ข่าวแนวคิดยาบ้าราคา50สตางค์

ผู้อำนายการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังได้บอกอีกว่าในตลอด20ปีที่ผ่านมาในส่วนของนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของประเทศไทยยังไม่ประสบผลสำเร็จ

ดังนั้นควรดำเนินนโยบายตามแนวทางของกลุ่มสหภาพยุโปรที่ได้มีการยกเลิกในการปราบปรามและเลือกที่จะอยู่กับยาเสพติดภายใต้ในการควบคุมไม่ให้นำเอาไปใช้ในทางที่ผิดหลังจากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหาของยาเสพติดโลกที่กรุงนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่19ถึงวันที่21เมษายน ที่ผ่านมา

กระทรวงยุติธรรมของประเทศไทยได้มีแนวคิกที่จะแก้กฏหมายโดยที่จะถอนยาบ้าออกจากบันชีสารเสพติดร้ายแรงในประเภคที่1ให้เป็นสารเสพติดประเภคที่2 คือเป็นสารเสพติดทั่วไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับมอร์ฟีนและฝิ้นนอกจากนั้น

จึงได้มีแนวคิดที่จะผลิตยาบ้าจำหน่ายในราคาเม็ดละประมาณ50สตางค์เป้าหมายการทำรายเครือข่ายกระบวนการค้ายาเสพติดในตลาดมืดสอดสอดคล้องกับความเห็นของผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้บอกว่ายาเสพติดรวมถึงสิ่งต่างๆที่ได้เป็นอันตรายต่อประชาชนควรอยู่ในการควบคุมของรัฐบาล ก่อนปี2539 สารกลุ่มแอมฟาตามีนได้ถูกจัดให้อยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ประเภค29ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตนและประสาทพุทธศักราช2518

มีประโยชน์ทางการแพทย์สามารถที่จะผลิตและนำเข้าโดยกระทรวงสาธารณสุขและจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมทันตกรรมและสัตวแพทย ซึ่งเป็นผู้จ่ายยาให้แก่คนไข้ของตนไม่มีขายในตามร้านขายยาแต่หลังจากในปี2539 สารในกลุ่มนี้ก็ได้ถูกเรียกชื่อใหม่ว่ายาบ้าและถูกย้ายมาอยู่ในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพุทธศักราช2522 และได้ให้เป็นยาเสพติดรายแรงประเภคที่1 ที่ห้ามผลิตนำเข้าครอบครองหรือครอบครองเอาไว้เพื่อจัดจำหน่าย

ทำให้สารกลุ่มแอนฟาตามีนไม่สามารถที่จะนำเอามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้อีกต่อไป หลายฝ่ายก็ได้ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้ว่าในการแก้ไขทางกฏหมายจะกระทบตอการปราบปรามยาเสพติดโดยเฉพาะเรื่องสินบนนําจับและรางวัลคดียาเสพติดที่เป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่หรือมไม่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน

และปราบปรามยาเสพติดบอกว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างของการพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนสินบนนำจำและรางวัลคดีของยาเสพติดเพื่อให้สอดคล้องกับสถาการระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลยาเสพติดสำหรับคดียาบ้ากำเนิดว่าหากเจ้าหน้าที่จำกุมยาบ้าได้ไม่เกิดจำนวนประมาณ10เม็ดอัตราการจ่ายคือคดีละ360บาท

หากจับกุมได้11เม็ดถึง500เม็ดอัตราในการจ่ายคือเม็ดละ10บาทหากจับเกิน500เม็ดให้คำนวนจากสารบริสุทธิ์ของแอนฟาตามีนหรออนุพันธุ์ของแอนฟาตามีนในของกลางทั้งหมดออกมาเป็นอัตราในการจ่าย

 

สนับสนุโดย  entaplay

คนร้ายบุกยิง จนลูกจ้างดับคาที่

 มีคดีอุกอาจเกิดขึ้นที่จังหวัดตรัง มีคนร้ายใช้ปืน M16 ยิงลูกจ้างร้านค้าขายพลาสติก หน้าห้องเช่าในพื้นที่จังหวัดตรังเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ในคำนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยเรียบร้อยแล้ว  เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในซอยแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง

ซึ่งไม่มีชื่อว่าเป็นชื่อซอยอะไรแต่ภายในซอยจะมีการปลูกห้องเช่าให้ลูกจ้างได้พักอาศัยโดยภายในซอยจะมีห้องพักอยู่หลายอย่างด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นก็มีชาวบ้านมามุงดูเป็นจำนวนมากโดยเจ้าหน้าที่พบศพชายเสียชีวิต 1 รายชื่อว่า นายสุธน    แซ่ฮ่องอายุประมาณ 44 ปี

ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างร้านค้าขายพลาสติก ซึ่งสภาพศพนั้นมีเลือดไหลออกมาจากร่างกายเป็นจำนวนมาก และมีไส้ทะลักโดยมีอาวุธปืนยิงเข้าไปในร่างกายรวมทั้งหมดประมาณ 6 นัดด้วยกัน ซึ่งลักษณะการยิงของคนร้ายเหมือนกับว่ามีการโกรธแค้นกับผู้ตายเป็นอย่างมากเริ่มต้น ทราบมาว่าก่อนเกิดเหตุนายสุทนได้นั่งกินสุราพร้อมกับเปิดเพลงฟังอยู่หน้าบ้านคนเดียวหลังจากนั้นชาวบ้านก็เห็นว่ามีใครก็ไม่รู้เขาไม่เห็นหน้าตา

แล้วไม่รู้ว่ามีกี่คนแต่ที่รู้คือคนร้ายเดินผ่านมาจากทางสวนยางพาราและพอมาถึงนายสุธนก็กระหน่ำยิงโดยไม่พูดอะไรเลย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบหาสาเหตุของการกระทำในครั้งนี้แต่อาจจะเกิดเป็นไปได้ว่าคนร้ายไม่พอใจที่นายสุธนเปิดเพลงเสียงดัง 

     มีเพื่อนบ้านของนายสุธนให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโดยปกติแล้วบ้านหลังที่นายสุธนอยู่ในอยู่กับภรรยา 2 คน ซึ่งทั้งคู่มักจะมีการเปิดเพลงเสียงดังตลอดทั้งวันหากมีการอยู่บ้านแต่ว่าช่วงสองสามวันมานี้ไม่เห็นหน้าภรรยาของนายสุธนเลย และในวันเกิดเหตุนี้นายนายสุธนก็อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ออกไปทำงานเลยออกมานั่งกินเหล้าอยู่หน้าบ้าน  

ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำอยู่โดยผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปนี้จะมีบ้านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่พักของนายสุธนซึ่งถ้าดูจากสถานที่ห่างกันของบ้านทั้งสองหลังนั้นบ้านหลังใหญ่ดังกล่าวจะต้องมีการเดินตัดมาทำสวนยางพาราถึงจะเดินทางมาที่บ้านของนายสุธนได้ซึ่งมันตรงกับคำให้การของเพื่อนบ้านที่เห็นว่ามีใครก็ไม่รู้เดินเข้ามาจากสวนยางพารา  

ชาวบ้านได้บอกว่าบ้านหลังใหญ่ดังกล่าวไม่มีใครรู้จักเจ้าของบ้านเป็นการส่วนตัวแต่เท่าที่รู้ว่าหลังนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้มาพักอาศัยนานๆถึงจะเห็นอยู่บ้านที ซึ่งหลายคนสันนิษฐานกันว่านายทหารคนดังกล่าวอาจจะรำคาญเสียงเพลงที่นายสุธนเปิดฟัง

จึงได้มาก่อเหตุยิงนายสุธนเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้เคียงกันมากที่สุดเวลาที่นายสุธนเปิดเพลงเห็นเพลงน่าจะไปสร้างความรำคาญให้กับนายทหารคนดังกล่าวก็เป็นได้ทั้งนี้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนต่อไป 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

