สาวญี่ปุ่น อยากมีลูกตัดสินใจนอนกับคนบริจาคสเปิร์มจนท้องสุดท้ายทิ้งลูก

  นอนกับคนบริจาคสเปิร์ม   เมื่อวันที่ 13 เดือนมกราคมปีพศ. 2565 ได้มีการเปิดเผยออกมาจากเว็บไซต์ของประเทศญี่ปุ่นเว็บหนึ่งโดยระบุว่าที่เมืองโตเกียวมีหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปีเธออยากจะมีรูปมากซึ่งหญิงสาวคนนี้นั้นเธอแต่งงานแล้วและเธอก็มีลูกแล้ว 1 คน

แต่เธอต้องการที่จะมีรูปเพิ่มอย่างไรก็ตามสามีของเธอนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เธอนั้นตั้งท้องได้เนื่องจากว่าสามีของเธอมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคพันธุกรรมซึ่งถ้าหากว่าเธอตั้งครรภ์จะส่งผลทำให้ลูกของเธอนั้นติดโรคจากพ่อได้ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะมีการขอบริจาคสเปิร์มนั้นเอง

      อย่างไรก็ตามวิธีการขอบริจาคสเปิร์มจากหญิงสาวรายนี้ไม่ได้เป็นการที่ไปขอจากธนาคารกลางแต่หญิงสาวรายนี้ได้ขอสเปิร์มจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอายุประมาณ 20 ปีโดยทั้งคู่รู้จักกันผ่านทางโซเชียลและเธอก็ได้มีการขอสเปิร์มจากชายหนุ่มรายนี้นอกจากนี้เธอยังขอข้อมูลส่วนตัวเพื่อประกอบพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะรับสเปิร์มของชายหนุ่มรายนี้หรือไม่โดยเงื่อนไขของเธอนั้นฝ่ายชายจะต้องไม่เคยแต่งงานและฝ่ายชายนั้นจะต้องเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆและที่สำคัญจะต้องมีการศึกษาจบมหาวิทยาลัย

       หลังจากที่สาวญี่ปุ่นลายนี้ได้มีการพูดคุยกับชายหนุ่มที่รู้จักกันผ่านโซเชียลซึ่งฝ่ายชายนั้นยืนยันว่าคุณสมบัติที่หญิงสาวต้องการนั้นตรงกับเขาทุกอย่างเธอจึงตัดสินใจไปนอนกับผู้บริจาคสเปิร์มรายนี้โดยเธอนอนกับเขาทั้งสิ้นจำนวน 10 ครั้งด้วยกัน

จนเธอนั้นตั้งครรภ์อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องราวที่ทำให้เธอรู้สึกชอบเป็นอย่างมากเมื่อเธอไปรู้ความจริงมาว่าเงื่อนไขที่เธอได้ตั้งเอาไว้ไม่ตรงกับที่ชายหนุ่มระบุเลยเพราะฝ่ายชายนั้นเป็นคนเชื้อสายจีนและที่สำคัญไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยแถมไม่ได้เรียนหนังสืออีกด้วย นอกจากนี้ผู้ชายคนดังกล่าวก็เคยมีประวัติแต่งงานมาแล้วอีกด้วย

       เมื่อหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรู้ดังนั้นเธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่เนื่องจากว่าอายุครรภ์ของเธอเยอะแล้วไม่สามารถทำแท้งได้ในที่สุดเธอก็ได้มีการคลอดเด็กออกมาแล้วทิ้งเอาไว้ที่โรงพยาบาลโดยที่เธอนั้นไม่ต้องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้และปล่อยให้เจ้าหน้าที่หาครอบครัวใหม่

ให้กับเด็กพร้อมกันนี้หญิงสาวไทยญี่ปุ่นรายนี้และสามีของเธอยังได้ตัดสินใจจ้างทนายฟ้องร้องคนบริจาคสเปิร์มอีกด้วยโดยฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากถึง 330 ล้านเยนในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจของฝ่ายหญิง

   อย่างไรก็ตามสิ่งที่หญิงสาวรายนี้ได้ปฏิบัตินั้นทำให้คนในสังคมต่างก็ประณามเธอเป็นอย่างมากเพราะเธอนั้นมีความคิดที่ตื้นเขินมากจนเกินไปและเมื่อรู้ว่าคุณสมบัติของเด็กไม่ครบถ้วนตามที่เธอต้องการเธอก็พร้อมที่จะทิ้งเด็กทันที

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สวัสดิการนั้นได้กล่าวว่าเขารู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดแล้วเด็กนั้นจะได้ไปเจอกับพ่อแม่บุญธรรมที่มีนิสัยที่ดีกว่าหญิงสาวคนนี้

 

สนับสนุนโดย.   หวยฮานอยดึก

พลเมืองดีพบเด็กถูกลืมทิ้งเอาไว้ริมชายหาดบางแสน 

  เด็กถูกลืมทิ้งเอาไว้  เมื่อวันที่ 12 เดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.  แสนสุด  ซึ่งเป็นสถานนีตำรวจ ประจำจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าต้องบริเวณแหลมแท่นบางแสนซึ่งอยู่ช่วงบริเวณล็อคที่ 24 พบเด็กอายุประมาณ 2-3 ขวบเดินเล่นอยู่ตรงบริเวณริมชายหาดด้วย

