พ่อเลี้ยงฆ่าลูกเลี้ยงท้อง 7 เดือน เหตุเพราะอิจฉา 

           สำหรับเรื่องราวของความอิจฉาริษยากันนั้นเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่หรือแม้แต่คนชรานอกจากนี้ยังเกิดขึ้นได้ทั้งคนในครอบครัวกันเองและคนในที่ทำงานเรียกว่าในยุคสังคมทั้งในอดีตและปัจจุบันนั้นมักจะมีปัญหาเรื่องของการอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันและผลของการอิจฉาริษยานั้นก็ไม่ส่งผลดีต่อใครเลย

พ่อเลี้ยงฆ่าลูกเลี้ยงท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถูกอิจฉาริษยาหรือแม้แต่คนที่เป็นคนอิจฉาริษยาเองก็จะได้รับผลจากอารมณ์ดังกล่าวมากน้อยไม่แตกต่างกัน

      สำหรับเหตุการณ์ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวรายหนึ่งเธอถูกพ่อเลี้ยงของเธอฆ่าตายเนื่องจากว่าพ่อเลี้ยงของเธอนั้นเกิดความอิจฉาริษยาในตัวลูกเลี้ยงของตนเองเพราะว่าแม่เลี้ยงของฝ่ายหญิงให้ความรักและความสนใจลูกเลี้ยงมากกว่าสามีทำให้ผู้เป็นสามีและเป็นพ่อเลี้ยงของคนที่ตายเกิดความอิจฉาริษยาจึงได้ก่อเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น

        สำหรับเหตุการณ์ฆาตกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2562 

เมื่อมีหญิงวัย 29 ปีซึ่งเป็นหญิงท้องประมาณ 7 เดือนได้ถูกพ่อเลี้ยงใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะจนถึงแก่ความตาย  โดยจากการตรวจสอบข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการซักถามญาติของผู้เสียชีวิตให้การยืนยันว่าผู้ที่ฆ่าสาวท้อง 7 เดือนนั้นเป็นพ่อเลี้ยงของผู้เสียชีวิตเอง   ซึ่งพ่อเลี้ยงคนนี้มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของผู้เสียชีวิตซึ่งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงของผู้เสียชีวิตได้รับตัวผู้เสียชีวิตมาเลี้ยงเป็นลูกตั้งแต่เด็ก

         อย่างไรก็ตามฝ่ายชายซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงค่อนข้างที่จะเป็นคนขี้หึงและหวงภรรยาของตนเองมากต้องการให้ภรรยาของตนเองและเข้าใจตนเองมากกว่าคนอื่น  หวยดี   ปรากฏว่าทางด้านภรรยานั้นค่อนข้างเอาใจลูกเลี้ยงมากเป็นพิเศษทำให้พ่อเลี้ยงเกิดความรู้สึกอิจฉาไม่พอใจ 

ก่อนวันเกิดเหตุนั้นพ่อและแม่เลี้ยงของผู้เสียชีวิตได้ทะเลาะกันทำให้ผู้เป็นพ่อเลี้ยงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจหลังจากที่ภรรยาของตนเองหนีไปอยู่ต่างจังหวัดจึงได้ก่อเหตุฆาตกรรมลูกเลี้ยงเนื่องจากเห็นว่าภรรยาของตนเองรักลูกเลี้ยงคนนี้มาก 

           อย่างไรก็ตามหลังจากก่อเหตุแล้วพ่อเลี้ยงได้หลบหนีออกจากพื้นที่ซึ่งในขณะนี้มีคนเห็นว่าผู้ก่อเหตุได้หนีไปกบดานอยู่แถวจังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งประสานนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสัญญาว่าจะสามารถควบคุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีภายใน 7 วันซึ่งถ้าหากว่าหลังจากนี้คนร้ายยังไม่เข้ามามอบตัวก็อาจจะมีการจับตาย

        ดังนั้นเรื่องนี้จึงสามารถเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนนั้นใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและควรที่จะฝึกสงบจิตใจของตนเองไม่ให้เกิดความอิจฉาริษยาซึ่งกันและกันเพราะความอิจฉานั้นไม่ทำให้ใครมีความสุขและอาจจะส่งผลทำให้ก่อเหตุรุนแรงเหมือนกับเหตุการณ์ฆาตกรรมรายนี้ก็ได้

