น้องเมียแค้นคว้ามีดแทงพี่เมียดับ หลังห้ามพี่เขยบ่นเรื่องมรดกแล้ว โดนเก้าอี้ฟาดใส่ 

     น้องเมียแค้นคว้ามีดแทงพี่เมียดับ  ที่จังหวัดอุดรธานีเมื่อวันที่ 9 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพ.ศ 2565

จ้าหน้าที่ตำรวจสภ. บ้านเทื่อม  ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกอาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต  โดยจุดที่มีการแทงกันตายนั้นเกิดขึ้นในงานศพของหญิงชราคนหนึ่งและคนที่ก่อเหตุฆ่ากันตายนั้นก็เป็นลูกชายของหญิงชราและลูกเขยของหญิงชราที่เสียชีวิตเอง 

         เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงพบว่าผู้เสียชีวิตนั้นอายุ 60 ปีที่ว่านายสมหมายเป็นพี่เมียของ ชายที่ก่อเหตุซึ่งคนที่ก่อเหตุนั้นชื่อว่านายวัยอายุ 58 ปี

โดยหลังจากก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงพี่เมียเสียชีวิตแล้วในวัยก็ไม่ได้หนีไปไหนหลังจากแทงคนตายก็เดินทางกลับไปยังบ้านเพื่อไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวใหม่หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่งานศพเพื่อมารอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

        จากคำให้การของนายไวมือมีดระบุว่านายไวและผู้ตายนั้นได้ทะเลาะกันเรื่องที่ผู้ตายต้องการขอมรดกเพิ่มโดย  นายไว แม่ยายซึ่งเสียชีวิตและจัดงานศพอยู่ในตอนนี้เคยได้มีการแบ่งมรดกให้ลูกๆทุกคนเท่าๆกันคนละประมาณ 2 ไร่ซึ่งทางด้านผู้ตายเองก็ได้ไปเช่นเดียวกันแต่ผู้ตายเมื่อได้มรดกไปแล้วก็ไปขายเอาเงินมาใช้หลังจากแม่ที่เพิ่งเสียชีวิต

ไปได้ไม่กี่วันผู้ตายก็มาพูดในงานศพของแม่ว่าอยากจะได้ที่ดินมรดกเพิ่มเพราะมรดกนั้นก็เป็นของแม่ของเขาเองซึ่งพูดอยู่แบบนี้อยู่หลายครั้งทำให้นายไว ได้เข้าไปตักเตือนว่าไม่ควรที่จะพูดเรื่องมรดกในงานศพของแม่

         อย่างไรก็ตามปรากฏว่าผู้ตายนั้นไม่พอใจใช้เก้าอี้ฟาดมาที่หัวของนายไวถึง 2 ครั้งด้วยกันทำให้นายไว นั้นหัวแตกสร้างความโกรธแค้นให้กับนายไวเป็นอย่างมาก 

เนื่องจากว่าผู้ตายเองก็เป็นคนนิสัยอารมณ์ร้อนโมโหง่ายและขี้เหล้าในขณะที่ในวันเกิดเหตุนั้นนายไวเองก็กินเหล้าเข้าไปและเมาเหล้าเช่นเดียวกันจึง  มั่งมีหวย   ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ด้วยความโมโหจึงวิ่งไปในครัวของวัดแล้วหยิบมีดทำอาหารมาแทนผู้เสียชีวิตไปจำนวน 2 ครั้งโดยไม่คิดว่าการแทนนั้นจะทำให้ถึงกับตาย

       อย่างไรก็ตามเมื่อนายวัยแทนผู้เสียชีวิตไปแล้วก็สำนึกได้เมื่อมาดูก็พบว่าพี่เมียได้เสียชีวิตไปแล้วจึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามอบตัวเพราะรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ได้มีการแวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างคราบเลือดออกเสียก่อนอย่างไรก็ตาม นายไว ยืนยันว่าตนเองนะไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้พี่พี่เมียตายและได้ฝากขอโทษญาติๆทุกคนที่ก่อเหตุในครั้งนี้ 

แก๊งอันธพาลรุมทำร้ายสาว กลางร้านปิ้งย่าง 

   สังคมจีนเดือด  หลังมีคลิป  แก๊งอันธพาลรุมทำร้ายสาว กลางร้านปิ้งย่าง เพราะไม่พอใจสาว ไม่เล่นด้วย 

             เมื่อวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2565   ในโลกออนไลน์ของประเทศจีนได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่ง 

โดยภายในคลิปจะเห็นได้ว่ามีคนมาใช้บริการร้านปิ้งย่าง ซึ่งมีอยู่โต๊ะนึงมีหญิงสาวมากินปิ้งย่างอยู่ด้วยกัน 3 คนระหว่างนั้นเองได้มีชายโต๊ะข้างๆเข้ามาพูดคุยด้วยแต่หญิงสาวไม่เล่นด้วย  หลังจากนั้นฝ่ายชายกับเพื่อนก็ทำร้ายร่างกายหญิงสาวทั้งสามคนจนได้รับบาดเจ็บ

          สำหรับเหตุการณ์ภายในคลิปนั้น สามารถเห็นได้ว่ามีคนที่ไปกินปิ้งย่างภายในร้านดังกล่าวพยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวทั้งสามคน แต่ก็ถูกผู้ชายซึ่งเป็นแก๊งอันธพาลภายในคลิปขู่ทําร้ายร่างกายจนไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือ 