อาจารย์ราชภัฎขับรถชนสายตรวจ

ป้าแฉ อุบัติเหตุอาจารย์ราชภัฎขับรถชนสายตรวจไม่ได้มีใครทำร้ายอาจารย์

มีเหตุการณ์เป็นรถเก๋งชนกับรถของสายตรวจของ สภอ. พระประแดงแล้วรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนลงข้างทาง ทำให้ตำรวจทั้งสองคนที่ขี่รถได้รับบาดเจ็บและยังมีคนที่อยู่ตรงบริเวณที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บด้วยแต่ที่เรื่องไม่จบก็เพราะว่าชายคนที่ขับรถเก๋งได้โทรตามไปเรียกน้องสาวมาที่เกิดเหตุซึ่งเมื่อน้องสาวของอาจารย์ที่ขับรถเก๋งมาถึงก็โวยวายเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยยืนยันว่าพี่ชายของตัวเองไม่ผิด ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการถูกบันทึกคลิปเอาไว้จะเห็นได้ว่าน้องสาวของอาจารย์พยายามจะกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวพี่ชายไปเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จึงพยายามยืนขวางและพยายามผลักเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งพอตำรวจพยายามดันตัวหญิงคนดังกล่าวออก

เธอก็ต่อว่าว่าทำตำรวจทำร้ายผู้หญิงและเธอจะฟ้อง  ซึ่งในที่สุดทางอาจารย์ราชภัฎก็ต้องเป่าวัดแอลกอฮอล์ เพราะหากไม่เป่าจะถือว่ามีความผิดและผลจากการตรวจวัดปริมาณ แอลกอฮอล์พบว่ามีค่าที่ตรวจวัดได้สูงถึง 161 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ซึ่งในทางกฎหมายแล้วมีการกำหนดให้ผู้ที่ขับขี่รถยนต์สามารถมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปนี้ออกมา มีผู้คนต่างก็สงสัยกันว่าตำรวจได้ไปรังแกผู้หญิงคนดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งทางนักข่าวเองก็ได้ลงไปสัมภาษณ์คนที่อยูในเหตุการณ์ ชือว่าคุณ หมู โดยคุณหมูเล่าว่าตนเอง

ได้ยินเสียงรถเบรกเสียงดังสนั่นและหันไปมองก็เห็นตำรวจโดนรถชนจำนวน 2 คนที่สำคัญคุณหมูเองก็ยืนอยู่ตรงที่เกิดเหตุได้ทำการกระโดดหลบจนทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บไปด้วย เหตุการณ์ในครั้งนี้ทางคุณหมูได้ออกมายืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้กลั่นแกล้งแต่ตำรวจบาดเจ็บ และนักข่าวยังได้พบกับผู้บาดเจ็บอีกคนชื่อป้าอ๊อด

ซึ่งได้รับบาดเจ็บแขนขวาจนต้องเข้าเฝือก ซึ่งป้าอ๊อดได้เล่าเหตุการณ์ให้กับนักข่าวฟังและยังบอกอีกว่าทางฝั่งคนขับรถเก๋งยังไม่เคยมาขอโทษและป้ายังเห็นว่าน้องสาวของคนขับรถเก๋งเอาแต่โวยวายใส่ตำรวจ

ป้าบอกว่าผู้หญิงคนนี้พยายามที่จะขวางตำรวจไม่ให้เข้าใกล้พี่ชายเขาและผู้หญิงคนดังกล่าวยังโวยวายว่าตำรวจทำร้ายเขา แต่ป้าที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยยืนยันว่าป้าเห็นว่าตำรวจไม่ได้ทำร้ายอะไรพวกเขาเลย คนก่อเหตุเมา

  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการแจ้งความกรณีกับน้องสาวของคนขับรถเก๋งแต่อย่างใด ซึ่งต้องมารอดูกันว่าเธอจะไปขอโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนทางด้านพี่ชายของหญิงสาวคนดังกล่าวที่เป็นอาจารย์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย

มีรายงานข่าวจากสำนักงานข่าวแห่งหนึ่ง

พ่อแม่ของเด็กนักเรียนเรียนเอกชน ติดหนี้ค่าเทอมที่ยังไม่ได้จ่ายสะสมกว่า 1.3 พันล้านบาทวอนรัฐบาลเร่งไขปัญหาเศรษฐกิจ

