เด็กประถม 2 ทะเลาะกับเพื่อนยายกับแม่เลยมาด่าเพื่อนที่โรงเรียน

          จากกรณีที่มีการแชร์คลิปมีผู้ปกครองเป็นยายและแม่ของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ไม่ได้ระบุชื่อโรงเรียนว่าเรียนที่ไหน จังหวัดอะไรได้เข้ามาด่าเด็กอีกคนถึงภายในห้องเรียน โดยทั้งแม่และยายไม่พอใจที่มีเด็กอีกคนมาทะเลาะกับหลานสาวและลูกสาวตนเอง จึงได้พากันมาชี้หน้าด่าเด็กที่ทะเลาะกับหลานตัวเองถึงในห้องเรียน คุณครุประจำชั้นพยายามอธิบายเรื่องให้ฟังก็ไม่พอใจและหันไปต่อว่าคุณครูเพิ่มด้วย

       เมื่อคลิปมีการเผยแพร่ออกมาผู้คนที่ได้เห็นคลิปต่างก็พากันวิจารณ์ผู้ใหญ่ทั้งสองคนว่าเป็นกิริยาที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งเพราะเรื่องแค่เด็กทะเลาะกัน  เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว ควรให้ครูประจำชั้นจัดการเพราะเหตุเกิดภายในโรงเรียน และที่สำคัญทั้งยายและแม่ไม่ควรไปด่าเด็กคู่กรณีต่อหน้านักเรียนคนอื่นด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบนั้นเพราะเด็กๆอยู่เพียงชั้น ป. 2 อายุแค่เพียง 8 ปีเท่านั้น ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยกลับต้องมาเจอคนยืนด่า

        สำหรับข่าวนี้เข้าใจว่าลูกหลานของใคร คนนั้นก็รัก แต่บางครั้งผู้ปกครองควรรักลูกหลานตัวเองแบบมีสติ การที่เด็กๆทะเลาะกัน ต่อให้เราไม่พอใจอย่างไร เราที่เป็นผู้ใหญ่ต้องเข้าไปคุยกับเด็กดีๆ ถามถึงสาเหตุที่ทะเลาะกัน

อย่าเพิ่งเชื่อแต่ลูกหลานของตนเองฝ่ายเดียว ควรมีการนำเด็กทั้งสองมาคุยกันต่อหน้าเชิญผู้ปกครองของเด็กทั้งสองฝ่ายมาฟังและให้คุณครูที่โรงเรียนเป็นพยาน ควรคุยกับเด็กด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล ไม่หยาบคาย ให้เด็กทั้งสองคนเล่ามาแล้วเราจะได้รู้ว่าเหตุการณ์จริงๆแล้วเป็นอย่างไรแล้วหาทางช่วยกันแก้ไขให้เด็กทั้งสองคนกลับมาคืนดีกัน

เพราะยังไงเด็กทั้งสองคนก็ยังต้องเรียนอยู่ในห้องเดียวกันอีกหลายปีกว่าจะจบ หากแต่ผู้ปกครองมายืนชี้หน้าด่าเด็กอีกคนหนึ่งแล้ว ในอนาคตเด็กทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกันได้อย่างไร แล้วยังจะมีเรื่องของพ่อแม่ของเด็กที่โดนด่าอีก เมื่อเขาเห็นคลิปย่อมไม่พอใจแล้วเรื่องก็จะบานปลายแทนที่จะทะเลาะกันเฉพาะเด็กๆ

กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็จะไม่ถูก ทางที่ดีหากเด็กทะเลาะกันปล่อยให้เขาปรับความเข้าใจกันเอง เราเป็นพ่อแม่ควรรับฟังและให้คำแนะนำว่าเขาควรแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่ไม่ควรไปก้าวก่ายเรื่องของเด็กๆ หากพ่อแม่ไม่พอใจมากก็ควรให้คุณครูเป็นคนสอบสวนและจัดการ เพราะเป็นเรื่องภายในโรงเรียน ดังนั้น เราที่เป็นผู้ปกครองไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเด็กๆ สังคมถึงจะน่าอยู่มากกว่านี้

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

สามียายวัย 64 ปี อ้างไม่เคยบังคับขอทาน

สามียายวัย 64 ปี อ้างไม่เคยบังคับขอทาน ส่วนที่ตบนั้นเพราะรักและหึงหวง

          ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวเกี่ยวกับหญิงสูงอายุคนหนึ่งวัย 64 ปีถูกบังคับจากสามีหนุ่มวัย 41 ให้มาเป็นขอทานเพื่อนำเงินไปให้ตัวเองซื้อเหล้าเหนื่อยหญิงชราคนดังกล่าวยังบอกอีกว่าอยากจะเลิกกับสามีหนุ่มแต่ก็กลัวจะถูกทำร้ายเพราะทุกวันนี้ตนเองก็ถูกตบตีจากสามีหนุ่มอยู่ทุกวันหลังจากขอทานเสร็จแล้ว

