เจ้าบ่าวช็อก รับหน้าสดไม่ได้ ขอหย่าทันทีหลังแต่งงาน

    เจ้าบ่าวช็อก รับหน้าสดไม่ได้    เมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาคมพ.ศ 2555 ได้มีเคสของหนุ่มชายชาวจีนรายหนึ่งถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์โดยชายชาวจีนคนดังกล่าวชื่อว่านายหลี่

ซึ่งเรื่องราวของเขานั้นถูกเปิดเผยลงในเว็บไซต์ ettoday โดยมีการระบุว่าในอดีตเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างมากเขาเป็นเจ้าของกิจการด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองเขามีเงินเก็บเป็นจำนวนมากเนื่องจากว่าทำงานหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

       อย่างไรก็ตามปัญหาของนายหลี่ก็คือเขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยและไม่ได้มีการคบใครเป็นแฟนแต่สุดท้ายเขาก็ต้องหาผู้หญิงสักคนนึงไปให้ที่บ้านเจอตัวเนื่องจากว่าที่บ้านต้องการให้เขานั้นแต่งงานและถ้าหากว่าเขาไม่แต่งงานครอบครัวจะประกาศตัดขาดกับนายหลี่

จนทำให้เขาตัดสินใจหาแฟนปลอมๆเพื่อไปให้ครอบครัวได้เจอซึ่งเขาได้เลือกเลขาฯที่ทำงานกับเขามาอย่างยาวนานเนื่องจากว่านายลีเห็นว่าเลขานุการของเขานั้นหน้าตาสะสวยอย่างไรก็ตามเมื่อนายหลี่ได้พาแฟนๆไปให้ครอบครัวดูตัว

         ปรากฏว่าครอบครัวของนายหลี่ชอบแฟนคนนี้เป็นอย่างมากต้องการให้นายรีบแต่งงานกับแฟนสาว  อย่างไรก็ตามในวันที่นายหรือพาแฟนสาวไปที่บ้าน

เพื่อเจอกับครอบครัวนั้นปรากฏว่าในคืนดังกล่าวนายหลี่พลาดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเลขานุการของตนเอง  เพราะความเมาดังนั้นนายหลี่จึงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของตนเองด้วยการแต่งงานกับเลขานุการสาวเพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักกับเลขาหรือแฟนปลอมปลอมแต่เธอก็หน้าตาสวยดีดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตกลงรับเธอมาเป็นภรรยาตัวจริงและจัดงานแต่งงานกัน 

       อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าไปในห้องหอซึ่งเจ้าบ่าวก็ทำตัวที่ดีด้วยกันไปเตรียมน้ำให้กับเจ้าสาวอาบในขณะที่ตัวเจ้าสาวนั้นก็ได้มีการล้างเครื่องสำอาง

เพื่อเตรียมตัวจะไปอาบน้ำปรากฏว่าเมื่อในอดีตออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าภรรยาที่พึ่งแต่งงานไปหมาดของเขานั้นหน้าตาไม่ตรงกับที่เห็นอยู่เป็นประจำเพราะภรรยาของเขานั้นไม่สวยเขาถึงกับรู้สึกชอบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

         สุดท้ายในคืนนั้นเองนายหลี่ก็ตัดสินใจขอหย่าขาดจากภรรยาสาวทันทีแต่ทางหญิงสาวไม่ตกลงเนื่องจากว่าเธอต้องท้องลูกของนายหลี่แล้วอย่างไรก็ตามเมื่อมีการพูดคุยเจรจากันสุดท้ายแล้วหญิงสาวยอมเซ็นใบอย่าให้โดยในอดีตจะต้องมีการมอบทรัพย์สมบัติครึ่งนึงของนายหลี่ให้กับภรรยาสาวและถึงแม้ว่าในอดีตจะไม่เต็มใจที่จะยกทรัพย์สินของตนเองถึงครึ่งหนึ่งให้กับภรรยาไปแต่เขาก็ต้องยอมเพราะเขาไม่สามารถทำใจให้อยู่กับภรรยาสาวที่หน้าตาไม่สวยได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    alpha88

สาวโพสต์ถามในโลกออนไลน์จะไปงานแต่งพกอาหารไปกินในงานได้ไหม 

      สาวโพสต์ถามในโลกออนไลน์  เป็นเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่เธอมีการโพสต์ข้อความถางผ่านทางชุมชนออนไลน์โดยเธอต้องไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนรายหนึ่ง

แต่ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการจัดงานแต่งงานที่ทางฝั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นได้มีการกำหนดการเรื่องของการรับประทานอาหารให้กับแขกว่าจะมีการเริ่มให้แขกได้กินอาหารในช่วงเวลาประมาณ 16:30 น ซึ่งเธอมองว่ามันค่อนข้างเย็นจนเกินไปส่วนขนมเค้กที่จะแจกจ่ายในงานแต่งงานนั้นก็จะเป็นช่วงค่ำเลย

         สำหรับประเด็นที่หญิงสาวรายนี้ต้องนำมาโพสต์ถามคนในโลกออนไลน์นั่นก็เพราะว่าเธอเกรงว่าถ้าหากเธอยังอยู่ในงานแล้วทางบ่าวสาวยังไม่มีการเสิร์ฟอาหารให้กับแขกเธออาจจะมีการหิวระหว่างนั้นทำให้เธอมีแนวความคิดว่าอาจจะมีการพกขนมทานเล่นติดตัวไปและถ้าเกิดว่าเธอหิวเธอก็สามารถนำขนมที่เธอพกใส่กระเป๋ามากินระหว่างรออาหารมื้อเย็นก็ได้เช่นเดียวกันแต่อย่างไรก็ตามเธอไม่มั่นใจว่าถ้าเธอทำแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องที่น่าเกลียดหรือผิดมารยาทในการไปร่วมงานแต่งงาน

          สำหรับความคิดเห็นนี้เมื่อมีการถามออกไปก็มีผู้ที่เข้ามาตอบความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นดีมากกว่า 600 ครั้งกันเลยทีเดียวโดยคนส่วนใหญ่นั้นมองว่าพฤติกรรมของหญิงสาวรายนี้นั้นไม่เหมาะสมซึ่งการไปร่วมงานแต่งงานนั้นไม่ได้ไปบ่อยเพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเธอนั้นรู้สึกหิวระหว่างที่รอก็ควรที่จะอดทนการที่เตรียมอาหารหรือของว่างไปกินเอง

ระหว่างที่บ่าวสาวยังไม่เสิร์ฟอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งและคำถามที่เธอทำให้กับชาวโลกออนไลน์ได้เข้ามาตอบนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ดูแปลกประหลาด

และไร้สาระเป็นอย่างมากและไม่เคยมีใครมีพฤติกรรมอย่างเธอด้วยการพวกอาหารกินเล่นไปกินระหว่างรอเจ้าภาพเสิร์ฟอาหาร

          อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันนั้นก็มีความคิดเห็นบางส่วนที่สนับสนุนความคิดของเธอเพราะว่าถ้าหากเธอเป็นคนที่หิวง่ายหิวเร็วหรือกินเยอะเธออาจจะมีการพบของว่างฉุกเฉินติดกระเป๋าไว้ก็ได้ซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมและถ้าหากหิวเธอก็สามารถไปหลบมุมกินของกินบ้างที่เธอเตรียมเอาไว้ได้ไม่จำเป็นที่จะต้องกินต่อหน้าต่อตาแขกเหลือคนอื่นหรือต่อหน้าผู้บ่าวสาวให้เป็นการเสียมารยาทซึ่งวิธีการที่เธอพกอาหารว่างติดกระเป๋าไปนั้นมันเป็นการเตรียมความพร้อม และนับได้ว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆเลยทีเดียว       

         อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องของการเตรียมของว่าติดกระเป๋าไปนั้น  ถ้าหากว่าหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ได้มีโรคประจำตัวหรือไม่มีธุระที่จะต้องกินอาหารให้ตรงเวลาแนะนำว่าควรจะอดทนรอกินอาหารภายในงานที่บ่าวสาวเตรียมไว้ให้จะเป็นการดีที่สุดเพราะถือว่าเป็นมารยาททางสังคมแต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆที่ถ้าหากว่าไม่ทานอาหารตรงเวลาหรือถ้าหิวแล้วไม่ได้ทานจะมีปัญหาต่อสุขภาพก็สามารถที่จะพกอาหารเตรียมไปได้เช่นกัน 

 

สนับสนุนโดย    ubett

ดราม่า ไม่พอใจเอารถไปจอดหน้าบ้านพักหมอถูกล็อคล้อ ปรับ 200 

         เมื่อวันที่ 30 เดือนมีนาคมปีพศ. 2565 ในโลกออนไลน์ได้มีการถกเถียงกันกับเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งมีการโพสต์เล่าเรื่องราวผ่านทาง App tiktok

ถูกล็อคล้อ ปรับ 200 ออกมาโวยวายการทำงานของทางโรงพยาบาลกับคุณหมอของทางโรงพยาบาลโดยใช้หนุ่มรายนี้ระบุว่าแฟนของเขาได้มีการพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเนื่องจากว่าลูกมีอาการไข้ขึ้นสูงเมื่อขับรถไปถึงทางโรงพยาบาลแล้วปรากฏว่าไม่มีที่จอดรถดังนั้นแฟนของเขาจึงได้นำรถไปจอดไว้บริเวณหน้าบ้านพักของคุณหมอ

ซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาลนั่นเองอย่างไรก็ตามหลังจากที่พาลูกพบแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับบ้านปรากฏว่าเมื่อเดินมาที่รถพบว่ามีการล็อคล้อแล้วเมื่อมีการไปสอบถามกับทางรปภพบว่าเป็นนายแพทย์เข้ามาทำการล็อคล้อและจะต้องมีการจ่ายเงินค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 200 บาท

       สาเหตุที่ชายราย นี้ต้องออกมาโวยวายผ่านทาง Social นั้นก็เพราะว่าหลังจากที่แฟนของเขาจ่ายเงินค่าปรับ 200 บาทแล้วทางด้านนายแพทย์กับไม่ยอมเดินทางมาปลดล็อคล้อรถให้ทำให้แฟนของเขาต้องโทรตามให้เขาไปรับเพื่อพาลูกกลับบ้าน