ดราม่า ไม่พอใจเอารถไปจอดหน้าบ้านพักหมอถูกล็อคล้อ ปรับ 200 

         เมื่อวันที่ 30 เดือนมีนาคมปีพศ. 2565 ในโลกออนไลน์ได้มีการถกเถียงกันกับเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งมีการโพสต์เล่าเรื่องราวผ่านทาง App tiktok

ถูกล็อคล้อ ปรับ 200 ออกมาโวยวายการทำงานของทางโรงพยาบาลกับคุณหมอของทางโรงพยาบาลโดยใช้หนุ่มรายนี้ระบุว่าแฟนของเขาได้มีการพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเนื่องจากว่าลูกมีอาการไข้ขึ้นสูงเมื่อขับรถไปถึงทางโรงพยาบาลแล้วปรากฏว่าไม่มีที่จอดรถดังนั้นแฟนของเขาจึงได้นำรถไปจอดไว้บริเวณหน้าบ้านพักของคุณหมอ

ซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาลนั่นเองอย่างไรก็ตามหลังจากที่พาลูกพบแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับบ้านปรากฏว่าเมื่อเดินมาที่รถพบว่ามีการล็อคล้อแล้วเมื่อมีการไปสอบถามกับทางรปภพบว่าเป็นนายแพทย์เข้ามาทำการล็อคล้อและจะต้องมีการจ่ายเงินค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 200 บาท

       สาเหตุที่ชายราย นี้ต้องออกมาโวยวายผ่านทาง Social นั้นก็เพราะว่าหลังจากที่แฟนของเขาจ่ายเงินค่าปรับ 200 บาทแล้วทางด้านนายแพทย์กับไม่ยอมเดินทางมาปลดล็อคล้อรถให้ทำให้แฟนของเขาต้องโทรตามให้เขาไปรับเพื่อพาลูกกลับบ้าน

ซึ่งกว่าทางคุณหมอจะเดินทางมาปลดล็อคล้อให้ก็เป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงโดยเข้าไปทงโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเที่ยงแต่แพทย์กลับมาปลดล็อคล้อรถให้กับเขาช่วง 18:00 น ทำให้เขานั้นต้องเสียเวลาขับรถไปกลับระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลถึง 3 รอบด้วยกันคิดเป็นระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร

       ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของคุณหมอเป็นอย่างมากโดยชายรายนี้ยืนยันว่าเขายอมรับได้กับเงินค่าปรับที่ต้องเสีย

เพราะว่าแฟนของเขานั้นทำผิดจริงไปจอดรถในที่ห้ามจอดแต่เมื่อเสียค่าปรับแล้วก็ควรจะรีบมาปลดล็อคให้เพื่อที่เขาจะได้ใช้รถแต่เขาต้องมาเสียเวลาขับรถไปกลับอยู่หลายครั้งรออยู่นานนายแพทย์ก็ไม่ยอมมาปลดล็อคล้อให้สักทีทั้งทั้งที่เขานั้นก็รีบจ่ายเงินค่าปรับให้แล้วนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ผู้คนต่างออกมา comment กันมากมายโดยส่วนใหญ่นั้นมองว่าการกระทำของภรรยาของชายเจ้าของโพสต์นั้นเป็นการกระทำความผิดเพราะไปจอดรถในที่ห้ามจอดที่ไม่ใช่ในพื้นที่สาธารณะซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยจะมีกฏอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของการจอดรถในที่ห้ามจอดจะต้องถูกล็อคล้อดังนั้นไม่สามารถที่จะออกมาโวยวายร้องขอความเป็นธรรมได้

       อย่างไรก็ตามมีชาวโซเชียลหลายคนแนะนำว่าหากไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแล้วหาที่จอดรถไม่ได้ควรส่งผู้ป่วยไปที่แผนกฉุกเฉินก่อนหลังจากนั้นก็ไปวนหาที่จอดรถข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้ามาที่โรงพยาบาลจะเป็นการดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดและมีปัญหาตามมาภายหลัง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยดี