่วคราวนี้ก็ไม่ได้ทำให้ขาหลบเลี่ยงกระบวนการการยุติธรรมไปได้กว่า2ปี

ที่เจ้าพ่อตะวันออกต้องก้าวขาเข้าออกห้องพิพากษาเป็นว่าเล่นเวลาทอดยาวไปจนกระทั่งวันหนึ่งจุกพลิกชะตาของเจ้าพ่อก็มาถึงระหว่างที่สู้คดีการจ่างวาลฆ่ากำนันยูรคดีเก่าที่ค้าไม้ที่เขาไม้แก้วก็เดินทางมาถึงวันพิพากษา 30มีนาคม 2546 ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาจำคุก5ปี4เดือน กำนันเป๊าะ ยื่นอุทธรณ์ 11พฤษภาคม 2547ศาลอุทธรณ์ยื่นยันพิพากษาศาลอุทธรณ์ชั้นต้นจำคุ5ปี4เดือนกำนันเป๊าะได้ยื่นฏีกาในช่วงนั้นคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร

ก็ถึงวันพิพากษาเช่นกัน21มิถุนายน 2547ศาลอาญาพิพากษาจำคุกำนันเป๊าะ25ปีและให้นับโทษต่อจากคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้วเป็นจำคุก30ปี40เดือนกำนันเป๊าะยื่นอุทธรณ์สู้คดี12ตุลาคม2548ศาลอุทธรณ์พิพากษาตามศษลอุทธรณ์ชั้นต้น

กำนันเป๊าะได้ยื่นฏีกานาทีที่แท้จริงขิงกำนันเป๊าะเมื่อคดีที่ดินทุจริตที่ดินเขาไม้แก้วเดินทางมาถึงศาลฏีกาอันเป็นศาลสุดท้ายแล้ว24กุมภาพันธ์2549ศาลฏีกานัดอ่านคำพิพากษากำนันเป๊าะอ้างป่วยขอเลื่อนสุดท้ายก็หลบหนีศาลจึงออกหมายจับ

ข่าวแนวคิดยาบ้าราคา50สตางค์

ผู้อำนายการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังได้บอกอีกว่าในตลอด20ปีที่ผ่านมาในส่วนของนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของประเทศไทยยังไม่ประสบผลสำเร็จ

ดังนั้นควรดำเนินนโยบายตามแนวทางของกลุ่มสหภาพยุโปรที่ได้มีการยกเลิกในการปราบปรามและเลือกที่จะอยู่กับยาเสพติดภายใต้ในการควบคุมไม่ให้นำเอาไปใช้ในทางที่ผิดหลังจากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหาของยาเสพติดโลกที่กรุงนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่19ถึงวันที่21เมษายน ที่ผ่านมา

กระทรวงยุติธรรมของประเทศไทยได้มีแนวคิกที่จะแก้กฏหมายโดยที่จะถอนยาบ้าออกจากบันชีสารเสพติดร้ายแรงในประเภคที่1ให้เป็นสารเสพติดประเภคที่2 คือเป็นสารเสพติดทั่วไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับมอร์ฟีนและฝิ้นนอกจากนั้น

จึงได้มีแนวคิดที่จะผลิตยาบ้าจำหน่ายในราคาเม็ดละประมาณ50สตางค์เป้าหมายการทำรายเครือข่ายกระบวนการค้ายาเสพติดในตลาดมืดสอดสอดคล้องกับความเห็นของผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้บอกว่ายาเสพติดรวมถึงสิ่งต่างๆที่ได้เป็นอันตรายต่อประชาชนควรอยู่ในการควบคุมของรัฐบาล ก่อนปี2539 สารกลุ่มแอมฟาตามีนได้ถูกจัดให้อยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ประเภค29ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตนและประสาทพุทธศักราช2518

มีประโยชน์ทางการแพทย์สามารถที่จะผลิตและนำเข้าโดยกระทรวงสาธารณสุขและจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมทันตกรรมและสัตวแพทย ซึ่งเป็นผู้จ่ายยาให้แก่คนไข้ของตนไม่มีขายในตามร้านขายยาแต่หลังจากในปี2539 สารในกลุ่มนี้ก็ได้ถูกเรียกชื่อใหม่ว่ายาบ้าและถูกย้ายมาอยู่ในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพุทธศักราช2522 และได้ให้เป็นยาเสพติดรายแรงประเภคที่1 ที่ห้ามผลิตนำเข้าครอบครองหรือครอบครองเอาไว้เพื่อจัดจำหน่าย

ทำให้สารกลุ่มแอนฟาตามีนไม่สามารถที่จะนำเอามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้อีกต่อไป หลายฝ่ายก็ได้ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้ว่าในการแก้ไขทางกฏหมายจะกระทบตอการปราบปรามยาเสพติดโดยเฉพาะเรื่องสินบนนําจับและรางวัลคดียาเสพติดที่เป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่หรือมไม่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน

และปราบปรามยาเสพติดบอกว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างของการพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนสินบนนำจำและรางวัลคดีของยาเสพติดเพื่อให้สอดคล้องกับสถาการระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลยาเสพติดสำหรับคดียาบ้ากำเนิดว่าหากเจ้าหน้าที่จำกุมยาบ้าได้ไม่เกิดจำนวนประมาณ10เม็ดอัตราการจ่ายคือคดีละ360บาท

หากจับกุมได้11เม็ดถึง500เม็ดอัตราในการจ่ายคือเม็ดละ10บาทหากจับเกิน500เม็ดให้คำนวนจากสารบริสุทธิ์ของแอนฟาตามีนหรออนุพันธุ์ของแอนฟาตามีนในของกลางทั้งหมดออกมาเป็นอัตราในการจ่าย

 

สนับสนุโดย  entaplay

ผีหลอกเด็ก 2 ขวบจนสลบ         

เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับการประสานงานให้เข้าไปช่วยเหลือ

เด็กน้อยคนหนึ่งมีอาการเป็นลมจนหมดสติ และเมื่อกู้ภัยเดินทางไปถึงก็พบว่าที่บ้านหลังที่มีคนแจ้งเหตุมีชาวบ้านมามุงดูกันอยู่เต็มไปหมดและพบพ่อและแม่ของเด็กที่เป็นลมหมดสติอยู่ในอาการขวัญเสียต่างก็พยายามเรียกชื่อหนูน้อยแต่เธอก็ไม่ฟื้น

และเมื่อกู้ภัยเข้าไปถึงตัวเด็กน้อยก็ได้พยายามช่วยกันปั้มหัวใจของเด็กน้อยแต่ก็ไม่มีทีท่าจะว่าจะฟื้นซึ่งชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างก็บอกให้พ่อของเด็กลองเอาธูปมาจุดพ่อขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูเผื่อจะช่วยเหลือได้ ซึ่งพ่อของเด็กหญิงก็ได้วิ่งเข้าไปในบ้านเอาธูปมาหนึ่งดอกแล้วจุดธูปยกมือขึ้นไหว้กลางแจ้งแล้วนำไปปักไว้ที่หน้าบ้าน

ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่พ่อของเด็ดน้อยปักธูปเสร็จเด็กน้อยก็เริ่มรู้สึกตัวทันที ทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยและทางพ่อแม่ของเด็กนำตัวเด็กหญิงส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายอีกครั้ง

ซึ่งหลังจากที่ส่งตัวเด็กไปเรียบร้อยแล้วทางเพื่อนบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้เล่าเรื่องราวให้นักข่าวฟังว่า ครอบครัวของเด็กน้อยสองขวบนี้เพิ่มย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังดังกล่าวยังไม่ถึงสองเดือนดี วันนี้เขาเห็นเด็กน้อยวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านอยู่คนเดียวส่วนพ่อกับแม่ของเด็กอยู่ในบ้าน อยู่อยู่ก็ได้ยินเสียงเด็กวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า มีคนแกล้งเขา เขาเจ็บ ซึ่งพ่อเขาก็ถามว่าใครแกล้ง

เพราะต่างก็ไม่มีใครเห็นว่าจะมีใครมาเล่นกับเด็กน้อยซึ่งตัวเองที่นั่งอยู่หน้าบ้านมองดูเด็กวิ่งเล่นก็เห็นเด็กเล่นอยู่คนเดียว แต่เด็กยืนยันกับพ่อว่ามีพี่มาแกล้ง ซึ่งหลังจากที่เด็กพูดจบประโยค เด็กน้อยก็เป็นลมล้มหมดสติทันที ซึ่งทุกคนต้องก็พากันช่วยเหลือทั้งหายาดมและเขย่าตัวเรียกแต่เด็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา

พวกตนจึงบอกให้พ่อของเด็กไปจุดธูปเพื่อขอขมาสิ่งศักดิ์เผื่อว่าจะมีอะไรที่ไม่พอใจเด็กและจะเอาเด็กไปอยู่ด้วย เพราะทุกคนต่างก็ได้ยินที่เด็กบอกพ่อว่ามีพี่มาแกล้ง ซึ่งชาวบ้านทุกคนเชื่อว่าเด็กคงจะเห็นวิญญาณของใครสักคน และมาแกล้งจนเด็กตกใจกลัวจึงเป็นลมหมดสติไป

ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทางครอบครัวของเด็กอาจจะต้องมีการทำบุญให้กับผีเร่ร่อนแถวนี้เพื่อเป็นการของอภัย หรือไม่ก็ควรจะจัดงานทำบุญบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลของคนในครอบครัว 