ซึ่งกว่าทางคุณหมอจะเดินทางมาปลดล็อคล้อให้ก็เป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงโดยเข้าไปทงโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเที่ยงแต่แพทย์กลับมาปลดล็อคล้อรถให้กับเขาช่วง 18:00 น ทำให้เขานั้นต้องเสียเวลาขับรถไปกลับระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลถึง 3 รอบด้วยกันคิดเป็นระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร

       ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของคุณหมอเป็นอย่างมากโดยชายรายนี้ยืนยันว่าเขายอมรับได้กับเงินค่าปรับที่ต้องเสีย

เพราะว่าแฟนของเขานั้นทำผิดจริงไปจอดรถในที่ห้ามจอดแต่เมื่อเสียค่าปรับแล้วก็ควรจะรีบมาปลดล็อคให้เพื่อที่เขาจะได้ใช้รถแต่เขาต้องมาเสียเวลาขับรถไปกลับอยู่หลายครั้งรออยู่นานนายแพทย์ก็ไม่ยอมมาปลดล็อคล้อให้สักทีทั้งทั้งที่เขานั้นก็รีบจ่ายเงินค่าปรับให้แล้วนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ผู้คนต่างออกมา comment กันมากมายโดยส่วนใหญ่นั้นมองว่าการกระทำของภรรยาของชายเจ้าของโพสต์นั้นเป็นการกระทำความผิดเพราะไปจอดรถในที่ห้ามจอดที่ไม่ใช่ในพื้นที่สาธารณะซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยจะมีกฏอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของการจอดรถในที่ห้ามจอดจะต้องถูกล็อคล้อดังนั้นไม่สามารถที่จะออกมาโวยวายร้องขอความเป็นธรรมได้

       อย่างไรก็ตามมีชาวโซเชียลหลายคนแนะนำว่าหากไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแล้วหาที่จอดรถไม่ได้ควรส่งผู้ป่วยไปที่แผนกฉุกเฉินก่อนหลังจากนั้นก็ไปวนหาที่จอดรถข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้ามาที่โรงพยาบาลจะเป็นการดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดและมีปัญหาตามมาภายหลัง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยดี

ตำรวจรวบตัวเด็ก 15  หลังมาส่งพัสดุแล้วพนักงานสงสัยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบเป็นยาบ้า 

        ตำรวจรวบตัวเด็ก 15  หลังมาส่งพัสดุ ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ายาเสพติดกำลังแพร่หลายระบาดอย่างหนักมีการประกาศขายอย่างโจ่งแจ้งภายใน social และมีการขนยาทั้งผ่านทางการขับรถขนส่งรวมถึงการขนส่งโดยเครื่องบินนอกจากนี้ยังขนส่งด้วยการส่งไปรษณีย์อีกด้วย

และถึงแม้ว่าปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสกัดจับกลุ่มคนขายยาบ้าหรือยาเสพติดเหล่านี้แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งซึ่งเรียกได้ว่าไม่ว่าจะปราบปรามมากเท่าไหร่จำนวนผู้ค้ายาเสพติดนั้นก็ไม่ลดลงเลย

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี

ได้มีการลักลอบขนส่งยาบ้าผ่านทางไปรษณีย์โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อคนร้ายได้มีการนำกล่องพัสดุไปติดต่อไปรษณีย์ของบริษัทเจแอนด์ทีเอ็กซ์เพรสโดยระบุปลายทางอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการโดยต้นทางนั้นอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี 

           อย่างไรก็ตามในขณะที่วัยรุ่นอายุ 15 ปีได้มีการนำกล่องพัสดุยื่นให้กับพนักงานของบริษัทเจแอนทีเ***เพรสนั้นปรากฏว่าพนักงานเกิดความรู้สึกสงสัยว่าข้างในเป็นอะไรจึงได้มีการสอบถามวัยรุ่นคนดังกล่าวซึ่งเจ้าของพัสดุก็ได้มีการตอบมาว่าข้างในนั้นเป็นการส่งเสื้อไปให้กับลูกค้าเนื่องจากขายเสื้อผ่านออนไลน์ยังไงก็ตามทางด้านพนักงานขนส่งได้พบข้อพิรุธ

          เนื่องจากว่ามีกลิ่นเหม็นออกมาจากกล่องที่ทางผู้ส่งนั้นระบุว่าเป็นเสื้ออยู่ด้านในโดยทางเจ้าหน้าที่ขนส่งยืนยันว่ากลิ่นนั้นมีความคล้ายคลึงกับยาเสพติดเป็นอย่างมากด้วยความสงสัยหลังจากรับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้วและผู้ส่งเดินทางกลับบ้านแล้วจึงได้มีการประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบกล่องพัสดุอีกครั้งหนึ่ง

          เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงและมีการเปิดกล่องดูก็พบว่าด้านในเป็นยาเสพติดจริงๆพนักงานขนส่งจึงได้มีการนำที่อยู่ของผู้ส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางไปยังบ้านของวัยรุ่นอายุ 15 ปีที่เป็นคนส่งและเข้าควบคุมตัวเนื่องจากว่าพัสดุนั้นมียาบ้าเม็ดสีแดงมาถึง 365 เมตรซึ่งถูกเก็บไว้ในพลาสติกอย่างดีแบ่งบรรจุเอาไว้เป็น 2 ถุง

          อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากเพราะเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านของวัยรุ่นอายุ 15 ปีซึ่งเป็นคนส่งยาเสพติดปรากฏว่าเยาวชนคนดังกล่าวไหวตัวทันและได้หลบหนีไปก่อนซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเตรียมออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เนื่องจากว่าทราบชื่อนามสกุลรอที่อยู่ซึ่งจะมีการประสานงานไปยังญาติพี่น้องของเยาวชนรายนี้ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เยาวชนรายนี้เข้ามอบตัวอีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    มั่งมีหวยออนไลน์

สาวเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใหม่แค่ 2 วัน เจอเพื่อนบ้านรับน้องด้วยการเอารถมาจอดในบ้าน 

     เพื่อนบ้านเอารถมาจอดในบ้าน  เรื่องราวที่น่าเบื่อที่สุดและเป็นเรื่องราวที่พบปัญหากันบ่อยมากที่สุดนั่นก็คือเรื่องราวการใช้ชีวิตร่วมกันกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน  ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเจอว่าเพื่อนบ้านนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่มีมารยาทวางตัวไม่เหมาะสมชอบจอดรถขวางหน้าบ้านของคนอื่น

หรือจอดรถในที่สาธารณะไม่นำรถไปจอดในบ้านของตนเองนอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการปลูกต้นไม้กิ่งไม้ยื่นเข้าไปในบ้านเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

         ล่าสุดมีหญิงสาวคนหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวปัญหาที่เธอต้องเจอเมื่อเพื่อนบ้านของเธอนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักได้หญิงสาวรายนี้ได้มีการโพสต์คลิปเอาไว้และนำไปโพสต์ในแอป tiktok เมื่อวันที่ 4 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2565

  นอกจากจะมีการโพสต์คลิปเอาไว้แล้วยังมีการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ด้วยโดยเฉพาะเจ้าของโพสต์ระบุว่าเธอเพิ่งซื้อบ้านและเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้นปรากฏว่ามาวันแรกเธอก็เจอรับน้องจากทางเพื่อนบ้านเลยเมื่ออยู่ดีๆเพื่อนบ้านของเธอนั้นก็นำรถเข้ามาจอดภายในบริเวณที่จอดรถของบ้านของเธอซึ่งในขณะนั้นเธอไม่ได้อยู่บ้านแล้วเปิดประตูบ้านทิ้งเอาไว้

        อย่างไรก็ตามเธอได้มีการแจ้งให้ทางรปภของหมู่บ้านเข้ามาดูแลและช่วยไปตามเจ้าของรถให้มาย้ายรถคันดังกล่าวออกไปซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่รปภ.ได้แจ้งกับเจ้าของรถทางด้านเจ้าของรถก็มาทำการย้ายรถตามปกติและไม่ได้มีการขอโทษกับพฤติกรรมแย่ๆของตนเอง 

อย่างไรก็ตามสาวเจ้าของโพสต์ระบุว่าเหตุการณ์ที่เพื่อนบ้านนำรถเข้ามาจอดที่บ้านของเธอนั้นไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเพราะวันรุ่งขึ้นเธอมีการปิดประตูรั้วหน้าบ้านแต่ไม่ได้ล็อคเอาไว้กลับมาจากข้างนอกก็พบว่าเพื่อนบ้านคนเดิมนำรถคันเดิมมาจอดไว้ที่บริเวณที่จอดรถบ้านของเธอเหมือนเดิมทำให้รถของเธอนั้นต้องจอดอยู่ที่หน้าบ้านแทน  และแม้จะเริ่มต้นวันใหม่แล้วและเป็นช่วงประมาณ 8:00 น แล้วแต่เพื่อนบ้านของเธอก็ยังไม่ยอมมาขยับรถออกจากบ้านของเธอทำให้เธอต้องแจ้ง รปภ.อีก

         สำหรับคลิปที่หญิงสาวมาโพสต์ลงในโซเชียลนั้นเธอต้องการที่จะขอความคิดเห็นของบรรดาคนในโซเชียลว่าเธอควรจะจัดการกับเพื่อนบ้านอย่างไรดีเพราะมีการพูดคุยกับรปภแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งนี้ชาวโซเชียลหลายคนแนะนำให้เธอทำเหมือนกับคุณป้า 2 คนที่ทุบรถคนที่มาจอดขวางหน้าบ้าน

 นอกจากนี้บางคนยังแนะนำว่าถ้าหากเธอจะออกนอกบ้านเธอควรจะใส่กุญแจล็อคประตูบ้านให้ดีป้องกันไม่ให้เพื่อนบ้านนำรถเข้ามาจอดในบ้านได้อีกหรือบางคนก็แนะนำให้นำหลักฐานดังกล่าวไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวยจับยี่กี

สาวญี่ปุ่น อยากมีลูกตัดสินใจนอนกับคนบริจาคสเปิร์มจนท้องสุดท้ายทิ้งลูก

  นอนกับคนบริจาคสเปิร์ม   เมื่อวันที่ 13 เดือนมกราคมปีพศ. 2565 ได้มีการเปิดเผยออกมาจากเว็บไซต์ของประเทศญี่ปุ่นเว็บหนึ่งโดยระบุว่าที่เมืองโตเกียวมีหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปีเธออยากจะมีรูปมากซึ่งหญิงสาวคนนี้นั้นเธอแต่งงานแล้วและเธอก็มีลูกแล้ว 1 คน