เด็กคนดังกล่าวนั้นเป็นเด็กผู้หญิงซึ่งพลเมืองดีสังเกตมาสักระยะหนึ่งแล้วว่าเด็กอยู่คนเดียวและไม่มีผู้ปกครองอยู่ด้วยจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทำการตรวจสอบและติดตามหาผู้ปกครองของเด็ก

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้การตามหาบริเวณใกล้เคียงว่ามีผู้ปกครองของเด็กอยู่หรือไม่เมื่อปรากฏว่าไม่สามารถพบผู้ปกครองของเด็กจึงได้นำเด็กหญิงคนดังกล่าวไปไว้ที่สถานีตำรวจสภแสนสุขเพื่อประกาศตามหาผู้ปกครองของเด็กต่อไป

  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าหลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณสักบ่ายสอง  กริลแอร์   ในวันเดียวกันนั้นเอง  ได้มีหญิงสาวเป็นชาวต่างด้าวเดินทางมาที่สภแสนสุขและเข้าแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอรับตัวเด็กหญิงคนดังกล่าวโดยระบุว่าตัวเองนั้นเป็นแม่ของเด็กต้องการที่จะมารับลูกกลับบ้าน

          ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตัวเธอนั้นอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราโดยอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอแปดริ้วกับเพื่อนชาวต่างด้าวคนอื่นๆซึ่งในวันที่เกิดเหตุนี้เธอและเพื่อนๆที่เป็นชาวต่างด้าวด้วยกันต้องเดินทางมาที่จังหวัดชลบุรีเพื่อมาทำการซื้อของหลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ชักชวนกันแวะมาเที่ยวเล่นที่บริเวณแหลมแท่นบางแสน    เมื่อพักผ่อนกันได้สักระยะหนึ่งก็ได้ ชวนกันขึ้นรถกลับบ้านซึ่งตัวเธอเองนั้นลืมอุ้มลูกขึ้นรถไปด้วย 

        เมื่อออกมาจากบริเวณจังหวัดชลบุรีได้สักระยะหนึ่งได้มีการแวะปั๊มน้ำมันจึงมารู้ตัวอีกทีนึงว่าลูกสาวไม่ได้อยู่บนรถหลังจากนั้นก็ได้พากันขับรถกลับมาตรงบริเวณหาดแหลมแท่นบางแสนอีกครั้งเพื่อตามหาลูกจนทราบว่ามีพลเมืองดีมารับตัวรูปไปไว้ที่สถานีตำรวจจึงเดินทางมาที่สถานีตำรวจเพื่อรับตัวลูกสาวกลับบ้าน  

        อย่างไรก็ตามหญิงสาวชาวต่างด้าวซึ่งเป็นแม่ของเด็กยืนยันว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะทิ้งลูกสาวเอาไว้แต่เกิดเหตุสุดวิสัยที่เธอลืมลูกไว้จริงๆ  จากการตรวจสอบข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอบถามเด็กพบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ปกครองของเด็กจริงๆจึงได้ให้รับตัวเด็กกลับไปและไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆ 

  สำหรับเหตุการณ์ที่ผู้ปกครองลืมลูกของตัวเองในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจในลูกสาว   เพราะปกติแล้วพ่อแม่จะต้องให้ลูกอยู่ใกล้ตลอดเวลาแต่นี่กลับขึ้นรถและออกจากจุดเกิดเหตุไปได้สักระยะหนึ่งถึงพึ่งมารู้ว่าลูกไม่ได้อยู่กับตัวเองแสดงให้เห็นถึงการไม่รักและไม่ใส่ใจของลูกตนเอง 

แม่โวยคุณหมอ หลังกระดุมติดจมูกลูกแล้ว ให้รอนานแต่ไม่รักษา ทำเอาเด็กเกือบตาย 

  กระดุมติดจมูกลูก   กระดุมติดจมูกลูก  เป็นเรื่องราวของคุณแม่รายหนึ่งได้มีการโพสต์เล่าเรื่องราวเอาไว้ผ่านโซเชียล เมื่อวันที่ 24 เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2565  โดยเรื่องราวที่มีการโพสต์นั้นมีการระบุว่า ช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่งขอวันที่ 24 เดือนมกราคมลูกสาวของเธอนั้นได้พบปัญหากระดุมติดเข้าไปในรูจมูกเนื่องจากลูกของเธอนั้น

ดึงกระดุมจากเสื้อนอนแล้วยัดเข้าไปในจมูกด้านขวาเล่น  โดยคุณแม่รายนี้ระบุว่าตอนที่เธอเห็นลูกกระดุมยัดเข้าจมูกนั้นเธอรีบสั่งให้ลูกของเธอนั้นสั่งกระดุมออกแต่ปรากฏว่ากระดุมติดอยู่ด้านใน

         เนื่องจากว่าลูกของเธอนั้นมีน้ำมูกด้วยเมื่อคุณแม่รายนี้เห็นดังนั้นจึงได้พาลูกไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐโดยไปติดต่อที่ห้องฉุกเฉินซึ่งต้องรอคิวเป็นระยะเวลานานเกือบ 2 ชั่วโมงระหว่างนั้นลูกก็หายใจติดขัดอย่างไรก็ตามเมื่อถึงคิวเธอก็ได้เล่าอาการให้คุณหมอฟังแต่เมื่อคุณหมอได้มีการนำไฟฉายส่องเข้าไปในโพรงจมูกคุณหมอยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