ทรัมป์ยันฆ่าผู้นำอัล เคดาในคาบสมุทรอาระเบีย

เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ ทำเนียบขาวเผยแพร่คำชี้แจงของผู้นำโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สหรัฐอเมริกา รับรองว่าสามารถฆ่านายกัสซิม อัล-ริมี หัวหน้าสูงสุดของกรุ๊ปอัล เคดา ในแหลมอาระเบีย (เอคิวเอพี) สาขาของโครงข่ายก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอัล เคดา ที่อันตรายที่สุดในปฏิบัติงานต้านการก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในเยเมนแม้กระนั้นไม่บอกว่าการฆ่ามีขึ้นเมื่อใด

ทรัมป์กล่าวว่า

เอคิวเอพีภายใต้การนำของริมีได้ก่อความร้ายแรงอย่างไร้สามัญสำนึกต่อข้าราชการในเยเมน แล้วก็พากเพียรจู่โจมสหรัฐอเมริกากับกองทัพสหรัฐอเมริกา หลายคราว การถึงแก่กรรมของเขาทำให้เอคิวเอพีแล้วก็อัล เคดา อ่อนแอลงอีก ทำให้สหรัฐอเมริกาใกล้ขจัดภัยรุกรามความยั่งยืนมั่นคงของสหรัฐอเมริกาจากกรุ๊ปกลุ่มนี้ และก็ทำให้สหรัฐอเมริกา

ผลตอบแทนของสหรัฐอเมริกาและก็ผู้ส่งเสริมไม่เป็นอันตรายขึ้น สหรัฐอเมริกาจะเดินหน้าปกป้องรักษาคนประเทศอเมริกาด้วยการไล่ล่ากำจัดพวกผู้ก่อเหตุร้ายถัดไป

ก่อนหน้าที่ผ่านมามีข่าวซุบซิบว่านายริมีถูกฆ่าจากปฏิบัติงานจู่โจมด้วยอากาศยานไม่มีคนขับ (โดรน) ของสหรัฐอเมริกา ที่เมืองมาริบในเยเมน แม้กระนั้นไม่มีการรับรอง แต่ว่าเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา กรุ๊ปเอคิวเอพีเผยแพร่วิดีโอยาว 18 นาทีของนายริมี อ้างถึงว่าอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังการจู่โจมในฐานทัพเรือเพนซาวัวลาในเมืองฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา เมื่อ 6 ธันวาคมปีที่ผ่านมา

กรณีทหารชาวซาอุดีอาระเบียชื่อโมฮัมเหม็ด อัลชัมรานี วัย 21 ปี ที่ไปฝึกหัดในฐานทัพที่นี้กราดยิงในห้องเรียน ทำให้นาวิกโยธินอเมริกันเสียชีวิต 3 นาย มีคนที่บาดเจ็บ 8 คน และก็รองนายอำเภอ 2 นาย ส่วนมือสังหารถูกยิงตาย ทำให้สหรัฐอเมริกาส่งตัวทหารซาอุฯที่ไปฝึกหัดในสหรัฐอเมริกาอีกทั้ง 21 นายกลับประเทศ

การฆ่าริมียังมีขึ้นข้างหลังสหรัฐอเมริกาฆ่าอาบู บัคร์ อัล-แบกแดดี หัวหน้ากองกำลังเมืองอิสลาม (ไอเอส) ได้เมื่อเดือน เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา แล้วก็ฆ่าพลตรีกัสเซม โซไลมานี ผู้บังคับบัญชาหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” ของประเทศอิหร่านได้ใน 3 เดือนถัดมา

ก่อนหน้าที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาใช้โดรนฆ่านายท้องนาซีร์ อัล-วูเฮชิ หัวหน้าเอคิวเอพีคนก่อนได้ในปี 2558 รวมทั้งนายจาลัล เบไลดี หรืออาบู ฮัมซา แกนนำชั้นสูงของเอคิวเอพีที่มีค่าหัวถึง 5 ล้านดอลลาร์ได้ในปี 2559

ริมีเคยไปฝึกฝนที่ค่ายของอัล เคดา ในอัฟกานิสถานในทศวรรษ 1990 ก่อนไปสู่เยเมนในปี 2547 แล้วก็ถูกจำเรือนจำ 5 ปี ในข้อกล่าวหาคิดแผนจู่โจมสถานทูตต่างประเทศ 5 ที่ในกรุงซานา เขาเป็นผู้ร่วมจัดตั้งขึ้นเอคิวเอพีในเยเมนในปี 2552 โดยรวมสาขาอัล เคดา ในเยเมนและก็ซาอุดีอาระเบียเข้าด้วยกัน

มีเป้าหมายล้มล้างรัฐบาลชาติต่างๆที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุนรวมทั้งกำจัดอิทธิพลของมหาอำนาจตะวันตกทั้งสิ้นในภูมิภาคในนับเป็นเวลาหลายปีข้างหลัง เอคิวเอพีอดทนมากยิ่งกว่าเดิม เวลาที่เยเมนกำเนิดสงครามกลางเมืองระหว่างกบฏองค์การอนามัยโลกธีที่มีประเทศอิหร่านสนับสนุน กับรัฐบาลเยเมนนาทุ่งนาชาติยืนยัน.