แต่เธอต้องการที่จะมีรูปเพิ่มอย่างไรก็ตามสามีของเธอนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เธอนั้นตั้งท้องได้เนื่องจากว่าสามีของเธอมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคพันธุกรรมซึ่งถ้าหากว่าเธอตั้งครรภ์จะส่งผลทำให้ลูกของเธอนั้นติดโรคจากพ่อได้ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะมีการขอบริจาคสเปิร์มนั้นเอง

      อย่างไรก็ตามวิธีการขอบริจาคสเปิร์มจากหญิงสาวรายนี้ไม่ได้เป็นการที่ไปขอจากธนาคารกลางแต่หญิงสาวรายนี้ได้ขอสเปิร์มจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอายุประมาณ 20 ปีโดยทั้งคู่รู้จักกันผ่านทางโซเชียลและเธอก็ได้มีการขอสเปิร์มจากชายหนุ่มรายนี้นอกจากนี้เธอยังขอข้อมูลส่วนตัวเพื่อประกอบพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะรับสเปิร์มของชายหนุ่มรายนี้หรือไม่โดยเงื่อนไขของเธอนั้นฝ่ายชายจะต้องไม่เคยแต่งงานและฝ่ายชายนั้นจะต้องเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆและที่สำคัญจะต้องมีการศึกษาจบมหาวิทยาลัย

       หลังจากที่สาวญี่ปุ่นลายนี้ได้มีการพูดคุยกับชายหนุ่มที่รู้จักกันผ่านโซเชียลซึ่งฝ่ายชายนั้นยืนยันว่าคุณสมบัติที่หญิงสาวต้องการนั้นตรงกับเขาทุกอย่างเธอจึงตัดสินใจไปนอนกับผู้บริจาคสเปิร์มรายนี้โดยเธอนอนกับเขาทั้งสิ้นจำนวน 10 ครั้งด้วยกัน

จนเธอนั้นตั้งครรภ์อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องราวที่ทำให้เธอรู้สึกชอบเป็นอย่างมากเมื่อเธอไปรู้ความจริงมาว่าเงื่อนไขที่เธอได้ตั้งเอาไว้ไม่ตรงกับที่ชายหนุ่มระบุเลยเพราะฝ่ายชายนั้นเป็นคนเชื้อสายจีนและที่สำคัญไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยแถมไม่ได้เรียนหนังสืออีกด้วย นอกจากนี้ผู้ชายคนดังกล่าวก็เคยมีประวัติแต่งงานมาแล้วอีกด้วย

       เมื่อหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรู้ดังนั้นเธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่เนื่องจากว่าอายุครรภ์ของเธอเยอะแล้วไม่สามารถทำแท้งได้ในที่สุดเธอก็ได้มีการคลอดเด็กออกมาแล้วทิ้งเอาไว้ที่โรงพยาบาลโดยที่เธอนั้นไม่ต้องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้และปล่อยให้เจ้าหน้าที่หาครอบครัวใหม่

ให้กับเด็กพร้อมกันนี้หญิงสาวไทยญี่ปุ่นรายนี้และสามีของเธอยังได้ตัดสินใจจ้างทนายฟ้องร้องคนบริจาคสเปิร์มอีกด้วยโดยฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากถึง 330 ล้านเยนในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจของฝ่ายหญิง

   อย่างไรก็ตามสิ่งที่หญิงสาวรายนี้ได้ปฏิบัตินั้นทำให้คนในสังคมต่างก็ประณามเธอเป็นอย่างมากเพราะเธอนั้นมีความคิดที่ตื้นเขินมากจนเกินไปและเมื่อรู้ว่าคุณสมบัติของเด็กไม่ครบถ้วนตามที่เธอต้องการเธอก็พร้อมที่จะทิ้งเด็กทันที

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สวัสดิการนั้นได้กล่าวว่าเขารู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดแล้วเด็กนั้นจะได้ไปเจอกับพ่อแม่บุญธรรมที่มีนิสัยที่ดีกว่าหญิงสาวคนนี้

 

สนับสนุนโดย.   หวยฮานอยดึก

พลเมืองดีพบเด็กถูกลืมทิ้งเอาไว้ริมชายหาดบางแสน 

  เด็กถูกลืมทิ้งเอาไว้  เมื่อวันที่ 12 เดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.  แสนสุด  ซึ่งเป็นสถานนีตำรวจ ประจำจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าต้องบริเวณแหลมแท่นบางแสนซึ่งอยู่ช่วงบริเวณล็อคที่ 24 พบเด็กอายุประมาณ 2-3 ขวบเดินเล่นอยู่ตรงบริเวณริมชายหาดด้วย

เด็กคนดังกล่าวนั้นเป็นเด็กผู้หญิงซึ่งพลเมืองดีสังเกตมาสักระยะหนึ่งแล้วว่าเด็กอยู่คนเดียวและไม่มีผู้ปกครองอยู่ด้วยจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทำการตรวจสอบและติดตามหาผู้ปกครองของเด็ก