ตอนเย็นก็ต้องรีบกลับบ้านไปหุงหาอาหารให้กับสามีหนุ่มกินซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางนักข่าวหลังจากได้มีการคุยเรื่องราวนี้กับทางคุณยายวัย 64 ปีก็ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐให้ลงมาดูแลช่วยเหลือคุณยาย

ซึ่งหลังจากที่มีข่าวเผยแพร่ออกไปทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการลงพื้นที่อีกรอบหนึ่งเพื่อติดต่อขอพูดคุยกับสามีของคุณยายวัย 41 ปีถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งสามีของคุณยายนั้นก็ให้สัมภาษณ์นักข่าวโดยบอกว่าตนเองชื่อนายทวีชัยได้คบหาอยู่กินกับนางสุรินทร์ภรรยาคนปัจจุบันนี้มาประมาณสามปีกว่าแล้ว และเรื่องที่บอกว่าตนเองบังคับให้ไปขอทานนั้น

ก็ไม่เป็นความจริง ชอบเล่นจริงนั้นก็คือระยะ 1 ปีให้หลังมานี้ต้นและนาง Slim ไม่ค่อยมีเงินเป็นได้คิดกันว่าจะลองไปหาขอทานดูโดยให้นางสุรินทร์ไปนั่งขอทานบริเวณแถวปั๊มน้ำมันซึ่งตนเองก็ไปส่งทุกครั้งอย่างวันแรกที่นั่งเสด็จไปนั่งขอทานตัวเองก็นั่งอยู่ด้วยถึง 2 ชั่วโมงซึ่งก็ได้เงินมาประมาณ 200 กว่าบาทโดยสามีของนางสุรินทร์ยืนยันว่าไม่เคยบังคับเอาเงิน

จากนางสุรินทร์เลยเพียงแต่บอกให้นางสุรินทร์ไม่ต้องเก็บเงินเองให้เอามาฝากที่นายทวีชัยทั้งหมดแทนโดยนายทวีชัยจะเป็นคนเงินให้เพราะกลัวหนังสือจะทำหายส่วนเรื่องของรถมอเตอร์ไซค์มือสองที่นางสุรินทร์อ้างถึงว่าตนเองเอารถมาแล้วก็บอกให้นำ Slim ผ่อนส่งนั้นเป็นรถจักรยานที่ซื้อมาเพื่อต้องการที่จะเอามาขี่ไปรับไปส่งนางสุรินทร์ในการไปขอทานจะได้ไม่ต้องนั่งรถเมล์ให้เมื่อยและเหตุผลที่นายทวีชัยไม่ได้ไปนั่งขอทานร่วมกับนางสุรินทร์นั้น

เพราะว่าเคยไปนั่งขอทานแล้วแต่ไม่มีคนให้เงินซึ่งนายทวีชัยมองว่าอาจจะเป็นเพราะว่าตนเองยังมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์และยังดูเด็กสามารถทำงานได้คนก็เลยไม่ยอมให้ทำให้จึงส่งนางสุรินทร์ไปขอทานคนเดียวส่วนที่ทุกวันนี้นายทวีชัยบอกว่าตนเองไม่ได้ทำงานนั้นก็เพราะว่าเขาไม่มีบัตรประชาชนทำให้ไม่สามารถไปสมัครงานที่ไหนได้ด้วย

เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะนำเงินที่นางสุรินทร์ไปขอทานนั้นไปเช่าห้อยู่ปัจจุบันยังไม่มีที่พักอาศัยทั้งตัวเขาและนางสุรินทร์เองต่างก็ต้องอาศัยนอนที่วัดและเรื่องที่นางสุรินทร์บอกว่าตัวเองทำร้ายร่างกายนั้นยอมรับว่ามีการตบตีกันจริงเนื่องจากนางสุรินทร์ชอบหนีแล้วตนเองเกิดอาการหึงหวงจึงได้มีการทำร้ายร่างกายซึ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพราะว่าเกิดจากความรักของนางสุรินทร์นั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  next88 ฟรี เครดิต

จับกุมนักพนันในบ่อนที่จังหวัดนครนายก

           มีรายงานข่าวว่า  ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้รับการโทรศัพท์จากหญิงสาวรายหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อให้เข้าไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งในจังหวัดนครนายกเนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวมีการลักลอบแอบเปิดเป็นบ่อนเพื่อเล่นการพนัน ซึ่งที่เธอต้องมาแจ้งความเพราะว่าบ่อนแห่งนี้เปิดมานานแล้ว

แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปจับกุม และที่สำคัญสามีและลูกชายของเธอเล่นการพนันกับบ่อนนี้ทุกวัน จนติดงอมแงมและทั้งสองคนยังขโมยของที่บ้านเอาไปขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้พนันด้วย ทำให้เธอทนไม่ไหวอีกต้องไปจึงได้มีการโทรเข้ามาที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบด้วย

ซึ่งเมื่อชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ได้รับแจ้งก็ส่งสายสืบลงเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบว่ามีการลักลอบเปิดบ่อนพนันจริงจึงให้สายสืบทดลองแฝงตัวเข้าไปเล่นพนันด้วย พบว่ามีคนมาเล่นเป็นจำนวนมากและในแต่ละวันมีเงินหมุนเวียนในบ่อนนี้เป็นจำนนวนเงินหลักล้าน

จึงได้ทำการเข้าจับกุม โดยสามารถจับกุมผู้เล่นพนันได้ทั้งสิ้น 50 คน และยึดเงินและรถยนต์ไว้ได้ 13 คัน โดยมีหญิงสาวรายหนึ่งชื่อ รุ้ง รับเป็นเจ้าของบ่อน 

          ที่จริงแล้วในกรุงเทพตามตรอกซอกซอยหรือตามต่างจังหวัดก็มีการเปิดบ่อนเพื่อให้เล่นพนันกันค่อนข้างเยอะและส่วนใหญ่คนในพื้นที่จะทราบอยู่แล้วว่าบ้านไหนมีการเปิดเป็นบ่อนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทุกคนจะไม่ค่อยสนใจ เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

หรือแม้แต่บางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ทราบว่าที่ไหนมีบ่อนบ้างซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีการกินเงินใต้โต๊ะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าที่ไหนเปิดเป็นบ่อน การที่จะเข้าไปทำการจับกุมพวกลักลอบเปิดบ่อนเพื่อให้เล่นการพนันนั้น ต้องได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในการที่จะแจ้งเบาะแสสถานที่ให้ตำรวจทราบ

และตัวตำรวจเองก็ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรเห็นแก่เงินแก่ประโยชน์ของตัวเอง แต่ใครๆก็รู้ว่าเรื่องที่ตำรวจจะไม่รับสินบนนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็พบเห็นแต่ตำรวจที่เรียกเก็บเงินตลอด เมื่อมีตำรวจดีเข้าในเขต บรรดาตำรวจที่ไม่ดีก็จะคอยกลั่นแกล้ง และกำจัดทำให้ตำรวจดีหมดกำลังใจที่จะปฏิบัติงานให้ดี บางคนก็ต้องขอย้ายหนีไปที่อื่น หรือบางครั้งก็กลายเป็นตำรวจไม่ได้ตามเขาไปเสียเลย 

          สำหรับเรื่องนี้ ผู้แจ้งคงทราบดีอยู่แล้วว่าถ้าแจ้งตำรวจที่จังหวัดของตนคงไม่มีใครไปปิดบ่อนเป็นแน่ จึงได้โทรมาที่ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เพื่อให้ดำเนินการให้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  entaplay line

หญิงจีนหวิดดับ เหตุเพราะร้องคาราโอเกะ

หญิงจีนหวิดดับ เหตุเพราะร้องคาราโอเกะแล้วใช้พลังเสียงสูงจนเส้นเลือดในสมองแตก

            เมื่อวันที่ 24   เดือนมิถุนายน ปี  พ. ศ. 2563    มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งในประเทศจีนระบุเอาไว้ว่าได้มีหญิงสาวคนหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลังจากที่เธอนั้นก็ไปร่วมงานปาร์ตี้ร้องคาราโอเกะร่วมกับคนในครอบครัวของเธอเองด้วยรายงานข่าวระบุว่าเธอได้รับการตรวจรักษาอย่างเร่งด่วน

ผมก็กดมาพบว่าเธอนั้นมีอาการของเส้นเลือดโป่งในสมองและเส้นเลือดในสมองแตกซึ่งรายงานข่าวระบุออกมาว่าสาเหตุนั้นเกิดมาจากการที่เธอนั้นไปร้องคาราโอเกะแล้วเธอพยายามที่จะร้องเสียงสูงให้ได้มากที่สุดจึงเป็นสาเหตุทำให้เส้นเลือดในสมองของเธอน้ำแตกซึ่งในระหว่างที่เธอร้องเพลงอยู่นั้นเธอมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและอาเจียนออกมา

ถึงแยกๆนั้นต้องพากันนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลและเมื่อถึงโรงพยาบาลคุณหมอได้มีการทำทีซีสแกนศีรษะของเธอก็พบเรื่องของปัญหาเส้นเลือดโป่งพองในสมองนั่นเองอย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ทางสำนักข่าวได้ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 เดือนมิถุนายนปีพศ2563