โดยคุณหมอคนดังกล่าวยังบอกให้คุณแม่พาน้องกลับไปที่บ้านและถ้าหากพบความผิดปกติก็ให้พาลูกกลับมาหาอีกครั้งนึงในวันรุ่งขึ้นแต่ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจจะไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนช่วยดูอาการเพิ่มเติมก็ได้ 

         ภายหลังจากคุณแม่ได้นี้พาลูกกลับไปที่บ้านแล้วอาการของลูกยังไม่ดีขึ้นเธอจึงได้มีการนำไฟฉายส่องไปในโพรงจมูกของลูกแล้วเห็นว่ามีกระดุมติดอยู่ภายในโพรงจมูกจึงรีบนำลูกส่งโรงพยาบาลเอกชนซึ่งทางด้านคุณหมอของโรงพยาบาลเอกชนก็ได้มีการใช้เครื่องเอกซเรย์ 2 เข้าไปในจมูกและเห็นว่ามีกระดุมติดอยู่จึงใช้ที่คีบสามารถที่จะดึงออกมาได้

         อย่างไรก็ตามคุณแม่รายนี้ระบุว่าคุณหมอในโรงพยาบาลแรกนั้นไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไข้เธอพาลูกไปนั่งรอเพื่อให้คุณหมอตรวจอาการให้นานถึง 2 ชั่วโมงแต่คุณหมอกลับดูอาการของเด็กเพียงแค่ 5 นาทีแล้วบอกว่าเด็กไม่มีอาการผิดปกติอะไรซึ่งถ้าหากว่าเธอนั้นเชื่อคุณหมอลูกของเธออาจจะต้องเสียชีวิตจากกระดุมติดในโพรงจมูกก็เป็นไปได้ 

         อย่างไรก็ตามคุณแม่รายนี้ยังได้มีการล่อเพิ่มเติมด้วยว่าหลังจากที่โรงพยาบาลเอกชนรักษาอาการให้ลูกได้แล้วเธอก็พาลูกไปที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งแรกเพื่อทำการขอคุยกับคุณหมอที่ตรวจอาการให้กับลูกของเธอแต่ไม่สามารถติดต่อได้ทางโรงพยาบาลแนะนำให้ทำการเขียนร้องเรียนเอาไว้เท่านั้น

      หลังจากนั้นเธอก็ได้รับการติดต่อจากหัวหน้างานของคุณหมอคนดังกล่าวมาขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไรก็ตามคุณแม่รายนี้ระบุว่าเธอไม่ต้องการให้ทางโรงพยาบาลออกมาขอโทษแต่เธอต้องการให้กับคุณหมอที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลลูกสาวของเธอให้ออกมาชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวเท่านั้น 

 

สนับสนุนโดย.    หวยฮานอย บาทละ 1000

โซเชียลแห่แชร์  ชาวเมืองจันทบุรีพร้อมใจกันท้องเสียโดยไม่ได้นัดหมาย 

      โซเชียลแห่แชร์  มีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและน่าแปลกใจไปพร้อมกันเกิดขึ้นที่จังหวัดจันทบุรีเมื่อมีคนในโลกออนไลน์ต่างก็ออกมาแชร์เกี่ยวกับเรื่องของคนในจังหวัดจันทบุรีต่างก็พากันมีอาการท้องเสีย  โดยที่อาการท้องเสียนั้นเกิดขึ้นทั้งเด็กผู้ใหญ่รวมถึงคนชรา

และคนแต่ละคนนั้นก็มีแหล่งที่มาแตกต่างกันออกไปบางคนไม่ได้อาศัยอยู่ร่วมกันแต่ก็มีลักษณะของอาการท้องเสียมีอาการอาเจียนที่มีความคล้ายคลึงกันทำให้ทั้งโรงพยาบาลและสาธารณสุขต้องออกมาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น

      อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องนี้มีการเปิดเผยออกไปก็ทำให้ผู้คนต่างกันพากันสงสัยว่าเหตุการณ์ท้องเสียทั้งจังหวัดของชาวจันทบุรีนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรซึ่งหลายคนสงสัยว่าอาจจะมีโรคระบาดใหม่เกิดขึ้นในจังหวัดจันทบุรีหรือไม่ดังนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้มีการทำการตรวจสอบและออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 29 เดือนธันวาคมปีพศ 2564

           โดยผลการออกมายืนยันจากทางเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขยืนยันว่าในจังหวัดจันทบุรีนั้นไม่ได้เกิดโรคระบาดแต่อย่างใดแต่เหตุการณ์ที่เกิดคนท้องเสียขึ้นมาพร้อมกันทั้งจังหวัดนั้นเกิดขึ้นเพราะว่ามีอาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

เพราะจังหวัดจันทบุรีในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมีสภาพภูมิอากาศที่อากาศเย็นแล้วก็ร้อนในปัจจุบันทันด่วนทำให้อาหารที่มีการเตรียมไว้รับประทานนั้นอาจจะเสียง่ายซึ่งเมื่อผู้คน นำอาหารมารับประทานจึงเกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียนนั่นเอง

          อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหารทะเลหรือว่าน้ำประปาก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียของคนจังหวัดจันทบุรีที่เกิดท้องเสียอย่างพร้อมเพียงกันก็ได้เช่นเดียวกัน

       สำหรับในวันดังกล่าวที่มีการอ้างว่ามีการท้องเสียพร้อมกันทั้งจังหวัดนั้นไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลหรือที่คลินิกต่างๆต่างก็มีผู้คนไปรักษาอาการท้องเสียกันเป็นจำนวนมากทำให้เตียงในโรงพยาบาลนั้นเต็มจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวโซเชียลพากันแห่แชร์ข้อมูลดังกล่าวสร้างความตกใจให้กับคนอื่นๆเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

         ปัจจุบันผู้คนที่มีอาการท้องเสียได้รับการรักษาและพากันกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งทางนายแพทย์เองก็ได้มีการออกประกาศผ่านทาง Social ของทางโรงพยาบาลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองในช่วงนี้เนื่องจากว่าสภาพภูมิอากาศนั้นแต่เปลี่ยนง่ายดังนั้นเรื่องของอาหารการกินจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษและก่อนกินอาหารก็ควรจะล้างมือหรือก่อนทำอาหารนั้นก็ควรจะล้างเนื้อสัตว์และผักให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารนั่นเอง 

นอกจากนี้ควรยกเว้นการรับประทานที่มีการปรุงที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นมีการปรุงอาหารแบบสุกๆดิบๆหรือผักยังไม่ได้ล้างอาหารไม่สะอาดก็ไม่ควรที่จะนำมารับประทาน 

 

สนับสนุนโดย.   huaydee

ผู้ว่า กทม. ยอมรับว่าคุมโควิด-19ไม่อยู่

         ซึ่งวันนี้ท่านผู้ว่ากรุงเทพมหานครไปออกมายอมรับแล้วว่าตอนนี้ไม่สามารถที่จะคุมเข้มสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้เราก็จะพบเห็นจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคนต่อวันแล้วและยังพบการระบาดเป็นคัสเตอร์แบบกลุ่มก้อนมากขึ้น

แต่ก็ยังคงยืนยันมาตรการต่างๆที่จะต้องทำทั้งเรื่องของมาตรการการตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังทำอยู่มาตรการคุมเข้มต่างๆก็ยังคงทำรวมไปถึงควบคู่กันไปกับการเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอีกด้วยวันนี้ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวยอมรับว่าตอนนี้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ได้

เพราะว่ากรุงเทพมหานครมีประชากรที่มากและแออัดและอยากต่อการเข้าถึงในบ้างพื้นที่แตก็จะพยายามควมคุมให้มันดีที่สุดโดยขนาดนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกหลายคลัสเตอร์โดยทางกรุงเทพมหานครพยายามที่จะเข้มงวดกับมาตรการเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโควิด-19มาอย่างต่อเนื่องทั้งการสอสบสวนโรคและการค้นพบผู้ป่วยเชิงรุก

เพื่อจะนำเข้าสู่ในกระบวนการรักษารวมไปถึงเร่งการฉีดวัคซีน

เพื่อควบคุมการระบาดเพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อเป็นการเกิดความคุ้มกันหมู่และลดความเสี่ยงไม่ให้จำนวนของผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนเพิ่มสูงขึ้นไปมากกว่านี้และในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครก็ยังไม่สามารถที่จะคุมการแพร่ราดของไวรัสได้ภายใน1-2นี้มันก็เหมือนกับปลวกพอมันขึ้นมาจากดินมันก็แพร่กระจายๆ

เพราะว่าความหนแน่ในจังหวัดกรุงเทพมหานครมันมีอยู่เยอะมากแต่ทางภาครัฐก็ยังจะควบคุมไม่ว่าจะเป็นในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็ยังมีความกังวลและก็เป็นห่วงรองนายกนายอนุทินกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการคุยกันอยู่ตลอดว่าจะต้องทำอย่างไรแก้ไขอย่างไร

ซึ่งเราจะต้องควบคุมมันให้อยู่ให้ได้ภายในเร็ววันนี้ แพทย์ปริดา มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานครได้บอกว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19แบบเป็นกลุ่มก้อนในหลายพื้นที่ของจังหวัดกรุงเทพมหานครก็ทำให้สำนักอนามัยจะต้องกำหนดแผน

ในการจัดหน่วยฉีดวัคซีนเชิงรุกสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่การระบาดเพื่อควบคุมไม่ให้เชื้อขยายเป็นจำนวนวงกว้างส่วนใหญ่แล้วจะพบการระบาดแบบคัสเตอร์ตามแหล่งแออัดอย่างเช่นพื้นที่ก่อสร้างโรงงานตลาดรวมไปถึงชุมชนและนอกจากจะเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงแล้ว

เนื่องจากยังได้ประสานกับเจ้าของประกอบการโรงงานแคมป์คนงานก่อสร้างผู้นำชุมชนที่เกิดการระบาดแบบคัสเตอร์เพื่อขอความร่วมมือห้ามทุกคนเดินทางออกนอกพื้นที่อย่างเด็ดขาดพร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่สำนักอนามัยไปตรวจหาเชื้อเชิงรุกดูแลเรื่องของสุขาพิบาลสิ่งแวดล้อมให้กับคนที่อยู๋ในพื้นที่ที่มีการระบาดโควิด-19แบบคลัสเตอร์ด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  aesexy