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้การตามหาบริเวณใกล้เคียงว่ามีผู้ปกครองของเด็กอยู่หรือไม่เมื่อปรากฏว่าไม่สามารถพบผู้ปกครองของเด็กจึงได้นำเด็กหญิงคนดังกล่าวไปไว้ที่สถานีตำรวจสภแสนสุขเพื่อประกาศตามหาผู้ปกครองของเด็กต่อไป

  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าหลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณสักบ่ายสอง  กริลแอร์   ในวันเดียวกันนั้นเอง  ได้มีหญิงสาวเป็นชาวต่างด้าวเดินทางมาที่สภแสนสุขและเข้าแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอรับตัวเด็กหญิงคนดังกล่าวโดยระบุว่าตัวเองนั้นเป็นแม่ของเด็กต้องการที่จะมารับลูกกลับบ้าน

          ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตัวเธอนั้นอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราโดยอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอแปดริ้วกับเพื่อนชาวต่างด้าวคนอื่นๆซึ่งในวันที่เกิดเหตุนี้เธอและเพื่อนๆที่เป็นชาวต่างด้าวด้วยกันต้องเดินทางมาที่จังหวัดชลบุรีเพื่อมาทำการซื้อของหลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ชักชวนกันแวะมาเที่ยวเล่นที่บริเวณแหลมแท่นบางแสน    เมื่อพักผ่อนกันได้สักระยะหนึ่งก็ได้ ชวนกันขึ้นรถกลับบ้านซึ่งตัวเธอเองนั้นลืมอุ้มลูกขึ้นรถไปด้วย 

        เมื่อออกมาจากบริเวณจังหวัดชลบุรีได้สักระยะหนึ่งได้มีการแวะปั๊มน้ำมันจึงมารู้ตัวอีกทีนึงว่าลูกสาวไม่ได้อยู่บนรถหลังจากนั้นก็ได้พากันขับรถกลับมาตรงบริเวณหาดแหลมแท่นบางแสนอีกครั้งเพื่อตามหาลูกจนทราบว่ามีพลเมืองดีมารับตัวรูปไปไว้ที่สถานีตำรวจจึงเดินทางมาที่สถานีตำรวจเพื่อรับตัวลูกสาวกลับบ้าน  

        อย่างไรก็ตามหญิงสาวชาวต่างด้าวซึ่งเป็นแม่ของเด็กยืนยันว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะทิ้งลูกสาวเอาไว้แต่เกิดเหตุสุดวิสัยที่เธอลืมลูกไว้จริงๆ  จากการตรวจสอบข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอบถามเด็กพบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ปกครองของเด็กจริงๆจึงได้ให้รับตัวเด็กกลับไปและไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆ 

  สำหรับเหตุการณ์ที่ผู้ปกครองลืมลูกของตัวเองในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจในลูกสาว   เพราะปกติแล้วพ่อแม่จะต้องให้ลูกอยู่ใกล้ตลอดเวลาแต่นี่กลับขึ้นรถและออกจากจุดเกิดเหตุไปได้สักระยะหนึ่งถึงพึ่งมารู้ว่าลูกไม่ได้อยู่กับตัวเองแสดงให้เห็นถึงการไม่รักและไม่ใส่ใจของลูกตนเอง 

แม่โวยคุณหมอ หลังกระดุมติดจมูกลูกแล้ว ให้รอนานแต่ไม่รักษา ทำเอาเด็กเกือบตาย 

  กระดุมติดจมูกลูก   กระดุมติดจมูกลูก  เป็นเรื่องราวของคุณแม่รายหนึ่งได้มีการโพสต์เล่าเรื่องราวเอาไว้ผ่านโซเชียล เมื่อวันที่ 24 เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2565  โดยเรื่องราวที่มีการโพสต์นั้นมีการระบุว่า ช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่งขอวันที่ 24 เดือนมกราคมลูกสาวของเธอนั้นได้พบปัญหากระดุมติดเข้าไปในรูจมูกเนื่องจากลูกของเธอนั้น

ดึงกระดุมจากเสื้อนอนแล้วยัดเข้าไปในจมูกด้านขวาเล่น  โดยคุณแม่รายนี้ระบุว่าตอนที่เธอเห็นลูกกระดุมยัดเข้าจมูกนั้นเธอรีบสั่งให้ลูกของเธอนั้นสั่งกระดุมออกแต่ปรากฏว่ากระดุมติดอยู่ด้านใน

         เนื่องจากว่าลูกของเธอนั้นมีน้ำมูกด้วยเมื่อคุณแม่รายนี้เห็นดังนั้นจึงได้พาลูกไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐโดยไปติดต่อที่ห้องฉุกเฉินซึ่งต้องรอคิวเป็นระยะเวลานานเกือบ 2 ชั่วโมงระหว่างนั้นลูกก็หายใจติดขัดอย่างไรก็ตามเมื่อถึงคิวเธอก็ได้เล่าอาการให้คุณหมอฟังแต่เมื่อคุณหมอได้มีการนำไฟฉายส่องเข้าไปในโพรงจมูกคุณหมอยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