พ่อแม่ผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานเรียนโรงเรียนเอกชน จำนวนสูงมากกว่าสองล้านครัวเรือน ยังคงไม่ได้จ่ายเงินค่าเทอมของบุตรหลานสูงถึงหนึ่งพันสามร้อยล้านบาท วอนให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลแก้ไขเพราะขนาดโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ก็ยังมีปัญหาและมีหนี้สูงมากถึง 60-70 ล้านบาท

มีรายงานข่าวจากสำนักงานข่าวแห่งหนึ่งได้ออกมารายงานว่า

ได้รับข้อมูลมาจากนายกสมาคมคณะกรรมการประสานงานและส่งเสริมการศึกษาของภาคเอกชน โดยได้เข้าไปพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชนตอนนี้พบปัญหาว่าผู้ปกครองมีการค้างค่าเทอมกันมากขึ้น

โดยยอดรวมเงินที่ผู้ปกครองค้างค่าเทอมของปีนี้รวมเป็นเงินมากกว่า หนึ่งพันสามร้อยล้านบาทแล้ว ซึ่งข้อมูลของที่ผู้ปกครองของโรงเรียนเอกชนค้างค่าเทอมนี้ได้เอามาจากโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศไทยซึ่งมีทั้งหมด สามพันแปดร้อยโรงเรียน

แต่ที่ไปเอาข้อมูลมาเพียงแค่ หนึ่งพันแปดร้อยโรงเรียนซึ่งถือว่าเยอะมากเพราะถ้าหากเอาข้อมูลของทั้งสามพันแปดร้อยโรงเรียนเมื่อไหร่ยอดเงินที่ผู้ปกครองค้างค่าเทอมจะต้องมากกว่านี้แน่นอนซึ่งแค่นี้ก็คิดเป็น 90 % แล้วที่ผู้ปกครองยังไม่ได้จ่ายค่าเทอมให้กับโรงเรียน แต่จากการสำรวจก็ยังคงพบว่าผู้ปกครองไม่ได้ย้ายให้บุตรหลานไปเรียนที่โรงเรียนอื่นยังคงให้เรียนหนังสืออยู่ที่เดิม

ซึ่งมีแค่ไม่มากเท่าไหร่ที่ให้ลูกหลานย้ายโรงเรียน โดยจากการตรวจสอบแล้วกลุ่มผู้ปกครองที่ให้ลูกหลานย้ายโรงเรียนมีหนี้ค้างที่ยังไม่ได้จ่ายค่าเทอมให้กับโรงเรียนสุงถึง สามร้อยล้านบาทเลยทีเดียว

  อันที่จริงเรื่องที่ผู้ปกครองนักเรียนมีการค้างค่าเทอมยังไม่ยอมจ่ายนั้นเป็นปัญหาที่มีมาเนิ่นนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิด แต่ว่าเมื่อก่อนมีคนค้างค่าเทอมน้อยกว่านี้เยอะมาก ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้มากแบบนี้ตอนนี้โรงเรียนเอกชนที่มีขนาดเล็กจะประสบกับปัญหาขาดทุนหาเงินมาบริหารโรงเรียนไม่ได้ แต่ถ้าเป็นโรงเรียนใหญ่ใหญ่ที่มีนักเรียนหลายพันคนหน่อยก็ยังพอที่จะเอาเงินอื่นมาหมุนใช้ก่อนได้จึงอยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

 ซึ่งปัญหาที่พ่อแม่เด็กไม่ได้มาจ่ายค่าเทอมนั้นมันแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ ผู้ปกครองของเด็กเด็กส่วนใหญ่ไม่มีเงินกันเลย แม้กระทั่งเงินเก็บ บางคนอาจจะต้องเอาเงินที่จะต้องมาจ่ายค่าเทอมไปหมุนใช้จ่ายอย่างอื่นก่อน

ซึ่งทางโรงเรียนก็ไม่กล้าที่จะทวงผู้ปกครองมากนักเพราะกลัวว่าเด็กและผู้ปกครองของเด็กจะอาย ตอนนี้หลายครอบครัวน่าจะมีปัญหาด้านการเงินเพราะปัญหาของเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลช่วยหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้ด้วย