นอกจากนี้มีพลเมืองดีโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมายังจุดเกิดเหตุก็เป็นเวลานานจนคนร้ายหนีหายไปแล้วสุดท้ายหญิงสาวทั้งสามคนได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 

          จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเองคลิปดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์พร้อมกับอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกจากนี้ยังมีการระบุด้วย

ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นนั้นไม่ให้ความช่วยเหลือประชาชนเท่าที่ควรเพราะกว่าจะเดินทางมายังจุดเกิดเหตุก็เป็นเวลานานจนคนร้ายสามารถหนีไปได้และหลังจากที่แจ้งความเป็นแล้วคนร้ายก็ยังไม่ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2565   โดยปัจจุบันนี้หญิงสาวทั้งสามคนยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย 

           อย่างไรก็ตามหลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ก็เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเป็นกระแสที่ไม่พอใจของชาวโซเชียลโดยเฉพาะชาวโซเชียลที่เป็นผู้หญิงเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่สาธารณะและมีการใช้ความรุนแรง  กับผู้หญิงทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเพีย

เพราะว่าผู้หญิงปฏิเสธไม่อยากจะสนทนากับคนแปลกหน้าเท่านั้นซึ่งทำให้ชาวโซเชียลหญิงหลายคนนั้นไม่พอใจกับพฤติกรรมแบบนี้    หน้ากากแอร์    โดยมองว่าทุกวันนี้ผู้หญิงหลายคนต่างก็เป็นเหยื่อของความรุนแรงของผู้ชาย

        อย่างไรก็ตามในช่วงประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้หญิงสาวชาวจีนหลายคนนั้นประสบปัญหาว่าถูกคุกคามจากผู้ชายที่ไม่รู้จักเพียงเพราะสาเหตุว่าหน้าตาดีและเมื่อผู้ชายเข้ามาด้วยและผู้หญิงต้องการที่จะปฏิเสธ ก็มักจะถูกผู้ชายที่ไม่รู้จักทำร้ายร่างกายซึ่งบางคนนั้นหวาดกลัวจนถึงขั้นไม่สามารถออกนอกบ้านในช่วงเวลากลางคืนได้  เหตุการณ์ครั้งนี้ปลุกกระแสสังคมจีนให้แก้ไขปัญหาความรุนแรงและผู้ชายควรรับผิดชอบกับพฤติกรรมของตนเองด้วยการไม่ทำร้ายผู้หญิง

เจ้าบ่าวช็อก รับหน้าสดไม่ได้ ขอหย่าทันทีหลังแต่งงาน

    เจ้าบ่าวช็อก รับหน้าสดไม่ได้    เมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาคมพ.ศ 2555 ได้มีเคสของหนุ่มชายชาวจีนรายหนึ่งถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์โดยชายชาวจีนคนดังกล่าวชื่อว่านายหลี่

ซึ่งเรื่องราวของเขานั้นถูกเปิดเผยลงในเว็บไซต์ ettoday โดยมีการระบุว่าในอดีตเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างมากเขาเป็นเจ้าของกิจการด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองเขามีเงินเก็บเป็นจำนวนมากเนื่องจากว่าทำงานหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

       อย่างไรก็ตามปัญหาของนายหลี่ก็คือเขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยและไม่ได้มีการคบใครเป็นแฟนแต่สุดท้ายเขาก็ต้องหาผู้หญิงสักคนนึงไปให้ที่บ้านเจอตัวเนื่องจากว่าที่บ้านต้องการให้เขานั้นแต่งงานและถ้าหากว่าเขาไม่แต่งงานครอบครัวจะประกาศตัดขาดกับนายหลี่

จนทำให้เขาตัดสินใจหาแฟนปลอมๆเพื่อไปให้ครอบครัวได้เจอซึ่งเขาได้เลือกเลขาฯที่ทำงานกับเขามาอย่างยาวนานเนื่องจากว่านายลีเห็นว่าเลขานุการของเขานั้นหน้าตาสะสวยอย่างไรก็ตามเมื่อนายหลี่ได้พาแฟนๆไปให้ครอบครัวดูตัว

         ปรากฏว่าครอบครัวของนายหลี่ชอบแฟนคนนี้เป็นอย่างมากต้องการให้นายรีบแต่งงานกับแฟนสาว  อย่างไรก็ตามในวันที่นายหรือพาแฟนสาวไปที่บ้าน

เพื่อเจอกับครอบครัวนั้นปรากฏว่าในคืนดังกล่าวนายหลี่พลาดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเลขานุการของตนเอง  เพราะความเมาดังนั้นนายหลี่จึงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของตนเองด้วยการแต่งงานกับเลขานุการสาวเพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักกับเลขาหรือแฟนปลอมปลอมแต่เธอก็หน้าตาสวยดีดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตกลงรับเธอมาเป็นภรรยาตัวจริงและจัดงานแต่งงานกัน 

       อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าไปในห้องหอซึ่งเจ้าบ่าวก็ทำตัวที่ดีด้วยกันไปเตรียมน้ำให้กับเจ้าสาวอาบในขณะที่ตัวเจ้าสาวนั้นก็ได้มีการล้างเครื่องสำอาง