หญิงสาวกลุ้มใจ รับไม่ได้สามีสุดจัญไรแอบจูบน้องสาวตอนหลับและจะโชว์อวัยวะเพศให้เด็กดู 

 

   รับไม่ได้สามีสุดจัญไร ในรายการคลับฟรายเดย์ซึ่งออกอากาศไปเมื่อวันที่ 5 เดือนพฤศจิกายนปีพศ 2564 ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการก็คือพี่อ้อยกับพี่ฉอดซึ่งมักจะมีการเปิดโอกาสให้ผู้คนจากทางบ้านโทรเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาหัวใจปัญหาชีวิตต่างๆ

ซึ่งในแต่ละครั้งที่มีการโทรเข้ามานั้นก็มักจะมีเรื่องให้ผู้คนได้ฟังและบางครั้งเนื้อเรื่องนั้นก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้

        อย่างไรก็ตามล่าสุดได้มีหญิงสาวคนหนึ่งโทรเข้ามารายการในวันดังกล่าวพร้อมทั้งขอความคิดเห็นจากพี่อ้อยพี่ฉอดว่าเธอควรจะทำอย่างไรดีเนื่องจากว่าสามีของเธอนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม   โดยหญิงสาวคนดังกล่าวระบุว่า เธออยู่กินกับสามีแต่งงานกันมานานถึง 10 ปีแล้วและขณะนี้ก็มีรูปอยู่ด้วยกันสองคนด้วยลูกคนโตของเธอนั้นอายุประมาณ 9 ขวบ

         อย่างไรก็ตามปัญหาที่เธอพบก็คือสามีของเธอนั้นมีพฤติกรรมชอบโชว์อวัยวะให้กับเด็กดูโดยเด็กนั้นก็จะเป็นลูกและหลานชายของเธอเองซึ่งลูกของเธอนั้นก็เป็นลูกสาวในขณะที่ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อมีอยู่วันนึงน้องสาวของเธอนั้นมาขออาศัยนอนที่บ้าน

และตกดึกสามีของเธอก็แอบย่องเข้าไปจูบปากน้องสาวของเธอทำให้น้องสาวของเธอตกใจและวิ่งมาฟ้องเธอซึ่งเธอได้มีการสอบถามสามีถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งแรกนั้นสามีปฏิเสธแต่หลังจากที่มีการซักไซ้เขาก็ยอมรับทั้งในเรื่องของการจูบปากน้องสาวของเธอ

รวมถึงเรื่องของการโชว์อวัยวะเพศให้กับเด็กๆดูทำให้เธอนั้นรู้สึกว่าสามีของเธอนั้นเปลี่ยนไปและเธอต้องหวาดระแวงเกรงว่าสามีของเธอนั้นจะทำอันตรายคนในครอบครัวของเธอ 

             อย่างไรก็ตามพี่อ้อยพี่ฉอดได้แนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาว่าไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเพราะจะทำให้เธอนั้นเสียสุขภาพจิตต้องคอยหวาดระแวงและกลุ้มใจที่สำคัญพฤติกรรมของสามีของหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาจากจิตแพทย์แนะนำว่าต้องพาสามีไปพบจิตแพทย์อย่าง

โดยด่วนนอกจากนี้ยังแนะนำหญิงสาวคนดังกล่าวด้วยว่าควรจะมีการสั่งสอนลูกสาวให้รู้ว่าส่วนไหนใครสามารถแตะต้องได้บ้างและส่วนไหนที่ควรระมัดระวังห้ามใครแตะต้องเด็ดขาดซึ่งเรื่องของการดูแลร่างกายของตนเองนั้นเป็นสิทธิของเด็กที่ควรที่จะต้องรู้และระมัดระวังและถ้าหากปล่อยเอาไว้เด็กถูกผู้เป็นพ่อรวนลามก็จะทำให้โตมามีปัญหาต่อตัวเด็กเอง   


สนับสนุนโดย.  agplus

อดีตเมียถ่ายคลิปแฉ ผัวหัวร้อนบุกทุบบ้านเละ เหตุแล้วง้อเมียไม่ยอมคืนดี

     จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเป็นผู้ชายคนหนึ่งถือค้อนทุบไปที่ประตูและหน้าต่างของบ้านหลังหนึ่งจนได้รับความเสียหายโดยเจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงสาวได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้  ซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้ด้วยความตกใจด้วยอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในคลิปนั้นจบลงเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงแล้วเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ 

       จากคลิปดังกล่าวที่เผยแพร่ออกไปทำให้เมื่อวันที่ 30 เดือนตุลาคมปีพศ 2564 สำนักข่าวแห่งหนึ่งได้มีการเข้าติดตามข่าวโดยมีการติดต่อไปยังผู้ที่เผยแพร่คลิปซึ่งเป็นคนถ่ายคลิปดังกล่าวนั้นเองโดยระบุว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นบ้านของเธอ

ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่เขตบางขุนเทียนส่วนผู้ชายที่มีการทุบประตูบ้านและหน้าต่างบ้านของเธอนั้นเป็นอดีตสามีของเธอเองโดยหญิงสาวคนดังกล่าวเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าเธอและสามีแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาจนมีลูกด้วยกัน 1 คนแต่ปรากฏว่าช่วงภายหลังนั้นสามีของเธอไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของยาเสพติด และมักจะทะเลาะกับตนเองอยู่เป็นประจำ

 

          นอกจากนี้ยังมักจะชอบเที่ยวผู้หญิงขายบริการและที่สำคัญพฤติกรรมของสามีของเธอนั้นเปลี่ยนไปอารมณ์รุนแรงมากยิ่งขึ้น

และบางวันนั้นก็มีการถอดเสื้อผ้าเดินอยู่ภายในบ้านทั้งที่ในบ้านนั้นก็มีลูกสาวอยู่ด้วยซึ่งภายหลังจากที่พฤติกรรมของสามีของเธอเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนเธอรับไม่ได้เธอตัดสินใจขอหย่ากับสามีแต่ถ้าหลังที่มีการหย่ากันไปแล้วปรากฏว่าสามีของเธอก็ยังตามตอแยเธออยู่ตลอดเวลาพยายามติดต่อขอคืนดีด้วย

          จนในวันเกิดเหตุนั้นสามีของเธอกลับมาที่บ้านหลังดังกล่าวและต้องการที่จะพูดคุยกับเธอแต่เธอไม่ต้องการคุยด้วยด้วยความโมโหสามีของเธอจึงไปหาค้อนมาทุบประตูหน้าต่างและเข้าไปภายในบ้านพังข้าวของภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด

เธอจึงได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะดำเนินคดีกับสามีของเธอในข้อหาทำลายข้าวของโดยเธอหวังว่าเธอกับสามีของเธอนั้นจะแยกกันอยู่อย่างสิ้นเชิงและไม่ต้องติดต่อกันเพราะเธอเองก็ไม่อยากมีปัญหากับสามี

         ซึ่งทางด้านผู้สื่อข่าวเองก็ได้มีการติดต่อฝ่ายชายซึ่งเป็นอดีตสามีของหญิงสาวเพื่อให้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ว่าฝ่ายชายนั้นไม่ต้องการให้ข่าวใดๆทั้งสิ้นยืนยันว่าในขณะนี้ไม่ได้คิดหนีไปไหนแต่ที่ไม่ต้องการให้ข่าวเพราะยังอยากจะต้องการพักผ่อนและถ้าพร้อมเมื่อไหร่เขาจะออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง 

 

สนับสนุนโดย.  เว็บหวย ไม่มี เลขเต็ม เลขปิด

UNลงมติให้พม่าคืนประชาธิปไตย ประเทศไทยไม่ออกเสียง

UNลงมติให้พม่าคืนประชาธิปไตย โดยมีมติในที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติต้อเรียงแบบว่าตบหน้าพม่าอย่างหน้าหันหน้าชาคว่ำไปกองกับพื้นเพราะว่าเป็นการลงมติในที่ประชุมใหญ่ที่เกิดขึ้น

เป็นครั้งที่4หลังจากสงครามโลกครั้งที่2ขอให้ทหารพม่านั้นคือประชาธิปไตยให้กับประชาชนหลังจากการรัฐประหารตั้งแต่วันที่1กุมภาพันธ์

นอกจากขอให้ทหารพม่าคือประชาธิปไตยให้กับประชาชนแล้วนั้น

ยังมีมติห้ามการซื้อขายอาวุธให้กับทหารพม่าอย่างเด็ดขาดเป็นการลงมติที่ไม่ไว้หน้าทหารพม่าเพราะว่าเป็นมติที่เกิดการลงแบบนี้เป็นครั้งที่4หลังจากสงครามโลกครั้งที่2แล้วก็เป็นมติที่เลขายูเอ็นได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ก่อนลงมติอย่างชัดเจน

ซึ่งเราไม่สามารถอยู่ในโลกการรัฐประหารเป็นเรื่องปกติได้ต่อไปโดยทูตพิเศษในเมียนมานั้นได้กล่าวในที่ประชุมด้วยว่าพม่ามีความเสี่งที่จะเกิดสงครามกลางเมืองขนาดใหญ่เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากจะต้องเร่งรีบคว่ำควบคุมทหารของพม่าให้ทันทวงทีนี่คือมติที่มีความสำคัญ

ก่อนหน้าที่จะมีมติดังกล่าวกก็มีความขัดแย้งในหมู่ประเทศต่างๆ

อย่างกว้างขวางก่อนที่จะมีมติเสียงมี119ประเทศรับลองมติดังกล่าวก็มีแต่ ประเทศไทย ที่ยังวางเฉยไม่ลงมติประณามทหารพม่าไม่ลงมติการคัดค้านการขายอาวุธให้ทหารพม่าไม่ลงมติเรียกร้องให้ทหารพม่าคือประชาธิปไตยให้กับลประชาชน

นอกจาก ประเทศไทย แล้วก็ยังมีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชาลาวที่ลงมติในลักษณะเดียวกันดังนั้นขณะที่โลกเลือกเส้นทางของการตบหน้าทหารพม่าเรียกร้องห้ามค้าอาวุธให้กับทหารพม่าเรียกร้องให้ทหารพม่าคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชนนั้น ประเทศไทย กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่วางเฉยไม่ทำเรื่องดังกล่าว

ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างประยุทธ์ จันทร์โอชาและมินอ่องลายของทหารพม่าที่มีการเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นเวลานานก็ได้มตินี้ถือว่าเป็นมติจุดเปลี่ยนของโลกเพาะว่าเป็นมติที่หลังจากนี้จะคงมีการดำเนินมาตรการต่างๆต่อไป

ในการปฏิบัติการเรื่องของทหารพม่าในวันนี้ในเมียนมาเป็นเรื่องใหญ่ก็คือเป็นวันเกิดของนางอองซานซูจีและเป็นวันเกิดของอองซานซูจีที่มีการแสดงออกของสัญลักษณ์ประชาชนในการเดินขบวนเป็นการเดินขบวนพร้อมกับติดสัญลักษณ์เป็นรูปดอกไม้

เพราะว่าเป็นสัญลักษณ์ของนางอองซานซูจีก็เป็นการแสดงออกที่นางอองซานซูจียังถูกจับกุมคุมขังอยู่โดยเผด็จการพม่ามาเป็นระยะเวลาหลายวันเกิดการเดินขบวนอยู่หลายจุดไม่ว่าจะเป็นที่รัฐมอญที่เมืองสกายที่มืองใหญ่ๆต่างๆหรือแม้กระทั่งย่างกุ้งเองก็มีการเดินขบวนอย่างดุดดันขอคนรุ่นใหม่ในรูปแบบแฟลชม็อบ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  wm เครดิตฟรี 100

ผิดหวังอย่างแรง.. สาวสั่งแซลมอน แต่ได้ไม่ตรงปก 

         เมื่อวันที่ 12 เดือนมิถุนายนปีพศ 2564 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ข้อความที่เธอสนทนากันกับร้านค้าแห่งหนึ่งในไลน์โดยระบุว่าเธอนั้นได้มีการไปซื้อปลาแซลมอนที่ร้านค้าแห่งนี้และได้สินค้าไม่ตรงกับในภาพที่ทางร้านค้ามีการโฆษณาเอาไว้

ซึ่งเมื่อเธอได้มีการทักแชทไปคุยกับทางร้านค้าเกี่ยวกับสินค้าที่ได้รับมาว่าไม่ตรงกับที่ร้านค้ามีการโฆษณาทางร้านค้ากับยืนยันว่าเป็นสินค้าที่ตรงกับจำนวนเงินที่จ่ายแล้วโดยทางร้านค้ายังยืนยันอีกด้วยว่าถ้าหากว่าต้องการได้ปลาแรดสดจะต้องมีการจ่ายเงินกิโลกรัมละ 950 บาทแต่ที่ลูกค้าสั่งมานั้นเป็นปลาแช่แข็งซึ่งจะอยู่ในราคากิโลกรัมละ 550 บาท

         อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนดังกล่าวระบุด้วยว่าตอนที่เธอมีการทักแชทไปคุยกับแม่ค้าขายปลาแซลมอนนี้ทางด้านแม่ค้าไม่ได้ให้ข้อมูลกับเธอเกี่ยวกับเรื่องของรายละเอียดของปลาเพราะเธอได้มีการส่งรูปภาพไปให้ทางร้านดูและถามด้วยว่าปลาของร้านนั้นสดจริงหรือไม่และเหมือนกับในรูปหรือไม่ซึ่งทางร้านก็ยืนยันว่าปลาของทางร้านนั้นสดและตรงกับในรูปภาพทุกอย่าง

         นอกจากนี้ทางร้านยังบอกอีกด้วยว่าปลาใน 1 กิโลกรัมนั้นลูกค้าสามารถซื้อไปแล้วสามารถทำกินได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทำซาซิมิกินหรือจะดองซีอิ๊วกินก็ได้อย่างไรก็ตามลูกค้าใช้บริการในการขนส่งแบบเดลิเวอรี่

ซึ่งเมื่อได้รับสินค้าแล้วเปิดออกดูปรากฏว่าสินค้านั้นแตกต่างจากที่เคยเห็นในรูปโฆษณาเป็นอย่างมากแต่เมื่อมีการทักไปร้านค้ากับปัดความรับผิดชอบและระบุว่าเธอมีการสั่งสินค้าไม่ตรงเองซึ่งร้านค้ายืนยันว่าราคาที่ลูกค้าสั่งนั้นเป็นราคาของปลาแช่ฟิช ไม่ใช่ปลาแล่สดนั่นเอง 

          หลังจากที่โพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล

ทำให้ร้านค้าที่ขายปลาแซลมอนให้หญิงสาวคนดังกล่าวต้องออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยทางร้านค้ายืนยันว่าปลาของทางร้านนั้นสดและตรงตามปกอย่างแน่นอนแต่ลูกค้านั้นได้มีการสั่งซื้อเข้ามาอีกแบบหนึ่งจึงทำให้ได้รับปลาแช่แข็งไปนอกจากนี้ทางร้านค้าก็ยังได้รับผิดชอบโดยการรับซื้อคืนเพียงแค่ให้ลูกค้านั้นจ่ายเงินค่าขนส่งเองและลูกค้าก็เป็นฝ่ายปฏิเสธที่จะคืนพากลับมาให้ทางร้าน