ซึ่งหญิงคนดังกล่าวนั้นเป็นคนจีน  เธอมีแซ๋จาง แล้วเธอเป็นหญิงวัย 55 ปี ซึ่งญาติของเธอนั้นให้ข้อมูลว่าเธอเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมากและมักจะร้องเพลงเสียงสูงอยู่เสมอเสมอยังไงก็ตามคุณหมอได้ระบุถึงเคสของเธอว่าโชคดีที่เธอนั้นรีบมารักษาตัวอย่างทันท่วงทีซึ่งอาการของเธอนั้นต้องรีบผ่าตัดโดยด่วนๆดังนั้นหากมารักษาช้ากว่านี้ก็อาจจะทำให้เธอนั้นเสียชีวิตลงได้อย่างไรก็ตามคุณหมอได้มีการส่งตัวหญิงสาวคนดังกล่าวเข้าห้องผ่าตัด

และใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดนานถึง 2 ชั่วโมงหลังจากนั้นจึงพาตัวหญิงสาวคนดังกล่าวพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลยังไงก็ตามคุณหมอที่ดูแลอาการของเธอได้ออกมาพูดถึงอาการโรคสมองโป่งว่าโรคนี้โดยปกติแล้วใครที่เป็นก็จะมักไม่รู้ตัวเพราะจะไม่มีอาการอะไรบ่งบอกเลยยกเว้นว่าจะมีการแสดงอาการก็ต่อเมื่อคนที่เป็นโรคนี้นั้น

ผมทำให้ร่างกายเกิดสภาวะตื่นเต้นอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหนักๆหรือแม้แต่การร้องเพลงก็อาจจะทำให้โลกนี้กำเริบขึ้นมาได้ซึ่งเมื่ออาการกำเริบก็จะทำให้เส้นเลือดในสมองนั้นแตกส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิตซึ่งถ้าหากมาไม่ทันหญิงสาวคนดังกล่าวอาจจะเสียชีวิตได้ตลอดเวลา

             ช่วงนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีอาการที่เป็นโรคแปลกๆดังนั้นหากมีเวลาก็ควรจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกายประจำปีกันอยู่เป็นประจำจะดีที่สุดเพราะว่าเชื้อโรคนั้นมีอยู่ตามอากาศทั่วไปและคนเรานั้นก็มีความเครียดมากอาจจะทำให้เกิดโรคประจำตัวอยู่ในร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นไปได้ดังนั้นเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเราจึงควรออกกำลังกายและมันไปตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  rb88 สล็อต

ช็อคกันทั้งห้างดิวตี้ฟรี เมื่อมีหนูหลายสิบตัวพากันมากินขนมอย่างเอร็ดอร่อย 

            เป็นข่าวช็อกสำหรับคนในประเทศมาเลเซียรวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะเดินทางไปเที่ยวมาเลเซียกันเลยทีเดียวสำหรับคลิปวีดีโอที่กำลังมีการเผยแพร่กันอยู่ในขณะนี้โดยคลิปดังกล่าวนั้นจะเป็นคลิปวีดีโอเกี่ยวกับการถ่ายสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นร้านขนมและมีหนูเป็นจำนวนมากกำลังกินขนมกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยคลิปดังกล่าวนั้นถ่ายได้จากกล้องวงจรปิด

ซึ่งอยู่ภายในร้านอย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ไม่ได้รับการเปิดเผยว่าคลิปดังกล่าวนั้นหลุดรอดออกมาจากภายในร้านได้อย่างไรแต่ก็สร้างความเสียหายให้กับร้านค้าแห่งนี้เป็นอย่างมากซึ่งเมื่อมีการสืบค้นพบว่าร้านค้าที่มีหนูกำลังกินอาหารและกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น

เป็นร้านที่เปิดในห้างดิวตี้ฟรีของประเทศมาเลเซียซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ.2563 แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่เท่าไหร่แต่มีการแชร์กันใน Facebook ของมาเลเซียอย่างกว้างขวางเมื่อวันที่ 19 เดือนมิถุนายน  ปี พ.ศ.2563 นี้เอง

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าจากรูปภาพที่เราเห็นในคลิปนั้นจะมีหนูจำนวนมากที่เข้าไปกินช็อกโกแลตและกินขนมซึ่งถ้ามุมมองในของนักท่องเที่ยวจะมองเห็นว่าห้างบิวตี้ฟูลแห่งนี้คงจะไม่สะอาดและไม่ได้มาตรฐานอย่างที่คิดเอาไว้เพราะสามารถเก็บรวบรวมหนูไว้ได้หลายสิบตัว