เพื่อเตรียมตัวจะไปอาบน้ำปรากฏว่าเมื่อในอดีตออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าภรรยาที่พึ่งแต่งงานไปหมาดของเขานั้นหน้าตาไม่ตรงกับที่เห็นอยู่เป็นประจำเพราะภรรยาของเขานั้นไม่สวยเขาถึงกับรู้สึกชอบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

         สุดท้ายในคืนนั้นเองนายหลี่ก็ตัดสินใจขอหย่าขาดจากภรรยาสาวทันทีแต่ทางหญิงสาวไม่ตกลงเนื่องจากว่าเธอต้องท้องลูกของนายหลี่แล้วอย่างไรก็ตามเมื่อมีการพูดคุยเจรจากันสุดท้ายแล้วหญิงสาวยอมเซ็นใบอย่าให้โดยในอดีตจะต้องมีการมอบทรัพย์สมบัติครึ่งนึงของนายหลี่ให้กับภรรยาสาวและถึงแม้ว่าในอดีตจะไม่เต็มใจที่จะยกทรัพย์สินของตนเองถึงครึ่งหนึ่งให้กับภรรยาไปแต่เขาก็ต้องยอมเพราะเขาไม่สามารถทำใจให้อยู่กับภรรยาสาวที่หน้าตาไม่สวยได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    alpha88

สาวโพสต์ถามในโลกออนไลน์จะไปงานแต่งพกอาหารไปกินในงานได้ไหม 

      สาวโพสต์ถามในโลกออนไลน์  เป็นเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่เธอมีการโพสต์ข้อความถางผ่านทางชุมชนออนไลน์โดยเธอต้องไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนรายหนึ่ง

แต่ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการจัดงานแต่งงานที่ทางฝั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นได้มีการกำหนดการเรื่องของการรับประทานอาหารให้กับแขกว่าจะมีการเริ่มให้แขกได้กินอาหารในช่วงเวลาประมาณ 16:30 น ซึ่งเธอมองว่ามันค่อนข้างเย็นจนเกินไปส่วนขนมเค้กที่จะแจกจ่ายในงานแต่งงานนั้นก็จะเป็นช่วงค่ำเลย

         สำหรับประเด็นที่หญิงสาวรายนี้ต้องนำมาโพสต์ถามคนในโลกออนไลน์นั่นก็เพราะว่าเธอเกรงว่าถ้าหากเธอยังอยู่ในงานแล้วทางบ่าวสาวยังไม่มีการเสิร์ฟอาหารให้กับแขกเธออาจจะมีการหิวระหว่างนั้นทำให้เธอมีแนวความคิดว่าอาจจะมีการพกขนมทานเล่นติดตัวไปและถ้าเกิดว่าเธอหิวเธอก็สามารถนำขนมที่เธอพกใส่กระเป๋ามากินระหว่างรออาหารมื้อเย็นก็ได้เช่นเดียวกันแต่อย่างไรก็ตามเธอไม่มั่นใจว่าถ้าเธอทำแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องที่น่าเกลียดหรือผิดมารยาทในการไปร่วมงานแต่งงาน

          สำหรับความคิดเห็นนี้เมื่อมีการถามออกไปก็มีผู้ที่เข้ามาตอบความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นดีมากกว่า 600 ครั้งกันเลยทีเดียวโดยคนส่วนใหญ่นั้นมองว่าพฤติกรรมของหญิงสาวรายนี้นั้นไม่เหมาะสมซึ่งการไปร่วมงานแต่งงานนั้นไม่ได้ไปบ่อยเพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเธอนั้นรู้สึกหิวระหว่างที่รอก็ควรที่จะอดทนการที่เตรียมอาหารหรือของว่างไปกินเอง

ระหว่างที่บ่าวสาวยังไม่เสิร์ฟอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งและคำถามที่เธอทำให้กับชาวโลกออนไลน์ได้เข้ามาตอบนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ดูแปลกประหลาด

และไร้สาระเป็นอย่างมากและไม่เคยมีใครมีพฤติกรรมอย่างเธอด้วยการพวกอาหารกินเล่นไปกินระหว่างรอเจ้าภาพเสิร์ฟอาหาร

          อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันนั้นก็มีความคิดเห็นบางส่วนที่สนับสนุนความคิดของเธอเพราะว่าถ้าหากเธอเป็นคนที่หิวง่ายหิวเร็วหรือกินเยอะเธออาจจะมีการพบของว่างฉุกเฉินติดกระเป๋าไว้ก็ได้ซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมและถ้าหากหิวเธอก็สามารถไปหลบมุมกินของกินบ้างที่เธอเตรียมเอาไว้ได้ไม่จำเป็นที่จะต้องกินต่อหน้าต่อตาแขกเหลือคนอื่นหรือต่อหน้าผู้บ่าวสาวให้เป็นการเสียมารยาทซึ่งวิธีการที่เธอพกอาหารว่างติดกระเป๋าไปนั้นมันเป็นการเตรียมความพร้อม และนับได้ว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆเลยทีเดียว       

         อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องของการเตรียมของว่าติดกระเป๋าไปนั้น  ถ้าหากว่าหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ได้มีโรคประจำตัวหรือไม่มีธุระที่จะต้องกินอาหารให้ตรงเวลาแนะนำว่าควรจะอดทนรอกินอาหารภายในงานที่บ่าวสาวเตรียมไว้ให้จะเป็นการดีที่สุดเพราะถือว่าเป็นมารยาททางสังคมแต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆที่ถ้าหากว่าไม่ทานอาหารตรงเวลาหรือถ้าหิวแล้วไม่ได้ทานจะมีปัญหาต่อสุขภาพก็สามารถที่จะพกอาหารเตรียมไปได้เช่นกัน 

 

สนับสนุนโดย    ubett

ดราม่า ไม่พอใจเอารถไปจอดหน้าบ้านพักหมอถูกล็อคล้อ ปรับ 200 

         เมื่อวันที่ 30 เดือนมีนาคมปีพศ. 2565 ในโลกออนไลน์ได้มีการถกเถียงกันกับเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งมีการโพสต์เล่าเรื่องราวผ่านทาง App tiktok

ถูกล็อคล้อ ปรับ 200 ออกมาโวยวายการทำงานของทางโรงพยาบาลกับคุณหมอของทางโรงพยาบาลโดยใช้หนุ่มรายนี้ระบุว่าแฟนของเขาได้มีการพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเนื่องจากว่าลูกมีอาการไข้ขึ้นสูงเมื่อขับรถไปถึงทางโรงพยาบาลแล้วปรากฏว่าไม่มีที่จอดรถดังนั้นแฟนของเขาจึงได้นำรถไปจอดไว้บริเวณหน้าบ้านพักของคุณหมอ

ซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาลนั่นเองอย่างไรก็ตามหลังจากที่พาลูกพบแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับบ้านปรากฏว่าเมื่อเดินมาที่รถพบว่ามีการล็อคล้อแล้วเมื่อมีการไปสอบถามกับทางรปภพบว่าเป็นนายแพทย์เข้ามาทำการล็อคล้อและจะต้องมีการจ่ายเงินค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 200 บาท

       สาเหตุที่ชายราย นี้ต้องออกมาโวยวายผ่านทาง Social นั้นก็เพราะว่าหลังจากที่แฟนของเขาจ่ายเงินค่าปรับ 200 บาทแล้วทางด้านนายแพทย์กับไม่ยอมเดินทางมาปลดล็อคล้อรถให้ทำให้แฟนของเขาต้องโทรตามให้เขาไปรับเพื่อพาลูกกลับบ้าน

ซึ่งกว่าทางคุณหมอจะเดินทางมาปลดล็อคล้อให้ก็เป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงโดยเข้าไปทงโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเที่ยงแต่แพทย์กลับมาปลดล็อคล้อรถให้กับเขาช่วง 18:00 น ทำให้เขานั้นต้องเสียเวลาขับรถไปกลับระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลถึง 3 รอบด้วยกันคิดเป็นระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร

       ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของคุณหมอเป็นอย่างมากโดยชายรายนี้ยืนยันว่าเขายอมรับได้กับเงินค่าปรับที่ต้องเสีย

เพราะว่าแฟนของเขานั้นทำผิดจริงไปจอดรถในที่ห้ามจอดแต่เมื่อเสียค่าปรับแล้วก็ควรจะรีบมาปลดล็อคให้เพื่อที่เขาจะได้ใช้รถแต่เขาต้องมาเสียเวลาขับรถไปกลับอยู่หลายครั้งรออยู่นานนายแพทย์ก็ไม่ยอมมาปลดล็อคล้อให้สักทีทั้งทั้งที่เขานั้นก็รีบจ่ายเงินค่าปรับให้แล้วนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ผู้คนต่างออกมา comment กันมากมายโดยส่วนใหญ่นั้นมองว่าการกระทำของภรรยาของชายเจ้าของโพสต์นั้นเป็นการกระทำความผิดเพราะไปจอดรถในที่ห้ามจอดที่ไม่ใช่ในพื้นที่สาธารณะซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยจะมีกฏอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของการจอดรถในที่ห้ามจอดจะต้องถูกล็อคล้อดังนั้นไม่สามารถที่จะออกมาโวยวายร้องขอความเป็นธรรมได้

       อย่างไรก็ตามมีชาวโซเชียลหลายคนแนะนำว่าหากไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแล้วหาที่จอดรถไม่ได้ควรส่งผู้ป่วยไปที่แผนกฉุกเฉินก่อนหลังจากนั้นก็ไปวนหาที่จอดรถข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้ามาที่โรงพยาบาลจะเป็นการดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดและมีปัญหาตามมาภายหลัง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยดี

ตำรวจรวบตัวเด็ก 15  หลังมาส่งพัสดุแล้วพนักงานสงสัยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบเป็นยาบ้า 

        ตำรวจรวบตัวเด็ก 15  หลังมาส่งพัสดุ ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ายาเสพติดกำลังแพร่หลายระบาดอย่างหนักมีการประกาศขายอย่างโจ่งแจ้งภายใน social และมีการขนยาทั้งผ่านทางการขับรถขนส่งรวมถึงการขนส่งโดยเครื่องบินนอกจากนี้ยังขนส่งด้วยการส่งไปรษณีย์อีกด้วย