โดยคุณหมอคนดังกล่าวยังบอกให้คุณแม่พาน้องกลับไปที่บ้านและถ้าหากพบความผิดปกติก็ให้พาลูกกลับมาหาอีกครั้งนึงในวันรุ่งขึ้นแต่ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจจะไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนช่วยดูอาการเพิ่มเติมก็ได้ 

         ภายหลังจากคุณแม่ได้นี้พาลูกกลับไปที่บ้านแล้วอาการของลูกยังไม่ดีขึ้นเธอจึงได้มีการนำไฟฉายส่องไปในโพรงจมูกของลูกแล้วเห็นว่ามีกระดุมติดอยู่ภายในโพรงจมูกจึงรีบนำลูกส่งโรงพยาบาลเอกชนซึ่งทางด้านคุณหมอของโรงพยาบาลเอกชนก็ได้มีการใช้เครื่องเอกซเรย์ 2 เข้าไปในจมูกและเห็นว่ามีกระดุมติดอยู่จึงใช้ที่คีบสามารถที่จะดึงออกมาได้

         อย่างไรก็ตามคุณแม่รายนี้ระบุว่าคุณหมอในโรงพยาบาลแรกนั้นไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไข้เธอพาลูกไปนั่งรอเพื่อให้คุณหมอตรวจอาการให้นานถึง 2 ชั่วโมงแต่คุณหมอกลับดูอาการของเด็กเพียงแค่ 5 นาทีแล้วบอกว่าเด็กไม่มีอาการผิดปกติอะไรซึ่งถ้าหากว่าเธอนั้นเชื่อคุณหมอลูกของเธออาจจะต้องเสียชีวิตจากกระดุมติดในโพรงจมูกก็เป็นไปได้ 

         อย่างไรก็ตามคุณแม่รายนี้ยังได้มีการล่อเพิ่มเติมด้วยว่าหลังจากที่โรงพยาบาลเอกชนรักษาอาการให้ลูกได้แล้วเธอก็พาลูกไปที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งแรกเพื่อทำการขอคุยกับคุณหมอที่ตรวจอาการให้กับลูกของเธอแต่ไม่สามารถติดต่อได้ทางโรงพยาบาลแนะนำให้ทำการเขียนร้องเรียนเอาไว้เท่านั้น

      หลังจากนั้นเธอก็ได้รับการติดต่อจากหัวหน้างานของคุณหมอคนดังกล่าวมาขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไรก็ตามคุณแม่รายนี้ระบุว่าเธอไม่ต้องการให้ทางโรงพยาบาลออกมาขอโทษแต่เธอต้องการให้กับคุณหมอที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลลูกสาวของเธอให้ออกมาชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวเท่านั้น 

 

สนับสนุนโดย.    หวยฮานอย บาทละ 1000

โซเชียลแห่แชร์  ชาวเมืองจันทบุรีพร้อมใจกันท้องเสียโดยไม่ได้นัดหมาย 

      โซเชียลแห่แชร์  มีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและน่าแปลกใจไปพร้อมกันเกิดขึ้นที่จังหวัดจันทบุรีเมื่อมีคนในโลกออนไลน์ต่างก็ออกมาแชร์เกี่ยวกับเรื่องของคนในจังหวัดจันทบุรีต่างก็พากันมีอาการท้องเสีย  โดยที่อาการท้องเสียนั้นเกิดขึ้นทั้งเด็กผู้ใหญ่รวมถึงคนชรา

และคนแต่ละคนนั้นก็มีแหล่งที่มาแตกต่างกันออกไปบางคนไม่ได้อาศัยอยู่ร่วมกันแต่ก็มีลักษณะของอาการท้องเสียมีอาการอาเจียนที่มีความคล้ายคลึงกันทำให้ทั้งโรงพยาบาลและสาธารณสุขต้องออกมาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น

      อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องนี้มีการเปิดเผยออกไปก็ทำให้ผู้คนต่างกันพากันสงสัยว่าเหตุการณ์ท้องเสียทั้งจังหวัดของชาวจันทบุรีนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรซึ่งหลายคนสงสัยว่าอาจจะมีโรคระบาดใหม่เกิดขึ้นในจังหวัดจันทบุรีหรือไม่ดังนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้มีการทำการตรวจสอบและออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 29 เดือนธันวาคมปีพศ 2564

           โดยผลการออกมายืนยันจากทางเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขยืนยันว่าในจังหวัดจันทบุรีนั้นไม่ได้เกิดโรคระบาดแต่อย่างใดแต่เหตุการณ์ที่เกิดคนท้องเสียขึ้นมาพร้อมกันทั้งจังหวัดนั้นเกิดขึ้นเพราะว่ามีอาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

เพราะจังหวัดจันทบุรีในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมีสภาพภูมิอากาศที่อากาศเย็นแล้วก็ร้อนในปัจจุบันทันด่วนทำให้อาหารที่มีการเตรียมไว้รับประทานนั้นอาจจะเสียง่ายซึ่งเมื่อผู้คน นำอาหารมารับประทานจึงเกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียนนั่นเอง

          อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหารทะเลหรือว่าน้ำประปาก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียของคนจังหวัดจันทบุรีที่เกิดท้องเสียอย่างพร้อมเพียงกันก็ได้เช่นเดียวกัน

       สำหรับในวันดังกล่าวที่มีการอ้างว่ามีการท้องเสียพร้อมกันทั้งจังหวัดนั้นไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลหรือที่คลินิกต่างๆต่างก็มีผู้คนไปรักษาอาการท้องเสียกันเป็นจำนวนมากทำให้เตียงในโรงพยาบาลนั้นเต็มจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวโซเชียลพากันแห่แชร์ข้อมูลดังกล่าวสร้างความตกใจให้กับคนอื่นๆเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

         ปัจจุบันผู้คนที่มีอาการท้องเสียได้รับการรักษาและพากันกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งทางนายแพทย์เองก็ได้มีการออกประกาศผ่านทาง Social ของทางโรงพยาบาลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองในช่วงนี้เนื่องจากว่าสภาพภูมิอากาศนั้นแต่เปลี่ยนง่ายดังนั้นเรื่องของอาหารการกินจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษและก่อนกินอาหารก็ควรจะล้างมือหรือก่อนทำอาหารนั้นก็ควรจะล้างเนื้อสัตว์และผักให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารนั่นเอง 

นอกจากนี้ควรยกเว้นการรับประทานที่มีการปรุงที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นมีการปรุงอาหารแบบสุกๆดิบๆหรือผักยังไม่ได้ล้างอาหารไม่สะอาดก็ไม่ควรที่จะนำมารับประทาน 

 

สนับสนุนโดย.   huaydee

ผู้ว่า กทม. ยอมรับว่าคุมโควิด-19ไม่อยู่

         ซึ่งวันนี้ท่านผู้ว่ากรุงเทพมหานครไปออกมายอมรับแล้วว่าตอนนี้ไม่สามารถที่จะคุมเข้มสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้เราก็จะพบเห็นจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคนต่อวันแล้วและยังพบการระบาดเป็นคัสเตอร์แบบกลุ่มก้อนมากขึ้น

แต่ก็ยังคงยืนยันมาตรการต่างๆที่จะต้องทำทั้งเรื่องของมาตรการการตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังทำอยู่มาตรการคุมเข้มต่างๆก็ยังคงทำรวมไปถึงควบคู่กันไปกับการเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอีกด้วยวันนี้ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวยอมรับว่าตอนนี้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ได้

เพราะว่ากรุงเทพมหานครมีประชากรที่มากและแออัดและอยากต่อการเข้าถึงในบ้างพื้นที่แตก็จะพยายามควมคุมให้มันดีที่สุดโดยขนาดนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกหลายคลัสเตอร์โดยทางกรุงเทพมหานครพยายามที่จะเข้มงวดกับมาตรการเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโควิด-19มาอย่างต่อเนื่องทั้งการสอสบสวนโรคและการค้นพบผู้ป่วยเชิงรุก

เพื่อจะนำเข้าสู่ในกระบวนการรักษารวมไปถึงเร่งการฉีดวัคซีน

เพื่อควบคุมการระบาดเพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อเป็นการเกิดความคุ้มกันหมู่และลดความเสี่ยงไม่ให้จำนวนของผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนเพิ่มสูงขึ้นไปมากกว่านี้และในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครก็ยังไม่สามารถที่จะคุมการแพร่ราดของไวรัสได้ภายใน1-2นี้มันก็เหมือนกับปลวกพอมันขึ้นมาจากดินมันก็แพร่กระจายๆ

เพราะว่าความหนแน่ในจังหวัดกรุงเทพมหานครมันมีอยู่เยอะมากแต่ทางภาครัฐก็ยังจะควบคุมไม่ว่าจะเป็นในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็ยังมีความกังวลและก็เป็นห่วงรองนายกนายอนุทินกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการคุยกันอยู่ตลอดว่าจะต้องทำอย่างไรแก้ไขอย่างไร

ซึ่งเราจะต้องควบคุมมันให้อยู่ให้ได้ภายในเร็ววันนี้ แพทย์ปริดา มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานครได้บอกว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19แบบเป็นกลุ่มก้อนในหลายพื้นที่ของจังหวัดกรุงเทพมหานครก็ทำให้สำนักอนามัยจะต้องกำหนดแผน

ในการจัดหน่วยฉีดวัคซีนเชิงรุกสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่การระบาดเพื่อควบคุมไม่ให้เชื้อขยายเป็นจำนวนวงกว้างส่วนใหญ่แล้วจะพบการระบาดแบบคัสเตอร์ตามแหล่งแออัดอย่างเช่นพื้นที่ก่อสร้างโรงงานตลาดรวมไปถึงชุมชนและนอกจากจะเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงแล้ว

เนื่องจากยังได้ประสานกับเจ้าของประกอบการโรงงานแคมป์คนงานก่อสร้างผู้นำชุมชนที่เกิดการระบาดแบบคัสเตอร์เพื่อขอความร่วมมือห้ามทุกคนเดินทางออกนอกพื้นที่อย่างเด็ดขาดพร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่สำนักอนามัยไปตรวจหาเชื้อเชิงรุกดูแลเรื่องของสุขาพิบาลสิ่งแวดล้อมให้กับคนที่อยู๋ในพื้นที่ที่มีการระบาดโควิด-19แบบคลัสเตอร์ด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  aesexy