         อย่างไรก็ตามหลังจากที่ร้านค้าได้ออกมาชี้แจงนั้นปรากฏว่าทัวร์ลงไปที่ร้านขายปลาแซลมอนมากขึ้นกว่าเดิมโดยหลายคนมองว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกเพราะมีลูกค้าหลายรายที่เคยซื้อปลาแซลมอนกับร้านนี้

และเคยเจอปัญหาเช่นเดียวกันโดยมองว่าร้านค้าให้ข้อมูลลูกค้าได้ไม่ครบถ้วนให้ข้อมูลแบบกำกวมทำให้ลูกค้านั้นสั่งซื้อสินค้าผิดและร้านค้าควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขที่สำคัญการรับสินค้าคืนนั้นร้านค้าควรจะรับผิดชอบค่าขนส่งเองไม่ควรที่จะให้ลูกค้าเป็นคนรับผิดชอบในส่วนนี้ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  huaydee

คลิปบีบหัวใจแม่ชาวจีน มัวแต่เม้าท์มอยกับเพื่อนปล่อยลูกสาว 4 ขวบจมน้ำเสียชีวิต

        คลิปบีบหัวใจแม่ชาวจีน    มีการรายงานข่าวออกมาจากเว็บไซต์ของจีนเมื่อวันที่ 5 เดือนสิงหาคมปีพศ 2564 ว่ามีเหตุการณ์น่าสนใจเกิดขึ้นโดยมีการรายงานข่าวเป็นแบบคลิปวีดีโอให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายในสถานที่ที่ถูกระบุว่าเป็นสระว่ายน้ำสาธารณะซึ่งเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็กโดยในคลิปวีดีโอนั้นมีการระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุว่าเป็นช่วงเวลาวันที่ 31 เดือนกรกฎาคมปีพศ 2564

         เหตุการณ์ที่น่าสนใจนี้เกิดขึ้นที่มณฑลกวางตุ้งในเมืองเจียงหยาง   เมื่อมีผู้ปกครองซึ่งเป็นคุณแม่ของเด็กได้พาลูกสาววัย 4 ขวบ ไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำสาธารณะซึ่งเป็นสระว่ายน้ำของเด็กโดยแม่ของเด็กนั้นได้เอาห่วงยางแล้วจับเด็กนั่งในห่วงยางหลังจากนั้นตนเองและคนอื่นๆก็ไปยืนคุยกันพร้อมกับกินข้าวไปด้วยโดยที่ไม่ได้หันมามองเด็กที่เล่นน้ำในสระเลย

       อย่างไรก็ตามในคลิปจะเห็นได้ว่าเด็กหญิงวัย 4 ขวบนั้นหลังจากที่ลงสระได้สักพักหนึ่งก็ปรากฏว่าห่วงยางน้ำพริกคว่ำทำให้เด็กนั้นหน้าจมลงไปในน้ำซึ่งเธอพยายามดิ้นทุรนทุรายแต่ก็ไม่มีผู้ปกครองคนไหนหันมาเจอเธอเลยทำร้ายในคลิปจะเห็นได้ว่าป้าของเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่จมน้ำได้มีการนำเด็กคนอื่นไปเล่นน้ำในสระน้ำด้วยแต่ผู้เป็นป้าไม่ได้มีการเหลียวมองมาทางหลานของตนเอง

      คลิปบีบหัวใจแม่ชาวจีน  และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งปรากฏว่าแม่ของเด็กได้หันมาดูลูกของตนเองก็เห็นว่าลูกของตนเองนั้นหน้าคว่ำลงไปในน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อมีการมาจับตัวดูก็พบว่าเด็กแน่นิ่งไปแล้วซึ่งท้ายที่สุดเด็กเสียชีวิตก่อนที่จะมีคนเห็นทำให้ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กไว้ได้เนื่องจากว่าเด็กตายก่อนที่แม่ของเด็กจะมาพบกันอีก

        จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เองทำให้หลายคนที่เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้นไม่พอใจกับพฤติกรรมของแม่ของเด็กที่มีการประมาทเลินเล่อมัวห่วงแต่พูดคุยกับผู้ปกครองคนอื่นมัวแต่ห่วงเม้าท์มอยจนทำให้ลูกตนเองนั้นเสียชีวิตซึ่งกว่าเด็กจะตายนั้นจะเห็นได้ว่าเด็กดิ้นทุรนทุรายขอความช่วยเหลือเป็นระยะเวลานานแต่ผู้ปกครองก็ไม่ได้สนใจเลย

          สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะดำเนินคดีว่าใครจะร่วมถูกดำเนินคดีกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้บ้างซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นแม่ของเด็กและอาจจะต้องดำเนินคดีกับเจ้าของสระว่ายน้ำที่มีการปล่อยปละละเลย  

     สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของสระว่ายน้ำนั้นปรากฏว่าเป็นสระว่ายน้ำสาธารณะซึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลผู้ปกครองที่จะพาเด็กมาเล่นสระว่ายน้ำแห่งนี้จะต้องคอยดูแลบุตรหลานของตนเอง  

 

สนับสนุนโดย.  หวยออนไลน์บาทละ 1000