และปล่อยให้หนูเหล่านั้นมากินอาหารในห้างดิวตี้ฟรีซึ่งควรจะเป็นห้างที่มีความสะอาดเพราะเป็นหน้าเป็นตาของประเทศและยังต้องรองรับนักท่องเที่ยวจากหลายชาติหลายภาษาให้มาเที่ยวที่นี่รวมถึงเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าที่นักท่องเที่ยวนั้น

จะซื้อเป็นของฝากกลับไปยังประเทศของพวกเขาดังนั้นผลเสียจึงตามมาค่อนข้างมากเมื่อมีคลิปนี้หลุดออกมาทำให้ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศมาเลเซียเองหรือนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอาจจะเกิดอาการเข็ดขยาดไม่อยากจะซื้อของในห้างดิวตี้ฟรีแห่งนี้ก็ได้เพราะจะไม่มั่นใจในมาตรฐานความสะอาดของทางห้างและของร้านแห่งนี้

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ได้มีทางผู้บริหารของทางห้าง Duty Free ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรแต่อย่างไรก็ตามเรื่องอื้อฉาวแบบนี้กำลังมีการเผยแพร่กันอย่างกว้างขวางไม่เฉพาะภายในประเทศของมาเลเซียเท่านั้นตอนนี้คลิปวิดีโอดังกล่าวนั้นถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เผยแพร่นั้นจะสร้างผลเสียมากกว่าผลดีให้กับทาง Duty Free แห่งนั้น

แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่เป็นปรากฏอยู่ในคลิปนั้นอาจจะได้รับความเสียหายเพราะลูกค้าคงจะไม่ไว้วางใจในความสะอาดของร้านและไม่กล้าที่จะกินอาหารของร้านเพราะเกรงว่าอาจจะเป็นอาหารที่อาจจะมีพวกหนูแอบเข้าไปกินหรือไปเลียแล้วทำให้อาหารสกปรกและอาจจะนำมาซึ่งเชื้อโรคต่างๆที่มีหนูเป็นพาหนะก็เป็นไปได้

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน มั่นคง

ตัดหัวฆ่าลูกเพราะอับอาย

สาว 13 ปีถูกพ่อแท้ๆย่องไปตัดหัวหลังสร้างความอับอายให้ครอบครัวด้วยการหนีคดีอยู่กับผู้ชาย 

    ที่ประเทศอิหร่าน สำนักข่าวแห่งหนึ่งรายงานข่าวว่า มีครอบครัวหนึ่งได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจบอกว่าลูกสาวของเขานั้นอายุ 13 ปีได้หายตัวออกไปจากบ้านซึ่งเขามีความเชื่อมั่นว่าลูกสาวของเขานั้นอาจจะหนีไปอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง

ซึ่งอายุห่างกันถึงโดยผู้ชายคนดังกล่าวนั้นมีอายุสูงถึง 34 ปีด้วยกันซึ่งครอบครัวของฝ่ายหญิงนั้นได้พยายามกีดกันไม่ให้ลูกสาวไปอยู่กับผู้ชายที่มีอายุมากขนาดนั้นแต่ดูเหมือนว่าเด็กสาววัย 13 ปีจะไม่เชื่อฟังและได้หายตัวออกไปจากบ้าน

ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการติดตามตัวจนใช้ระยะเวลาในการตามหาตัว 5 วันก็พบว่าหญิงสาววัย 13 ปีเล่นหนีไปอยู่กับชายอายุ 34 ปีจริงๆทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวหญิงสาวกลับมาส่งให้พ่อแม่ที่บ้านซึ่งระหว่างทางนั้นเธอได้ขอร้องอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะได้ส่งตัวเธอกลับไปที่บ้านเลยเพราะเธอเกรงว่าพ่อของเธอนั้นถ้าเธอแน่นอนเมื่อเธอกลับไปถึงบ้าน

แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีทางเลี่ยงเพราะตามหลักกฎหมายแล้วจะต้องมีการทรงตัวเด็กไปให้กับผู้ปกครองเท่านั้นและเมื่อหญิงสาวกลับไปถึงบ้านในระหว่างที่เธอกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องนอนของเธอนั้นเองพ่อของเธอก็ได้นำเคียวเกี่ยวหญ้ามาทำการตัดที่ศีรษะของเธอจนขาดกระเด็น

จนเป็นสาเหตุทำให้เธอนั้นเสียชีวิตคาที่ทันทีหลังจากนั้นพ่อของเธอก็ได้มีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเกิดเหตุมีคนถูกตัดคอเสียชีวิตอยู่ที่บ้านพักและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงพ่อของหญิงสาวก็ได้ยินยอมมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยเขาให้เหตุผลในการฆ่าลูกสาวของตนเองในการนี้ว่าลูกสาวของเขานั้นสร้างความอับอายความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับครอบครัวเป็นอย่างมากด้วยการที่เธอหนีออกจากบ้านไปอยู่กับผู้ชายซึ่งผู้ชายคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ชายที่ทางครอบครัวไม่ยอมรับอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมผู้ก่อเหตุไปไว้ที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว

แต่สำหรับในเรื่องของการพิพากษาดำเนินคดีนั้นเชื่อว่าชายคนดังกล่าวนั้นจะไม่ถูกสั่งประหารชีวิตแน่นอนเนื่องจากว่าบทลงโทษของศาสนาอิสลามนั้นมีการยกเว้นสำหรับผู้ปกครองที่จะสามารถฆ่าบุตรของตนเองได้โดยหากบุคคลนั้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้ปกครองของตนเอง

ซึ่งเป็นการทำผิดกฎทางศาสนานั้นเองเพราะของเด็กอาจจะถูกจำคุกแต่จะไม่ถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอนสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยข้อมูลว่าสำหรับผู้ที่เสียชีวิตจากการที่ถูกฆ่าเพราะครอบครัวอับอายนั้นมีจำนวนมากโดยเชื่อกันว่าจำนวนผู้ที่ถูกฆ่าตายจากการถูกฆ่าเพื่อล้างความอายนั้นมีมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของยอดคนตายทั้งหมดภายในประเทศเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  sagame

จับได้ครบซะที แก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ ตำรวจปิดคดีอย่างสวยงาม

           หากยังเคยจำกันได้ดีเกี่ยวกับคดีหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคดีนี้มาอย่างยาวนานหลายเดือนนั่นคือคดีแก็งอุ้มบุญซึ่งคดีดังกล่าวนั้นหากนับย้อนไปแล้วเป็นคดีที่สร้างความตกใจให้กับคนไทยอย่างมากโดยคดีดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีเพื่อนบ้านหลังหนึ่งได้มีการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สงสัยว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นจะมีการค้ายากัน

หรือไม่หรือมีการค้าประเวณีกันหรือไม่เนื่องจากว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านหลังใหญ่เหมือนบ้านคนรวยทั่วไปแต่ที่แตกต่างกันก็คือชาวบ้านมักจะเห็นผู้หญิงอยู่อาศัยภายในบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นจำนวนมากและส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยในบ้านหลังเก่านั้น

ก็มักจะเป็นหญิงสาวที่มีการตั้งครรภ์อยู่และเมื่อทั้งเจ้าหน้าที่ได้ทำการขอหมายค้นเข้าไปตรวจค้นก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีหญิงสาวเป็นจำนวนมากซึ่งมีการตั้งครรภ์อยู่และยังมีชายชาวต่างชาติซึ่งเป็นชาวจีนรวมถึงมีหมอและแม่บ้านคอยดูแลและเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนก็พบว่าหญิงสาวดังกล่าวนั้น

เป็นหญิงสาวชาวไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์ซึ่งเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้วเด็กทารกจะถูกนำตัวส่งไปที่ประเทศจีนดูเหตุการณ์ครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถสืบค้นจนทราบได้ว่าเป็นการทำแบบกระบวนการซึ่งมีการนำเด็กทารกนั้นไปขายให้กับคนจีนเป็นจำนวนหลายร้อยคนแล้วและหากย้อนเป็นระยะเวลาตั้งแต่ครั้งนี้เริ่มต้นกิจการมาก็พบว่าเด็กแต่ละคนจะถูกส่งตัวไปที่ประเทศจีนและไม่เคยกลับมาที่เมืองไทยอีกเลยซึ่งเราไม่รู้ว่าปลายทางแล้ว

เด็กไปอยู่ที่เมืองจีนในลักษณะแบบไหนกันแน่โดยแม่แต่ละคนที่มาอุ้มบุญนั้นจะได้ค่าคอมบุญคนละประมาณห้าแสน บาทหลังจากที่มีการคลอดเด็กออกแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวบริเวณย่านลาดพร้าวในเขตกรุงเทพฯนี่เองอย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการจับกุมตัวผู้คนที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการขยายผลออกไปจนสามารถที่จะทำการปิดคดีนี้ได้ในที่สุดโดยก่อนหน้านั้นได้มีการเปิดคดีนี้ขึ้นเมื่อวันที่ 13 เดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ 2553

ซึ่งในครั้งนั้นจับตัวคนร้ายได้ทั้งสิ้น 10 คนแต่หลังจากที่ปิดคดีเรียบร้อยแล้วเราสามารถที่จะควบคุมตัวคนร้ายได้ทั้งหมด 30 คนด้วยกันซึ่งจะมีทั้งในหน้าชาวจีนและมีในหน้าที่เป็นคนไทยที่เป็นคนจัดหาผู้หญิงมาทำการอุ้มบุญและยังมีเรื่องของคนที่คอยให้ความสะดวกสบายกับผู้หญิงที่คอยอุบลนั่นก็คือกลุ่มแม่บ้านและคนขับรถและยังมีคนคอยที่จะดูแลเด็ก