และถึงแม้ว่าปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสกัดจับกลุ่มคนขายยาบ้าหรือยาเสพติดเหล่านี้แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งซึ่งเรียกได้ว่าไม่ว่าจะปราบปรามมากเท่าไหร่จำนวนผู้ค้ายาเสพติดนั้นก็ไม่ลดลงเลย

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี

ได้มีการลักลอบขนส่งยาบ้าผ่านทางไปรษณีย์โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อคนร้ายได้มีการนำกล่องพัสดุไปติดต่อไปรษณีย์ของบริษัทเจแอนด์ทีเอ็กซ์เพรสโดยระบุปลายทางอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการโดยต้นทางนั้นอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี 

           อย่างไรก็ตามในขณะที่วัยรุ่นอายุ 15 ปีได้มีการนำกล่องพัสดุยื่นให้กับพนักงานของบริษัทเจแอนทีเ***เพรสนั้นปรากฏว่าพนักงานเกิดความรู้สึกสงสัยว่าข้างในเป็นอะไรจึงได้มีการสอบถามวัยรุ่นคนดังกล่าวซึ่งเจ้าของพัสดุก็ได้มีการตอบมาว่าข้างในนั้นเป็นการส่งเสื้อไปให้กับลูกค้าเนื่องจากขายเสื้อผ่านออนไลน์ยังไงก็ตามทางด้านพนักงานขนส่งได้พบข้อพิรุธ

          เนื่องจากว่ามีกลิ่นเหม็นออกมาจากกล่องที่ทางผู้ส่งนั้นระบุว่าเป็นเสื้ออยู่ด้านในโดยทางเจ้าหน้าที่ขนส่งยืนยันว่ากลิ่นนั้นมีความคล้ายคลึงกับยาเสพติดเป็นอย่างมากด้วยความสงสัยหลังจากรับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้วและผู้ส่งเดินทางกลับบ้านแล้วจึงได้มีการประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบกล่องพัสดุอีกครั้งหนึ่ง

          เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงและมีการเปิดกล่องดูก็พบว่าด้านในเป็นยาเสพติดจริงๆพนักงานขนส่งจึงได้มีการนำที่อยู่ของผู้ส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางไปยังบ้านของวัยรุ่นอายุ 15 ปีที่เป็นคนส่งและเข้าควบคุมตัวเนื่องจากว่าพัสดุนั้นมียาบ้าเม็ดสีแดงมาถึง 365 เมตรซึ่งถูกเก็บไว้ในพลาสติกอย่างดีแบ่งบรรจุเอาไว้เป็น 2 ถุง

          อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากเพราะเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านของวัยรุ่นอายุ 15 ปีซึ่งเป็นคนส่งยาเสพติดปรากฏว่าเยาวชนคนดังกล่าวไหวตัวทันและได้หลบหนีไปก่อนซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเตรียมออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เนื่องจากว่าทราบชื่อนามสกุลรอที่อยู่ซึ่งจะมีการประสานงานไปยังญาติพี่น้องของเยาวชนรายนี้ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เยาวชนรายนี้เข้ามอบตัวอีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    มั่งมีหวยออนไลน์

ลูกศิษย์แห่มารอรับเพียบ หลังครูบาบุญชุ่ม ออกจากถ้ำเมืองแก๊ด

            สำหรับใครที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของครูบาบุญชุ่มจะต้องรู้กันเป็นอย่างดีว่าครูบาบุญชุ่มน้ำได้มีการประกาศปิดวาจาเพื่อที่จะเข้าไปปฏิบัติธรรมกรรมฐาน

ภายในถ้ำเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปี  โดยเมื่อวันที่ 31 เดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาครูบาบุญชุ่มได้มีการสิ้นสุดการปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้นานกว่า 3 ปี 3 เดือนและ 3 วันเลยทีเดียวหลังจากที่ลูกศิษย์ลูกหาทราบว่าครูบาบุญชุ่มจะออกจากถ้ำต่างก็พากันมารอรับกันอย่างล้นหลาม 

           สำหรับการเข้าไปวิปัสสนากรรมฐานเพื่อถือศีลของครูบาบุญชุ่มนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 เดือนเมษายน ปีพ.ศ.2562 ซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ให้ความเคารพนับถือและเลื่อมใสศรัทธาครูบาบุญชุ่ม

จึงเฝ้ารอว่าครูบาบุญชุ่มจะออกจากวิปัสสนากรรมฐานเมื่อไหร่เพื่อที่จะได้เดินทางไปรับโดยการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ของคุณบาบุญชุ่มนั้นได้เข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเมืองแก๊ด ซึ่งถ้ำแห่งนี้อยู่ในประเทศเมียนมาร์  ลูกศิษย์แห่มารอรับเพียบ

        สำหรับบรรดาลูกศิษย์และคนที่เคารพนับถือครูบาบุญชุ่มนั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนไทยเท่านั้นแม้แต่คนเมียนมาร์เองก็ให้ความเคารพนับถือครูบาบุญชุ่มเช่นเดียวกันดังนั้นจึงมีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาในเมียนมาร์หลายคนที่ไปเฝ้ารอก่อนที่ครูบาบุญชุ่มจะออกจากถ้ำกว่า 1 สัปดาห์เลยทีเดียวส่วนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของครูบาบุญชุ่มที่อยู่ในเมืองไทยนั้น

ไม่สามารถข้ามไปยังประเทศเมียนมาร์ได้ก็เฝ้ารออยู่แถวบริเวณด่านพรมแดนไทยเมียนมาร์ซึ่งอยู่แถวอำเภอแม่สายรอให้มีการเปิดพรมแดนเมื่อไหร่ก็จะสามารถข้ามไปยังฝั่งเมียนมาร์ได้ 

         ภายหลังจากที่ครูบาบุญชุ่มได้เดินทางออกจากถ้ำเมืองแก๊ด ปรากฏว่ามีผู้คนเป็นจำนวนมากต่างไปรอรับและได้มีการนำครูบาบุญชุ่มนั่งรถไปทำการปลงผมที่เกาะน้ำโรซึ่งที่นั่นได้มีการสร้างกุฏิที่พักเอาไว้ให้กับครูบาบุญชุ่มได้พักอาศัยและยังมีภัตตาคารริมน้ำ  นอกจากนี้ยังมีถ้ำเล็กหอ 7 ชั้น   ซึ่งที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ครูบาบุญชุ่มจะได้พักผ่อน

  หลังจากที่ออกจากถ้ำโดยการไปรับครูบาบุญชุ่มในครั้งนี้นอกจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาแล้วยังมีพระสงฆ์อีก 23 รูปพฤหัสลูกศิษย์ชายอีก 38 ลูก  ซึ่งครูบาบุญชุ่มจะอยู่ที่เกาะน้ำรู้แห่งนี้ประมาณ 5 วันก่อนที่จะเดินทางไปจำพรรษาที่เมืองพงต่อไป 

         อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าครูบาบุญชุ่มเป็นพระสงฆ์ที่มีคนนับหน้าถือตาและศรัทธาเป็นจำนวนมากดังนั้นจึงมีบรรดาลูกศิษย์ลูกหานำวันดีที่ครูบาบุญชุ่มได้ออกจากถ้ำหลังจากวิปัสสนากรรมฐานมาอย่างยาวนานไปทำการตีเป็นเลขเด็ดเพื่อทำการซื้อหวย  เชื่อว่าไม่ว่าลอตเตอรี่หรือแม้แต่หวยใต้ดินที่เป็นตัวเลขเกี่ยวกับครูบาบุญชุ่มในงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม ปีพ. ศ. 2565 นี้จะต้องขายดีอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย    ole777

สาวเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใหม่แค่ 2 วัน เจอเพื่อนบ้านรับน้องด้วยการเอารถมาจอดในบ้าน 

     เพื่อนบ้านเอารถมาจอดในบ้าน  เรื่องราวที่น่าเบื่อที่สุดและเป็นเรื่องราวที่พบปัญหากันบ่อยมากที่สุดนั่นก็คือเรื่องราวการใช้ชีวิตร่วมกันกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน  ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเจอว่าเพื่อนบ้านนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่มีมารยาทวางตัวไม่เหมาะสมชอบจอดรถขวางหน้าบ้านของคนอื่น

หรือจอดรถในที่สาธารณะไม่นำรถไปจอดในบ้านของตนเองนอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการปลูกต้นไม้กิ่งไม้ยื่นเข้าไปในบ้านเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

         ล่าสุดมีหญิงสาวคนหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวปัญหาที่เธอต้องเจอเมื่อเพื่อนบ้านของเธอนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักได้หญิงสาวรายนี้ได้มีการโพสต์คลิปเอาไว้และนำไปโพสต์ในแอป tiktok เมื่อวันที่ 4 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2565

  นอกจากจะมีการโพสต์คลิปเอาไว้แล้วยังมีการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ด้วยโดยเฉพาะเจ้าของโพสต์ระบุว่าเธอเพิ่งซื้อบ้านและเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้นปรากฏว่ามาวันแรกเธอก็เจอรับน้องจากทางเพื่อนบ้านเลยเมื่ออยู่ดีๆเพื่อนบ้านของเธอนั้นก็นำรถเข้ามาจอดภายในบริเวณที่จอดรถของบ้านของเธอซึ่งในขณะนั้นเธอไม่ได้อยู่บ้านแล้วเปิดประตูบ้านทิ้งเอาไว้

        อย่างไรก็ตามเธอได้มีการแจ้งให้ทางรปภของหมู่บ้านเข้ามาดูแลและช่วยไปตามเจ้าของรถให้มาย้ายรถคันดังกล่าวออกไปซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่รปภ.ได้แจ้งกับเจ้าของรถทางด้านเจ้าของรถก็มาทำการย้ายรถตามปกติและไม่ได้มีการขอโทษกับพฤติกรรมแย่ๆของตนเอง 

อย่างไรก็ตามสาวเจ้าของโพสต์ระบุว่าเหตุการณ์ที่เพื่อนบ้านนำรถเข้ามาจอดที่บ้านของเธอนั้นไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเพราะวันรุ่งขึ้นเธอมีการปิดประตูรั้วหน้าบ้านแต่ไม่ได้ล็อคเอาไว้กลับมาจากข้างนอกก็พบว่าเพื่อนบ้านคนเดิมนำรถคันเดิมมาจอดไว้ที่บริเวณที่จอดรถบ้านของเธอเหมือนเดิมทำให้รถของเธอนั้นต้องจอดอยู่ที่หน้าบ้านแทน  และแม้จะเริ่มต้นวันใหม่แล้วและเป็นช่วงประมาณ 8:00 น แล้วแต่เพื่อนบ้านของเธอก็ยังไม่ยอมมาขยับรถออกจากบ้านของเธอทำให้เธอต้องแจ้ง รปภ.อีก

         สำหรับคลิปที่หญิงสาวมาโพสต์ลงในโซเชียลนั้นเธอต้องการที่จะขอความคิดเห็นของบรรดาคนในโซเชียลว่าเธอควรจะจัดการกับเพื่อนบ้านอย่างไรดีเพราะมีการพูดคุยกับรปภแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งนี้ชาวโซเชียลหลายคนแนะนำให้เธอทำเหมือนกับคุณป้า 2 คนที่ทุบรถคนที่มาจอดขวางหน้าบ้าน

 นอกจากนี้บางคนยังแนะนำว่าถ้าหากเธอจะออกนอกบ้านเธอควรจะใส่กุญแจล็อคประตูบ้านให้ดีป้องกันไม่ให้เพื่อนบ้านนำรถเข้ามาจอดในบ้านได้อีกหรือบางคนก็แนะนำให้นำหลักฐานดังกล่าวไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวยจับยี่กี

สาวญี่ปุ่น อยากมีลูกตัดสินใจนอนกับคนบริจาคสเปิร์มจนท้องสุดท้ายทิ้งลูก

  นอนกับคนบริจาคสเปิร์ม   เมื่อวันที่ 13 เดือนมกราคมปีพศ. 2565 ได้มีการเปิดเผยออกมาจากเว็บไซต์ของประเทศญี่ปุ่นเว็บหนึ่งโดยระบุว่าที่เมืองโตเกียวมีหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปีเธออยากจะมีรูปมากซึ่งหญิงสาวคนนี้นั้นเธอแต่งงานแล้วและเธอก็มีลูกแล้ว 1 คน

แต่เธอต้องการที่จะมีรูปเพิ่มอย่างไรก็ตามสามีของเธอนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เธอนั้นตั้งท้องได้เนื่องจากว่าสามีของเธอมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคพันธุกรรมซึ่งถ้าหากว่าเธอตั้งครรภ์จะส่งผลทำให้ลูกของเธอนั้นติดโรคจากพ่อได้ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะมีการขอบริจาคสเปิร์มนั้นเอง

      อย่างไรก็ตามวิธีการขอบริจาคสเปิร์มจากหญิงสาวรายนี้ไม่ได้เป็นการที่ไปขอจากธนาคารกลางแต่หญิงสาวรายนี้ได้ขอสเปิร์มจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอายุประมาณ 20 ปีโดยทั้งคู่รู้จักกันผ่านทางโซเชียลและเธอก็ได้มีการขอสเปิร์มจากชายหนุ่มรายนี้นอกจากนี้เธอยังขอข้อมูลส่วนตัวเพื่อประกอบพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะรับสเปิร์มของชายหนุ่มรายนี้หรือไม่โดยเงื่อนไขของเธอนั้นฝ่ายชายจะต้องไม่เคยแต่งงานและฝ่ายชายนั้นจะต้องเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆและที่สำคัญจะต้องมีการศึกษาจบมหาวิทยาลัย

       หลังจากที่สาวญี่ปุ่นลายนี้ได้มีการพูดคุยกับชายหนุ่มที่รู้จักกันผ่านโซเชียลซึ่งฝ่ายชายนั้นยืนยันว่าคุณสมบัติที่หญิงสาวต้องการนั้นตรงกับเขาทุกอย่างเธอจึงตัดสินใจไปนอนกับผู้บริจาคสเปิร์มรายนี้โดยเธอนอนกับเขาทั้งสิ้นจำนวน 10 ครั้งด้วยกัน

จนเธอนั้นตั้งครรภ์อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องราวที่ทำให้เธอรู้สึกชอบเป็นอย่างมากเมื่อเธอไปรู้ความจริงมาว่าเงื่อนไขที่เธอได้ตั้งเอาไว้ไม่ตรงกับที่ชายหนุ่มระบุเลยเพราะฝ่ายชายนั้นเป็นคนเชื้อสายจีนและที่สำคัญไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยแถมไม่ได้เรียนหนังสืออีกด้วย นอกจากนี้ผู้ชายคนดังกล่าวก็เคยมีประวัติแต่งงานมาแล้วอีกด้วย

       เมื่อหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรู้ดังนั้นเธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่เนื่องจากว่าอายุครรภ์ของเธอเยอะแล้วไม่สามารถทำแท้งได้ในที่สุดเธอก็ได้มีการคลอดเด็กออกมาแล้วทิ้งเอาไว้ที่โรงพยาบาลโดยที่เธอนั้นไม่ต้องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้และปล่อยให้เจ้าหน้าที่หาครอบครัวใหม่

ให้กับเด็กพร้อมกันนี้หญิงสาวไทยญี่ปุ่นรายนี้และสามีของเธอยังได้ตัดสินใจจ้างทนายฟ้องร้องคนบริจาคสเปิร์มอีกด้วยโดยฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากถึง 330 ล้านเยนในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจของฝ่ายหญิง

   อย่างไรก็ตามสิ่งที่หญิงสาวรายนี้ได้ปฏิบัตินั้นทำให้คนในสังคมต่างก็ประณามเธอเป็นอย่างมากเพราะเธอนั้นมีความคิดที่ตื้นเขินมากจนเกินไปและเมื่อรู้ว่าคุณสมบัติของเด็กไม่ครบถ้วนตามที่เธอต้องการเธอก็พร้อมที่จะทิ้งเด็กทันที

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สวัสดิการนั้นได้กล่าวว่าเขารู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดแล้วเด็กนั้นจะได้ไปเจอกับพ่อแม่บุญธรรมที่มีนิสัยที่ดีกว่าหญิงสาวคนนี้

 

สนับสนุนโดย.   หวยฮานอยดึก

พลเมืองดีพบเด็กถูกลืมทิ้งเอาไว้ริมชายหาดบางแสน 

  เด็กถูกลืมทิ้งเอาไว้  เมื่อวันที่ 12 เดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.  แสนสุด  ซึ่งเป็นสถานนีตำรวจ ประจำจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าต้องบริเวณแหลมแท่นบางแสนซึ่งอยู่ช่วงบริเวณล็อคที่ 24 พบเด็กอายุประมาณ 2-3 ขวบเดินเล่นอยู่ตรงบริเวณริมชายหาดด้วย

เด็กคนดังกล่าวนั้นเป็นเด็กผู้หญิงซึ่งพลเมืองดีสังเกตมาสักระยะหนึ่งแล้วว่าเด็กอยู่คนเดียวและไม่มีผู้ปกครองอยู่ด้วยจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทำการตรวจสอบและติดตามหาผู้ปกครองของเด็ก

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้การตามหาบริเวณใกล้เคียงว่ามีผู้ปกครองของเด็กอยู่หรือไม่เมื่อปรากฏว่าไม่สามารถพบผู้ปกครองของเด็กจึงได้นำเด็กหญิงคนดังกล่าวไปไว้ที่สถานีตำรวจสภแสนสุขเพื่อประกาศตามหาผู้ปกครองของเด็กต่อไป

  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าหลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณสักบ่ายสอง  กริลแอร์   ในวันเดียวกันนั้นเอง  ได้มีหญิงสาวเป็นชาวต่างด้าวเดินทางมาที่สภแสนสุขและเข้าแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอรับตัวเด็กหญิงคนดังกล่าวโดยระบุว่าตัวเองนั้นเป็นแม่ของเด็กต้องการที่จะมารับลูกกลับบ้าน

          ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตัวเธอนั้นอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราโดยอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอแปดริ้วกับเพื่อนชาวต่างด้าวคนอื่นๆซึ่งในวันที่เกิดเหตุนี้เธอและเพื่อนๆที่เป็นชาวต่างด้าวด้วยกันต้องเดินทางมาที่จังหวัดชลบุรีเพื่อมาทำการซื้อของหลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ชักชวนกันแวะมาเที่ยวเล่นที่บริเวณแหลมแท่นบางแสน    เมื่อพักผ่อนกันได้สักระยะหนึ่งก็ได้ ชวนกันขึ้นรถกลับบ้านซึ่งตัวเธอเองนั้นลืมอุ้มลูกขึ้นรถไปด้วย 

        เมื่อออกมาจากบริเวณจังหวัดชลบุรีได้สักระยะหนึ่งได้มีการแวะปั๊มน้ำมันจึงมารู้ตัวอีกทีนึงว่าลูกสาวไม่ได้อยู่บนรถหลังจากนั้นก็ได้พากันขับรถกลับมาตรงบริเวณหาดแหลมแท่นบางแสนอีกครั้งเพื่อตามหาลูกจนทราบว่ามีพลเมืองดีมารับตัวรูปไปไว้ที่สถานีตำรวจจึงเดินทางมาที่สถานีตำรวจเพื่อรับตัวลูกสาวกลับบ้าน  

        อย่างไรก็ตามหญิงสาวชาวต่างด้าวซึ่งเป็นแม่ของเด็กยืนยันว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะทิ้งลูกสาวเอาไว้แต่เกิดเหตุสุดวิสัยที่เธอลืมลูกไว้จริงๆ  จากการตรวจสอบข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอบถามเด็กพบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ปกครองของเด็กจริงๆจึงได้ให้รับตัวเด็กกลับไปและไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆ 

  สำหรับเหตุการณ์ที่ผู้ปกครองลืมลูกของตัวเองในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจในลูกสาว   เพราะปกติแล้วพ่อแม่จะต้องให้ลูกอยู่ใกล้ตลอดเวลาแต่นี่กลับขึ้นรถและออกจากจุดเกิดเหตุไปได้สักระยะหนึ่งถึงพึ่งมารู้ว่าลูกไม่ได้อยู่กับตัวเองแสดงให้เห็นถึงการไม่รักและไม่ใส่ใจของลูกตนเอง