ที่เพิ่งคลอดออกมาใหม่ๆก่อนที่จะส่งตัวไปที่ประเทศจีนรวมถึงยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่คอยมาดูแลผู้หญิงในช่วงที่มีการคลอดบุตรอีกด้วยซึ่งครั้งนี้คนทั้ง 23 คนนี้ทำการจับกุมได้หมดแล้วยังเหลือเพียงแค่อีกคนเดียวเท่านั้นซึ่งตอนนี้หนีคดีอยู่ที่ประเทศจีนแต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยก็ได้มีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

 

สนับสนุนโดย  sagame เอเชีย

สังหารโหด ฆ่าปาดคอ ทิ้งศพประจานไว้หน้าบ้าน

       ที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีเหตุการณ์สังหารโหดหญิงสาววัยกลางคนอายุประมาณ 47 ปีที่บ้านพักของเขาโดยมีรายงานข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 13 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้ที่ไปพบศพหญิงสาว

คนดังกล่าวในช่วงเช้ามืดจึงได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบศพเมื่อทางเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงก็พบว่าบ้านดังกล่าวเป็นของนางพิลาจันทร์และศพที่อยู่หน้าบ้านของนางพิลาจันทร์นั้นก็คือนางพิลาจันทร์นั่นเอง 

ซึ่งสภาพศพของนางพิลาจันทร์  พบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายทั้งที่ศีรษะและบริเวณลำคอโดยที่หัวนั้นมีการถูกของแข็งทุบตีและที่ลำคอของนางพิลาจันทร์มีร่องรอยการถูกปาดคอโดยคนที่มาพบศพคนแรกได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองเดินผ่านมาบริเวณนี้พอดีเห็นว่ามีคนนอนอยู่ที่หน้าบ้านของนางพิลาจันทร์ จึงได้เดินเข้ามาดูแล้วก็พบว่านางพิลาจันทร์ กลายเป็นศพไปเสียแล้วทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งสันนิษฐานเอาไว้ว่าสาเหตุที่มีคนฆ่านางพิลาจันทร์นั้น

น่าจะมาจากเรื่องของการชิงทรัพย์เนื่องจากบ้านของนางพิลาจันทร์  นั้นอยู่ในป่าลึกค่อนข้างเปลี่ยวห่างไกลผู้คนหรืออาจจะเป็นเรื่องของปมชู้สาว  และอาจจะเป็นเรื่องของยาเสพติดก็ได้ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประเด็นหลักๆ

เอาไว้เพื่อนำไปทำการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสำรวจบริเวณรอบบ้านมีการสันนิษฐานเอาไว้ว่าคนที่ฆ่านางพิลาจันทร์  นั้นน่าจะเป็นคนใกล้ชิดของนางพิลาจันทร์ เองเลยคิดว่าคนที่ลงมือฆ่านางพิลาจันทร์  อาจจะมีการเดินทางมาหานางพิลาจันทร์  แล้วน่าจะมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงมีปากเสียงกันขึ้น

ซึ่งน่าจะมีความโกรธแค้นกันเป็นอย่างมากเพราะวิธีการฆ่านั้นทารุณเป็นอย่างมากอีกทั้งคนร้ายยังมีการทิ้งศพของนางพิลาจันทร์ ไว้หน้าบ้านโดยที่ไม่มีการอำพรางศพแต่อย่างใดซึ่งถือว่าเป็นการประจานศพเป็นอย่างมากโดยวิธีการที่คนร้ายใช้ก่อเหตุฆ่านางพิลาจันทร์  นั้นเป็นเหมือนกันที่ใช้ไม้หรืออาจจะเป็นด้ามจอบหรือแม้แต่ด้ามเสียมวาดไปที่หัวของผู้เสียชีวิต

และยังมีการใช้กรรไกรแทงไปที่หลังหูของผู้เสียชีวิตอีกด้วยซึ่งยังมีร่องรอยการใช้มีดอีโต้ปาดคอทำให้แผลบริเวณคอมีเลือดออกเป็นจำนวนมากตัดหลอดลมเสียขาดจนทำให้ผู้เสียชีวิตตายในทันทีและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พบหลักฐานอาวุธที่มีการทำร้ายนางพิลาจันทร์   เรียบร้อยแล้วด้วยอาวุธนั้นมีเป็นด้ามจอบและกรรไกรและมีดซึ่งเอาทั้ง 3 ชนิดนั้น

มีเลือดติดอยู่ทั้งหมดโดยสามารถยืนยันได้ว่าอาวุธทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นอาวุธที่คนร้ายใช้สังหารนางพิลาจันทร์ แน่นอน เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตนั้นเคยมีสามี 2 คนแต่ก็ได้เลิกรากันไปแล้วดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องมีการเรียกตัวสามีทั้งสองคนมาสอบปากคำ

 

สนับสนุนโดย  rb88 thailand

ข่าวการจ้างวานฆ่ากำนันยูร

จากการสอบปากคำนายพสิษฐ์และนายธนาวุฒิผู้ต้องหาที่โดยจับกุมได้ให้การยอมรับว่าพวกตนได้ถูกว่าจ้างวานให้ฆ่ากำนันยูรจริงโดยในระหว่างปี2545และในปี2546ทั้งคู่นั้นก้ได้มีการที่จะหาจังหวะที่จะรอบสังหารกำนันยูรถึง4ครั้ง

แต่ก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งครั้งที่5คือวันที่9มีนาคม ปี2546ขณะที่กำลังวางแผนรอบยิงกำนันยูร กำนันเป๊าะกับส่งคนมาบอกว่าไม่ต้องลงมือแล้วแผนการของทั้งคู่จึงหยุดลงแต่สุดท้ายกำนันยูรก็โดยฆ่าโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครแม้สองผู้ต้องหาจะไม่ใช่ผู้ที่ลงมือในวันนั้นและยังไม่รู้ว่ามือปืนตัวจริงเป็นใครแต่จากคำสารภาพจากปากคำของทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นกุจแจดอกสำคัญที่โยงไปถึงตัวผู้บงการด้วยการซัดทอดว่า กำนันเป๊าะ เป็นผู้ที่จ้างวานฆ่ากำนันยูร

เมื่อได้หลักฐานและพยานในการนำไปสู่การออกหมายจับและหมายค้นบุกเข้าไปจับกุมตัวของ กำนันเป๊าะที่บ้านพักในข้อหาที่ร้ายแรงคือใช้การจ้างวานฆ่ากำนันยูรแต่ตำรวจต้องคว้าน้ำเหลวเนื่องจากไม่พบหลักฐานต้องลูกคดีซ้ำร้ายยังไม่พบร่องรอยของกำนันเป๊าะที่ได้มีการร่องหนหายไปก่อนน่านี้หลังจากที่ได้หลบหนีไปตั้งหลักเมื่อวันที่17เมษายน 2546กำนันเป๊าะ

ก็ติดต่อของมอบตัวและยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันสูงถึง10ล้านบาทเพื่อแลกกับอิสระภาพชั่วคราวและยิ่งในตอนนั้น กำนันเป๊าะ มีสถานะเป็นถึงพ่อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาทุกสายตาจึงต่างจับจงว่าครั้งนี้เขาจะรอดพ้นกระบวกการการยุติธรรมหรือไม่ในอิสระภาพชั่วคราวนี้ก็ไม่ได้ทำให้ขาหลบเลี่ยงกระบวนการการยุติธรรมไปได้กว่า2ปี

ที่เจ้าพ่อตะวันออกต้องก้าวขาเข้าออกห้องพิพากษาเป็นว่าเล่นเวลาทอดยาวไปจนกระทั่งวันหนึ่งจุกพลิกชะตาของเจ้าพ่อก็มาถึงระหว่างที่สู้คดีการจ่างวาลฆ่ากำนันยูรคดีเก่าที่ค้าไม้ที่เขาไม้แก้วก็เดินทางมาถึงวันพิพากษา 30มีนาคม 2546 ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาจำคุก5ปี4เดือน กำนันเป๊าะ ยื่นอุทธรณ์ 11พฤษภาคม 2547ศาลอุทธรณ์ยื่นยันพิพากษาศาลอุทธรณ์ชั้นต้นจำคุ5ปี4เดือนกำนันเป๊าะได้ยื่นฏีกาในช่วงนั้นคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร

ก็ถึงวันพิพากษาเช่นกัน21มิถุนายน 2547ศาลอาญาพิพากษาจำคุกำนันเป๊าะ25ปีและให้นับโทษต่อจากคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้วเป็นจำคุก30ปี40เดือนกำนันเป๊าะยื่นอุทธรณ์สู้คดี12ตุลาคม2548ศาลอุทธรณ์พิพากษาตามศษลอุทธรณ์ชั้นต้น

กำนันเป๊าะได้ยื่นฏีกานาทีที่แท้จริงขิงกำนันเป๊าะเมื่อคดีที่ดินทุจริตที่ดินเขาไม้แก้วเดินทางมาถึงศาลฏีกาอันเป็นศาลสุดท้ายแล้ว24กุมภาพันธ์2549ศาลฏีกานัดอ่านคำพิพากษากำนันเป๊าะอ้างป่วยขอเลื่อนสุดท้ายก็หลบหนีศาลจึงออกหมายจับ